สรุปหนังสือ THE COMPOUND EFFECT สะสมนิสัยเล็ก ๆ สร้างความสำเร็จให้ทวีคูณ

ผู้เขียนได้เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา เพื่อดึงผู้คนกลับสู่พื้นฐานที่สำคัญมากที่สุด ช่วยกำจัดปัญหาอันยุ่งเหยิง และทำให้หันมาสนใจพื้นฐานสำคัญก่อน หนังสือเล่มนี้จะสอนวิธีใช้พลังแห่งผลลัพธ์ทวี นี่คือพลังที่ทำงานอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม สามารถใช้ประโยชน์จากพลังนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทิศทางที่ถูกต้องได้ หนังสือเล่มนี้คือคู่มือที่จะสอนให้ใช้พลังนั้นอย่างเชี่ยวชาญ เมื่อใช้ประโยชน์จากพลังนี้แล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดจะขวางความสำเร็จได้

ถ้าถามว่าทำไมถึงรู้ว่าพลังแห่งผลลัพธ์ทวีคือ หนทางไปสู่ความสำเร็จสูงสุด คำตอบแรกคือผู้เขียนเคยนำแนวคิดนี้มาปรับใช้กับตัวเองแล้ว ทุกอย่างที่เขียนนั้นกลั่นมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของเขาเอง ผู้เขียนตั้งใจใช้ชีวิตโดยยึดแนวคิดต่าง ๆ ที่มีอยู่ในหนังสือเล่มนี้ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ศึกษาเกี่ยวกับความสำเร็จและการบรรลุเป้าหมายเยอะมาก ใช้เงินหลายล้านเพื่อทดลองแนวคิด วิธี และปรัชญาต่าง ๆ นับพันรูปแบบ ประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนพิสูจน์ว่า ไม่ว่าจะใช้กลยุทธ์ใดก็ตาม ความสำเร็จล้วนเกิดจากพลังแห่งผลลัพธ์ทวีทั้งสิ้น

คำตอบที่ 2 คือผู้เขียนเป็นผู้นำในศาสตร์ด้านการพัฒนาตนเองมานานกว่า 16 ปี เขาทำงานร่วมกับผู้นำทางความคิด นักพูด และนักเขียนที่ได้รับการเคารพมากมาย มีโอกาสถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ประกอบการหลายหมื่นคน เลยมีกรณีศึกษานับพันที่บอกว่า วิธีไหนได้ผลและวิธีไหนไม่ได้ผล

คำตอบที่ 3 คือในฐานะบรรณาธิการของนิตยสาร SUCCESS ได้อ่านหนังสือและบทความต่าง ๆ ที่ถูกส่งเข้ามาอย่างละเอียด ได้สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในหัวข้อต่าง ๆ เกี่ยวกับความสำเร็จ ขุดคุ้ยหาไอเดียที่ยอดเยี่ยมที่สุดของพวกเขา ได้รับข้อมูลด้านการพัฒนาตัวเองตลอดทั้งวันและทุก ๆ วัน

ประเด็นคือเมื่อเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเองอย่างชัดเจน และมีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ทั้งในแง่ทฤษฎีและการปฏิบัติ จากบรรดาบุคคลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ความจริงบางอย่างจะปรากฏขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับหลักการที่สำคัญจริง ๆ เท่านั้น สรุปเป็นหลักการ 6 ข้อ เป็นระบบการทำงานที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมาย และมีชีวิตในแบบที่คู่ควร หลักการ 6 ข้อซึ่งรวมกันเป็นสิ่งที่เรียกว่า พลังแห่งผลลัพธ์ทวี ดังนั้น ตอนนี้มาเริ่มต้นไปพร้อม ๆ กันเลย

บทที่ 1 ใช้พลังแห่งผลลัพธ์ทวี

พลังแห่งผลลัพธ์ทวี ซึ่งเป็นความลับเบื้องหลังความสำเร็จของผู้เขียน คนเรามักถูกหลอกมาตลอด ถูกโฆษณาสะกดจิต มันพยายามยัดเยียดตัวปัญหาที่ยังไม่เกิดให้ แล้วก็เสนอวิธีแก้ไขปัญหานั้นอย่างรวดเร็วให้ ถูกครอบงำให้เชื่อในฉากจบ หรือฝันจนมองไม่เห็นคุณค่าแบบเดิม ๆ ของการทำงานหนักและสม่ำเสมออีกต่อไป จะพาไปสำรวจอุปสรรคต่าง ๆ เหล่านี้ทีละข้อกันเลย

