สรุปงานเลี้ยงลูกค้า VIP #MBKET
มุมมอง ปี 2559
• เสี่ยยักษ์
– ปี 2557 ตลาดขึ้น คนมั่นใจมาก เล่นเพราะความมั่นใจ พอปี 2558 ตลาดลง ความมั่นใจหายไป ทำให้คนอาจไม่กล้าลงทุนเพราะแผลเก่ายังรักษาไม่หาย โดยยังมองว่า หุ้นในประเทศไทยมีเยอะมาก มองวิกฤตมีโอกาสอยู่เสมอ หุ้นที่ดียังที่ยังหลับอยู่มีอยู่เสมอ
– สไตล์การลงทุนแบบ ตะกร้าใบเดียว
– วิธีเลือกหุ้น ถ้าถามว่าหุ้นที่คุณถืออยู่ อีก 3 เดือน , 6 เดือน หรือ 1 ปี มันดีกว่าวันนี้ไหม ถ้าตอบว่าดีกว่า ไม่ต้องกลัว
– กลัวหุ้นลงไหม ?? เสี่ยยักษ์บอก “ไม่ใครไม่กลัวบ้าง … ผมก็กลัว ผมเลยไปขี่จักรยานไง … แต่ผมคิดแล้ว ศึกษาแล้ว ปรึกษานักวิเคราะห์ คิดว่ามันไม่ผิด”
– ที่คนส่วนใหญ่แพ้คือ “เวลา” มันทำให้ความมั่นใจเราหายไป
—
– ยังคงลงทุนในตลาดหุ้นไทย 100% (2 ตัว: BEM และ …)
– สไตล์เลือกหุ้นคือ “ชอบคุ้ยขยะ” เลือกตัวที่ดีแต่คนมองข้าม … ซื้อไปแล้ว ไม่แพ้ … ตรงนี้เตี้ยติดดิน … อีก 6 เดือนต้องมีอนาคต … แต่ไม่ใช่สไตล์หุ้นปั่น
– อายุที่มากขึ้นทำให้ลักษณะการลงทุนเปลี่ยนไปคือ เน้นกินคำใหญ่ทีเดียวหนักๆ ไม่ไล่ล่าเหมือนสมัยวัยรุ่น
—
– ปีนี้กลัวอะไรมากสุด? … เสี่ยยักษ์บอก “ผมไม่กลัวแล้ว”
– คนเลิกเล่นหุ้นมีอยู่ 2 คน คือ ตาย กับ หมดตัว
—
– คนชนะทุกคน ต้องมีความฝัน
– สิ่งหนึ่งที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ มันคู่ควรกับความฝันคุณแล้วหรือยัง
– เทคนิค 20 % พื้นฐาน 20 % อีก 60% ที่เหลือคือ “ประสบการณ์” กับ “ใจ”
• คุณนเรศ
– ปีนี้คุณนเรศมั่นใจมาก เชื่อว่าตัวหลักๆ ในพอร์ตสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 100 %
– หุ้นที่คุณนเรศถืออยู่เป็นหุ้นที่กำลังปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจที่กำลังจะเติบโตครั้งใหม่
– *** ตัวแรกที่มั่นใจ TPIPL: ตัวสำคัญคือพลังงานไฟฟ้าขยะ กำลังจะเอาตัวนี้เข้าตลาด (โดย TPIPL จะถือ 100%) ประเมินว่ามูลค่ามีค่าถึง 5 หมื่นล้าน แต่ Market cap. ของ TPIPL มีเพียงแค่ 4 หมื่นล้านกว่า เชื่อว่าธุรกิจพลังงานเมื่อรวมกับธุรกิจอื่นๆ ของ TPIPL จะมีมูลค่ารวมๆกันเกินกว่า 8 หมื่นล้าน
– เคยมีกรณีตัวอย่างของ BTS กับ VGI ในลักษณะนี้มาแล้ว โดยคุณนเรศสามารถทำกำไรได้กว่า 10 เท่าของเงินลงทุนใน 2 ตัวนี้ (ใช้ margin ด้วย) ใช้ประมาณ 2 ปี
– *** ต้นทุน TPIPL ของคุณนเรศ เฉลี่ยอยู่ที่ 1.60 บาท (คาดว่าจะขึ้นไป 5 บาท)
– *** ถือไว้ 300 ล้านหุ้น
—