แค่ไม่เคยเห็นพลังแห่งผลลัพธ์ทวี หลักการผลลัพธ์ทวีจะช่วยให้ได้รางวัลก้อนโต จากการทำสิ่งเล็ก ๆ อย่างชาญฉลาด สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ผลลัพธ์ของมันจะยิ่งใหญ่ แต่จะรู้สึกว่าแทบไม่ได้ลงมือทำอะไรมากมาย คนส่วนใหญ่พลาดท่าให้กับความเรียบง่ายของผลลัพธ์ทวี ขั้นตอนเล็ก ๆ ที่ดูไม่สำคัญ แต่ต้องค่อย ๆ ทำอย่างสม่ำเสมอนั้น จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้

เหรียญวิเศษ 1 สตางค์ ถ้ามี 2 ทางให้เลือกคือ 1.หยิบเงินสด 3 ล้านบาทไปได้ทันที 2.จะได้เหรียญ 1 สตางค์วิเศษเพียงเหรียญเดียว แต่มันจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทุกวันนาน 31 วัน สมมุติว่าเราเลือกเงินสดเป็นก้อน 3 ล้าน แล้วเพื่อนเลือกเหรียญ 1 สตางค์ เวทมนต์ของพลังแห่งผลลัพธ์ทวีที่ซ่อนอยู่ก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น เงิน 1 สตางค์ที่เติบโตแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เพิ่มขึ้นเท่าตัวทุกวันจะกลายเป็น 10,737,418 บาทในวันที่ 31 ซึ่งมากกว่าเงิน 3 ล้าน ในมือถึง 3 เท่าในวันสุดท้ายของศึกมาราธอนนาน 1 เดือนนี้ เพื่อนเอาชนะเราได้อย่างขาดลอย เขาจะมีเงินเกิน 10 ล้าน ในขณะที่ตัวเราเองมีแค่ 3 ล้านเท่านั้น ผลลัพธ์ทวีก็เหมือนกับ เวทมนต์ของเหรียญ 1 สตางค์นี้ และมันยังมีอิทธิพลต่อชีวิตในทุกด้านด้วย

ความสำเร็จแบบดั้งเดิม สิ่งที่ท้าทายมากที่สุดของผลลัพธ์ทวีก็คือ ต้องลงมือทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ และมีประสิทธิภาพไปสักพัก ก่อนที่จะค่อย ๆ เห็นผลในภายหลัง อาการนิ่งนอนใจทำลายทุกอาณาจักร ที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีตมาแล้ว เหตุผลก็เพราะไม่มีสิ่งใดเป็นบ่อเกิดแห่งความล้มเหลวได้เท่ากับความสำเร็จ แต่ถ้าอยากประสบความสำเร็จ อย่าเชื่อเด็ดขาดว่าจะขอพรจากยักษ์จินนี่ในตะเกียงวิเศษได้ อย่าคิดว่านั่งอยู่บนโซฟาแล้วเช็คเงินสดจะลอยเข้ามาที่ตู้ไปรษณีย์หน้าบ้านได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นโฆษณาหลอกลวง ที่คอยบงการโดยใช้จุดอ่อนในตัวของผู้คน ความสำเร็จที่แท้จริงและยั่งยืนจะเกิดขึ้น เมื่อลงมือปฏิบัติและทำงานหนัก

เสพติดความเร่งด่วน ถ้าเข้าใจพลังแห่งผลลัพธ์ทวี จะเป็นอิสระจากผลลัพธ์จานด่วน มันคือความเชื่อที่ว่า ความสำเร็จควรเกิดขึ้นเร็วราวกับอาหารจานด่วน เมื่อเข้าใจพลังแห่งผลลัพธ์ทวีแล้ว จะไม่ต้องการวิธีแก้ปัญหาแบบลวก ๆ หรือเวทมนต์พิเศษเพื่อแก้ปัญหาสารพัดอย่างอีกต่อไป อยากให้เข้าใจว่าหนทางสู่ความสำเร็จเพียงหนึ่งเดียว ล้วนเกิดขึ้นจากระเบียบวินัยรายวัน ที่แสนจะธรรมดา ไม่สวยงาม และไม่ตื่นเต้น