– ตัวที่สอง VGI: กลับเข้ามาเก็บใหม่ เพราะบริษัทปรับโครงสร้างใหม่ โดยเชื่อว่าหากบริษัททำอะไรเสร็จเรียบร้อยจะสามารถขึ้นไปแตะจุดสูงสุดเดิมได้ที่แถวๆ 7 บาท
– VGI ถืออยู่พอสมควร แต่ไม่มีต้นทุนแล้ว (ที่ขายออกไปได้กำไรและต้นทุนทั้งหมด)
—
– หุ้นหลักๆ มีสัดส่วนในพอร์ตประมาณ 70-80% ส่วนที่เหลือกระจัดกระจาย ไว้เพื่อเหตุผลต่างๆ
– มีเทรดสั้นๆ เพื่อทำกำไรเล็กๆน้อยๆ (ที่เล่นอยู่มีประมาณ 12 ตัว โดยจะเล่นแต่ตัวซ้ำๆ เพราะว่าเข้าใจพฤติกรรมมันดี … ส่วนใหญ่ได้กำไรค่อนข้างทุกวัน)
—
– *** การเลือกฟังกูรู ควรพิจารณาดีๆ ควรแยกแยะให้ออก … เค้าเป็นกูรูเพราะว่า เค้าผ่านประสบการณ์ในการลงทุนมา จนประสบความสำเร็จจนเป็นกูรู หรือเพียงเพราะเขาอยู่ในจุดที่ได้เปรียบ เค้าไม่เห็นต้องลงทุน เค้าได้เปรียบคนมาตลอด อย่างงั้นเค้าอาจจะไม่ใช่
—
– ต้องมีความมุ่งมั่น ความมั่นใจเป็นสางสำคัญ เลือกที่จะเป็นนักลงทุนแล้ว ก็ต้องมุ่งมั่นที่จะเป็น
– ถ้าเลือกที่ลงทุนแล้ว ก็ควรจะลงทุนอย่างมีความสุข
• เสี่ยปู่
– เชื่อว่าช่วงนี้ค่าเงินในช่วง 36-37 บาท/ดอลลาร์ จะเป็นช่วงที่ฝรั่งกลับเข้ามาซื้อตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง
– จะไม่ค่อยดูภาพรวมตลาดมากเท่าไร่ แต่จะโฟกัสไปที่หุ้นในพอร์ตมากกว่า
– พูดถึงหุ้น ORI โดยเชื่อในความสามารถผู้บริหาร
—
– ไม่ค่อยเล่นเก็งกำไรเท่าไร่
– พูดถึงหุ้น Consumer finance
สรุปพอร์ต ปี 2558
• เสี่ยยักษ์
ปีที่แล้ว 2558
– ปีที่แล้ว SET -14% พอร์ตเสี่ยยักษ์บวกประมาณ 20% เพราะถือหุ้น BEM อยู่ครึ่งหนึ่งของพอร์ต
– ถือ 2 ตัว 1. BEM 2. – (กำลังปั้นอยู่)
– ที่เลือกถือ BEM เพราะเคยไปต่างประเทศที่ญี่ปุ่น เห็นรถไฟฟ้ามีคนขึ้นเต็มอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งตัวอย่างจากหุ้น BTS ซึ่งตามตัวนี้มาตั้งแต่เข้า IPO ประมาณ 8 ปีก่อน
– โดยเข้าไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วเพราะราคาหุ้นลงมาต่ำมาก คิดว่ามันแพ้ยาก
– วิธีการเข้า ลักษณะคล้ายเศรษฐีที่ดิน คือซื้อ 100 ไร่ ก็ออก 100 ไร่
– BEM ตอนนี้ขายไปแล้วนิสนึง เหลืออยู่อีก 70%
• คุณนเรศ
ปีที่แล้ว 2558
– ช่วงเดือน ก.พ. พอร์ต +40% แต่พอสิ้นปีเหลือไม่ถึง 10%
– เล่นกระจาย ตัวใหญ่ๆ 5 บริษัท ทั่วไปอีก 10 บริษัท
• เสี่ยปู่
ปีที่แล้ว 2558
– กำไรประมาณ 20%
– หลักๆ ได้กำไรมากจากลงทุนก่อน IPO
– Thai solar energy (TSE) ซื้อที่ 1.20 บาท กำไรเกือบ 10 เท่า ขึ้นไป 12 บาท ขายไปแล้ว
– Power solution (PSTC) ลงทุนไปที่ 0.1250 บาท (ไม่ชัวร์) เข้าตลาดขึ้นมา 2 บาทกว่า