บทที่ 2 ทางเลือก

ทุกคนเกิดมาบนโลกเหมือนกัน ตอนเกิดตัวเปล่าเปลือย ตื่นกลัว และโง่เขลา แต่หลังจากใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ สิ่งที่จะตัดสินว่าสุดท้ายแล้วชีวิตจะลงเอยอย่างไรนั้นก็คือ ทางเลือกในชีวิต ทางเลือกเป็นได้ทั้งเพื่อนรักและศัตรูร้าย มันจะนำไปสู่เป้าหมายหรือผลักไสออกไปไกลยันทางช้างเผือกก็ได้ทั้งนั้น ทุกอย่างในชีวิตเกิดขึ้นเพราะเลือกทางเลือกเหล่านั้น ด้วยตัวเองตั้งแต่แรก ทางเลือกคือต้นเหตุของผลลัพธ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทางเลือกแต่ละทางจะริเริ่มพฤติกรรมบางอย่างขึ้น แล้วค่อย ๆ พัฒนาจนกลายเป็นนิสัยในท้ายที่สุด

สรุปง่าย ๆ ว่า ทุกการตัดสินใจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ จนเปลี่ยนแปลงชีวิตได้มากขนาดไหน  ทุกทางเลือกล้วนส่งผลต่อชีวิตทั้งสิ้น ความท้าทายไม่ได้อยู่ที่เลือกเส้นทางแย่ ๆ โดยตั้งใจเพราะปัญหาแค่นี้แก้ไม่ยาก แต่มักเลือกโดยไม่ได้ตั้งใจต่างหาก บ่อยครั้งคงไม่รู้ตัวว่ากำลังเลือกเส้นทางต่าง ๆ ด้วยซ้ำ คนเรามักเลือกทำสิ่งต่าง ๆ ตามวัฒนธรรม หรือสิ่งที่ถูกสอนมา อาจคุ้นชินกับมันจนรู้สึกว่าไม่มีทางเลือกอื่นแน่ ๆ ความจริงแล้วไม่ได้ตั้งใจจะทำลายตัวเอง แต่แค่ลืมคิดถึงการตัดสินใจนั้นว่า มันมีความเสี่ยงหรือส่งผลร้ายกับตัวเองได้ แต่บ่อยครั้งเหตุการณ์เหล่านี้ มักเกิดจากผลลัพธ์ของทางเลือกเล็ก ๆ ที่ไม่ได้เรื่องหลายทางรวมกัน

ช้างไม่กัด มีใครเคยโดนช้างกัดไหม แล้วยุงเคยไหม ยุงคือสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่กัดได้ อาจเคยเห็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ที่ทำลายอาชีพหรือชื่อเสียงได้ในชั่วพริบตา สิ่งที่น่ากังวลสำหรับคนส่วนใหญ่คือ สิ่งเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยทั้ง ๆ ที่มันอาจดูไม่ค่อยสำคัญอะไร สิ่งเล็ก ๆ นี้เองที่อาจขัดขวางความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ทำโดยไม่คิด นิสัยเสียที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือสิ่งเล็ก ๆ ที่แฝงอยู่ในทางเลือกอื่นก็ตาม

การตัดสินใจที่ดูไม่ค่อยสำคัญทั้งหมดนี้ จะผลักออกจากเส้นทางสู่ความสำเร็จได้ เพราะไม่เคยรู้ตัวว่ามันเกิดขึ้น อย่าลืมว่าผลลัพธ์ทวีเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่ในกรณีนี้มันจะส่งผลเสีย และกำลังถูกมันทำร้ายโดยที่ไม่รู้ตัว

วันแห่งการขอบคุณ การตำหนิและโทษคนอื่นเป็นเรื่องง่าย ยิ่งถ้าพูดถึงความสัมพันธ์กับคนรักแล้ว มักมีพรสวรรค์ในการโทษคนอื่น และยังรู้ดีเสมอด้วยว่า อีกฝ่ายต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ครั้งหนึ่งในวันขอบคุณพระเจ้า ผู้เขียนตัดสินใจเขียนบันทึกประจำวัน เพื่อบันทึกความรู้สึกขอบคุณที่มีต่อภรรยา ใน 1 ปีนั้นทุกวันผู้เขียนจะจดบันทึก เรื่องที่เขาชื่นชมภรรยาอย่างน้อยหนึ่งข้อ การจดบันทึกทุกวันทำให้เขาสนใจแต่นิสัยแง่บวกของภรรยา ตั้งใจมองหาสิ่งดี ๆ ทุกอย่างที่ภรรยาทำ ความใส่ใจมันเอ่อล้นจนกลบคำพร่ำบ่นเกี่ยวกับตัวเธอจนหมดสิ้น การมองหานิสัยดี ๆ ของภรรยาช่วยเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเธอ จึงเปลี่ยนวิธีปฏิบัติกับภรรยาให้ดีขึ้น ภรรยาก็ปฏิบัติตัวดี ๆ กลับ เกิดเป็นวงจรที่ทำให้ชีวิตแต่งงานดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ นี่คือพลังแห่งผลลัพธ์ทวี

รับผิดชอบเต็ม 100% ต้องรับผิดชอบหน้าที่เต็ม 100% เพื่อทำให้ความสัมพันธ์เป็นไปด้วยดีและราบรื่น ในทางกลับกันความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นตามโชคชะตานั้นไม่มั่นคง และมีโอกาสพังทลายได้ทุกเมื่อ ถ้ารับผิดชอบทุกอย่างเต็ม 100% เสมอ ก็จะกุมชะตาชีวิตไว้ในมือตัวเอง ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจทั้งหมด มีหน้าที่เพียงรับผิดชอบทุกอย่าง ทั้งที่ทำและไม่ได้ทำ  ทัศนคติเชิงบวกนี้ช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง ไม่สำคัญว่าโชคชะตา โอกาส หรือสถานการณ์จะเอื้ออำนวยไหม เพราะสิ่งสำคัญทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับตัวเอง เมื่อรับผิดชอบทุกอย่างในชีวิตของตัวเอง ชัยชนะจะเกิดขึ้นทันที จะมีพลังอันไร้ขีดจำกัด ในการควบคุมชะตาของตัวเอง

อยากเป็นคนโชคดีไหม ความจริงเกี่ยวกับโชคก็คือ ทุกคนล้วนโชคดี ถ้ายังมีชีวิต มีสุขภาพที่ดี และมีอาหารสักเล็กน้อยในตู้กับข้าว ก็โชคดีมาก ๆ แล้ว ทุกคนมีโอกาสเป็นคนโชคดีทั้งสิ้น เพราะถ้าสุขภาพดีและมีข้าวกิน โชคที่เหลือล้วนขึ้นอยู่กับทางเลือกต่าง ๆ ที่เลือก

สูตรสำเร็จเพื่อสร้างโชค การเตรียมพร้อม (การพัฒนาตัวเอง) + ทัศนะคติ (ความเชื่อ/ความคิด) + โอกาส (สิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้น) + การลงมือทำ (การทำบางอย่างเกี่ยวกับมัน) = โชค

การเตรียมพร้อม เมื่อพัฒนาตัวเองและเตรียมสิ่งต่าง ๆ ให้พร้อม เช่น ทักษะ ความรู้ ความชำนาญ ความสัมพันธ์ และทรัพยากรต่าง ๆ แล้วจะสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต

ทัศนะคติ ต้องมองสถานการณ์ บทสนทนา และโอกาสต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในแง่ดี จะไม่เห็นโอกาสที่ไม่มองหา และจะไม่มองหาถ้าไม่เชื่อในสิ่งนั้น

โอกาส บางครั้งโชคก็เกิดขึ้นเร็วมาก ไม่สามารถบังคับให้โชคเกิดขึ้นได้ โชคเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และมักเกิดขึ้นด้วยตัวของมันเอง

การลงมือทำ นี่คือองค์ประกอบที่สำคัญ ไม่ว่าจะได้โชคมาจากใครและสิ่งใดก็ตาม ต้องคว้ามันไว้และลงมือทำ จงเลิกคร่ำครวญถึงไพ่ที่ถือในมือ ความล้มเหลวครั้งใหญ่ หรือเหตุการณ์ใด ๆ ที่เคยเจอ คนอีกมากล้วนมีข้อบกพร่อง และอุปสรรคมากกว่า แต่พวกเขาก็ยังร่ำรวย และมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จได้ โชคจะช่วยกระจายโอกาสให้อย่างเท่าเทียม เทพีแห่งโชคสถิตอยู่กับทุกคน

บทเรียนชีวิตราคาแพง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจงรับผิดชอบมันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย จะชนะหรือพ่ายแพ้ก็ตามจงยอมรับมัน นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอให้เลือกรับผิดชอบชีวิตเต็ม 100% กำจัดข้ออ้างทั้งหมดทิ้งไป ทำได้ทุกอย่างในโลกด้วยการตัดสินใจของตัวเอง ตราบใดที่รับผิดชอบต่อทางเลือกเหล่านั้น

สมุดบันทึกคืออาวุธลับ ถ้าอยากเดินทางจากจุดที่ยืนอยู่ ไปยังจุดที่อยากเป็น ต้องเริ่มต้นรับรู้ถึงทางเลือกที่อาจผลักออกจากปลายทางก่อน เพื่อที่จะเลือกทางอันชาญฉลาดได้ในวันข้างหน้า อยากให้ติดตามทุกการกระทำ ในด้านที่ต้องการจะพัฒนาในชีวิต วิธีนี้จะช่วยให้รับรู้ถึงทางเลือกที่เลือก ให้พกสมุดบันทึกเล่มเล็ก ๆ เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋าสตางค์เอาไว้ตลอดเวลา เก็บปากกาติดตัวไว้ 1 ด้าม ต้องเขียนทุกวันห้ามพลาด ไม่มีข้อแม้ไม่มีข้อยกเว้น ทำราวกับว่ากำลังถูกจับตามอง มันมากเกินไปหรือ แค่จดสิ่งต่าง ๆ ลงในกระดาษเท่านั้นเอง วิธีนี้ช่วยให้รับรู้การตัดสินใจของตนเองได้ จงระมัดระวังอย่าละเลยสิ่งเรียบง่ายที่จะสร้างความยิ่งใหญ่นี้ คนที่ประสบความสำเร็จ กับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ แตกต่างกันตรงนี้ มันจะช่วยให้ก้าวต่อไปในวันที่ ชีวิตพบกับทางเลือกที่ยาก น่าเบื่อ หรือลำบาก

กับดักการเงิน เทคนิคจดบันทึกนี้ ช่วยเปลี่ยนมุมมองต่อเงินไปอย่างสิ้นเชิง วิธีนี้สามารถนำมาใช้เปลี่ยนแปลงนิสัยด้านอื่น ๆ ได้ด้วย เป็นผลลัพธ์ที่ได้ยอดเยี่ยม ไม่แพ้ด้านเงินเลย ขอหนักแน่นและยืนกราน ให้จดบันทึกพฤติกรรมของตัวเองอย่างน้อย 1 สัปดาห์เต็ม เพื่อช่วยให้ได้ผลลัพธ์ แต่ถ้าอยากได้ผลลัพธ์เหล่านั้น ต้องลงมือทำด้วยการจดบันทึก จะช่วยดึงกลับมาอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องอีกครั้ง มันช่วยให้รับรู้ถึงการกระทำที่อยากพัฒนาอยู่ตลอด แล้วจะแปลกใจกับสิ่งที่สังเกตได้จากตัวเอง ไม่มีทางจัดการหรือพัฒนาอะไรได้เลย ถ้าไม่วัดผลและประเมินมัน ไม่มีทางดึงศักยภาพของตัวเองออกมาได้ ถ้าไม่รับรู้และรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง อยากให้รับรู้อยู่ตลอดเวลาว่า ตัวเองทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีแค่ไหน ขอให้ติดตามจดบันทึกการกระทำของตัวเอง ราวกับสินค้าอันเลอค่า เพราะมีค่าจริง ๆ วิธีนี้จะเปลี่ยนชีวิตอย่างน่าตกใจ

ทำช้า ๆ และง่าย ๆ จะเริ่มต้นกันอย่างช้า ๆ ง่าย ๆ สบาย ๆ แค่จดบันทึกนิสัยหนึ่งด้านเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ให้เลือกนิสัยหนึ่งด้านที่บงการชีวิตของตัวเองมากที่สุด เมื่อเริ่มเห็นพลังของผลลัพธ์ทวีแล้ว จะอยากนำวิธีนี้ไปปรับใช้กับด้านอื่น ๆ ของชีวิตต่อไป ถ้าสงสัยว่าการจดบันทึกต้องเป็นแบบไหน การจดบันทึกต้องละเอียด เป็นระเบียบ และต่อเนื่อง ต้องเขียนวันที่ลงในกระดาษแผ่นใหม่ทุกวัน และจดบันทึกทุกสิ่งที่ทำ

ถ้าสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์ คงตกใจสุดขีดเลย  อาจไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าปกติตัวเองทำสิ่งเหล่านี้ด้วย จากนั้นให้ลงมือทำต่อไป จดบันทึกให้ครบ 3 สัปดาห์ น่าจะเคยได้ยินนักจิตวิทยาพูดว่า นิสัยไม่มีทางเกิดขึ้นจนกว่าจะทำครบ 3 สัปดาห์ ดังนั้น  ให้จดบันทึกตัวเอง 21 วัน ก่อนเริ่มต้นให้สัญญากับตัวเองก่อนว่า ช่วง 3 สัปดาห์ต่อจากนี้ จะพกสมุดบันทึกไว้กับตัวเอง และจดทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่ทำในด้านนั้น ๆ ลงไป

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากผ่านไป 3 สัปดาห์ จะเกิดการเปลี่ยนอย่างน่าตกใจสุดขีดและเป็นสุขใจ จะเห็นว่าแค่รับรู้ถึงการกระทำก็ช่วยเปลี่ยนตัวเองได้แล้ว เมื่อรับรู้พฤติกรรมของตัวเองแล้ว จะรู้สึกว่าวิธีดำเนินชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมาก ตอนนี้ตัดสินใจ มีสติ และตัดสินใจเลือกได้ดีกว่าเดิม ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการใช้สมุดบันทึกเล่มเล็ก ๆ และปากกาก็เท่านั้นเอง

พลังของสิ่งเล็ก ๆ ที่ดูไร้ตัวตน เมื่อเริ่มจดบันทึกชีวิตตัวเอง แล้วจะมองเห็นสิ่งเล็กที่สุดที่ทำถูกต้อง และสิ่งเล็กที่สุดที่เคยทำผิดพลาด เมื่อค่อย ๆ เปลี่ยนเส้นทางของตัวเองทีละเล็กทีละน้อยอย่างสม่ำเสมอแล้ว จะเริ่มเห็นผลลัพธ์อันน่าทึ่ง แต่จงอย่าคาดหวังว่าคนอื่นจะสังเกตมันได้โดยทันที แต่ผลลัพธ์พลังทวีจะมอบผลตอบแทนอันแสนพิเศษให้ในท้ายที่สุด มันเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อคว้าชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในอนาคต แม้จะไม่มีใครมองเห็นมันเลยก็ตาม นี่คือพลังของสิ่งเล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ ทวีคูรขึ้น มันคือสิ่งเล็ก ๆ นับร้อย นับพัน หรือนับล้านอย่าง ที่แบ่งระหว่างคนธรรมดากับคนพิเศษ ต้องอาศัยการลงมือทำสิ่งเล็ก ๆ นับไม่ถ้วน แต่จะไม่มีใครมองเห็นสิ่งเล็กจิ๋วเหล่านี้

เวลาคือสิ่งสำคัญ ยิ่งเริ่มสร้างความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ได้เร็วเท่าไหร่ พลังแห่งผลลัพธ์ทวีก็ยิ่งเป็นประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น สมมุติว่าเพื่อนเริ่มนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวม 7,500 บาทต่อเดือนในวัยสัก 23 ปี ส่วนตัวคุณเองเริ่มตอนอายุ 40 ปี เมื่อเพื่อนอายุ 40 ปีไม่ต้องลงทุนอะไรเพิ่มอีกแล้ว แต่จะมีเงินถึง 15 ล้านบาทตอนอายุ 60 ปี เพราะได้ผลตอบแทน 8% ต่อปีมาตลอด

ถึงคุณจะเริ่มลงทุนเดือนละ 7,500 บาทไปจนอายุ 67 ปี ก็มีเงินได้แค่เกือบ 8 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งที่ลงทุนไปมากกว่าเพื่อนมากเกือบ 1 ล้าน ใช้เยอะกว่าเพื่อนทั้งเงินและเวลา แต่สุดท้ายจะมีไม่ถึง 1 ใน 3 ของ ที่เพื่อนมี นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อผัดวันประกันพรุ่ง จงเริ่มทำสิ่งที่สำคัญกับชีวิตตั้งแต่ตอนนี้ เริ่มทำสิ่งเล็ก ๆ ที่จะช่วยนำไปสู่เป้าหมายตั้งแต่เดี๋ยวนี้ อย่าเอาแต่รีรอวันถัดไป

ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการใช้ประโยชน์จากพลังทวี กุญแจสำคัญอยู่ที่การลงมือทำตอนนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นการกระทำอันยิ่งใหญ่ หรือการผจญภัยแสนพิเศษ ให้เริ่มด้วยก้าวเล็ก ๆ ก่อน การเดินก้าวแรกนั้นดูยากเย็นกว่าความเป็นจริงเสมอ สิ่งที่ต้องทำคือ พัฒนาตัวเอง ประสิทธิภาพในการทำงาน ผลงานและรายได้ให้ได้ 0.1% ในทุกวันทำงาน (จะพักผ่อนวันเสาร์อาทิตย์ก็ได้) มันคือ 1 ใน 1000 เท่านั้นเอง แค่ลงมือทำ 5 วันต่อสัปดาห์ ก็พัฒนาตัวเองได้ 0.5% ในทุกสัปดาห์ ซึ่งจะเข้ากับ 2% ต่อเดือน เมื่อนำมาบวกรวมกันแล้วจะมีพัฒนาการเพิ่มขึ้น 26% ทุกปี รายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าทุก 2 ปี 9 เดือนจนถึงปีที่ 10 จะทำผลงานได้ดีและมีรายได้เพิ่มขึ้น 1,000 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับตอนนี้ มันมหัศจรรย์มาก ไม่ต้องใช้ความพยายามเพิ่มขึ้น 1000% หรือทำงานเพิ่ม 1,000 ชั่วโมงเลย แค่พัฒนาตัวเองวันละ 0.1% เท่านั้นเอง

ผลลัพธ์ทั้งหมดเป็นผลพวงมาจากทางที่เลือกในชีวิต จึงมีพลังอันน่าทึ่งที่จะเปลี่ยนชีวิตได้ โดยการเปลี่ยนทางเลือกเหล่านั้น เมื่อค่อย ๆ ลงมือทำทีละขั้นทีละตอนในทุกวัน ทางเลือกจะหล่อหลอมการกระทำจนเป็นนิสัย แล้วการทำซ้ำจะช่วยให้นิสัยเหล่านั้นคงอยู่ตลอดไป ความพ่ายแพ้มาจากนิสัย ชัยชนะก็เช่นกัน มาปลูกฝังนิสัยแห่งชัยชนะให้อยู่ในชีวิตตลอดไปกัน ให้กำจัดนิสัยที่บ่อนทำลาย และปลูกฝังนิสัยเชิงบวกให้ตัวเอง แล้วนำพาชีวิตให้เดินไปทิศทางที่ต้องการ จะไปถึงจุดหมายสูงสุดในชีวิตที่จินตนาการไว้

บทที่ 3 นิสัย

ทำแต่สิ่งเดิม ๆ ซ้ำซากจำเจ คนเราคือผลพวงของสิ่งที่ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า คำว่านิสัยคือพฤติกรรมที่ทำมันจนแทบไม่ต้องคิดอีกต่อไป ถ้าเคยใช้ชีวิตด้วยระบบอัตโนมัติ (Autopilot) และปล่อยให้นิสัยมาบงการชีวิต แล้วอยากให้เข้าใจสาเหตุของมันเสียก่อน คนส่วนใหญ่ปล่อยให้นิสัยนำชีวิต การศึกษาด้านจิตวิทยาเผยว่า สิ่งต่าง ๆ กว่า 95% ที่รู้สึก คิด ทำ และได้มานั้น ล้วนเป็นผลกระทบจากนิสัยทั้งสิ้น

การใช้ชีวิตประจำวันด้วยระบบอัตโนมัติมีข้อดีหลายอย่าง นิสัยและกิจวัตรช่วยให้ไม่เปลืองสมองไปกับกิจกรรมง่าย ๆ พอไม่ต้องใช้ความคิดเพื่อทำเรื่องทั่วไปแล้ว จึงมุ่งพลังไปยังสิ่งที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และมีคุณค่ามากขึ้นได้ นิสัยมีประโยชน์ตราบใดที่มันเป็นนิสัยที่ดี นิสัยที่ดีคือสิ่งที่แยกคนที่ประสบความสำเร็จออกจากคนอื่น คนที่ประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องฉลาดหรือเก่งกว่าใคร แต่นิสัยที่ช่วยให้พวกเขามีความเชี่ยวชาญ ความรู้ และความพร้อมมากกว่า เมื่อฝึกฝนมากพอ และทำซ้ำจนเป็นกิจวัตร พฤติกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะดีหรือแย่จะค่อย ๆ กลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ แม้จะสร้างนิสัยส่วนใหญ่ขึ้นมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ทำจากการทำตามพ่อแม่  สิ่งแวดล้อม หรือวัฒนธรรม ก็ยังเปลี่ยนแปลงนิสัยเหล่านั้นได้ ขอแค่เรียนรู้นิสัยทุกด้านที่มี ก็จะกำจัดนิสัยที่ไร้ประโยชน์ได้

พลังแห่งการค้นหาตัวเอง เมื่อเจอปัญหาในการทำงานหนักเพื่อบรรลุเป้าหมาย ก็คงไม่แปลกอะไรที่จะเชื่อว่า ตัวเองยังตั้งใจไม่มากพอ อาจเคยใช้พลังแห่งความตั้งใจมาแล้ว และก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า เคยตั้งปณิธานไว้อย่างแน่วแน่ แต่แล้วก็ปล่อยเลยตามเลยในท้ายที่สุด ลืมพลังแห่งความตั้งใจไปได้เลย ถึงเวลาแล้วที่ต้องหันมาใส่ใจ พลังแห่งการค้นหาตัวเอง (Power of Why) แทน คิดถึงความปรารถนาและความฝัน ทางเลือกที่ชาญฉลาดและกระตุ้นได้ดี จะต้องสะท้อนเป้าหมาย ตัวตน และคุณค่าสูงสุด เมื่อปรารถนาบางอย่าง ต้องรู้ว่าทำไปทำไม ไม่เช่นนั้นก็จะยอมแพ้ และล้มเลิกไปเองเหมือนเดิม ถ้าอยากพัฒนาและเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่ มันต้องเป็นสิ่งที่สร้างแรงจูงใจชั้นเลิศให้ ต้องอยากตื่นขึ้นมาแล้วลุยและลุยอีกหลาย ๆ ปี ดังนั้น จงถามตัวเองว่า สิ่งที่จูงใจได้มากที่สุดคืออะไร

พลังแห่งการค้นหาตัวเองคือ สิ่งที่ช่วยให้อดทนทำงานที่ยาก น่าเบื่อ และเหน็ดเหนื่อย ต่อให้รู้เทคนิคหรือวิธีการมากเท่าไหร่ สิ่งเหล่านี้จะไร้ความหมาย ถ้าไม่หลงใหลกับสิ่งที่ทำมากพอ ทุกสิ่งเริ่มต้นจากความปรารถนาสูงสุด ถ้าไม่มีจะล้มเลิกหนทางใหม่ ๆ ในการพัฒนาชีวิตทั้งหมดทิ้งไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่มีเป้าหมายหนักแน่นพอ และถ้าอดทนต่อความรับผิดชอบไม่มากพอ จะพบจุดจบเหมือนคนอื่น ๆ ที่ชอบตั้งปณิธานปีใหม่ แล้วก็หลงเลิกมันอย่างรวดเร็ว สุดท้ายจะยังหลับหูหลับตาเลือกเส้นทางแย่ ๆ เหมือนเดิม ต้องมองให้ไกลกว่าแรงจูงใจที่มาจากเป้าหมายเรื่องเงินและวัตถุ แต่เงินหรือวัตถุจะไม่สามารถกระตุ้นหัวใจ จิตวิญญาณ และความกล้าให้ลุกขึ้นสู้ได้ มันต้องมาจากสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น ต่อให้ได้เงินมาจริง ก็จะไม่ได้สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่านั้น นั่นคือความสุขและความพอใจในชีวิต

แรงจูงใจหลัก จะค้นพบเป้าหมายชีวิตโดยดูจาก ค่านิยม ซึ่งเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญที่สุดในชีวิต มันคือสิ่งที่กำหนดตัวตน และแนวทางที่ยึดมั่น ค่านิยมนั้นเปรียบได้กับไฟนำทาง GPS ส่วนตัว และเข็มทิศในตัวเอง ทำทุกสิ่งที่เลือกเพื่อให้ไปยังเป้าหมายชีวิตที่ต้องการ จะต้องเข้าใจค่านิยมของตัวเองก่อน จึงจะนึกภาพเส้นทางชีวิตที่อยากเดินทางได้ ถ้ายังไม่รู้ค่านิยมของตัวเองที่ชัดเจน อาจเลือกเส้นทางที่ขัดแย้งกับสิ่งที่ปรารถนาได้ เมื่อการกระทำขัดแย้งกับค่านิยม จะไม่มีความสุข ท้อแท้ และหมดกำลังใจ นักจิตวิทยากล่าวไว้ว่า ไม่มีสิ่งใดที่ก่อให้เกิดความเครียดได้มากไปกว่าช่วงเวลาที่การกระทำไม่สอดคล้องกับค่านิยมของตัวเอง ค่านิยมที่ชัดเจนจะช่วยให้ชีวิตเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ จะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นถ้ามีค่านิยมที่ชัดเจนอยู่ในใจ

ค้นหาศัตรู คนเราได้แรงจูงใจจากสิ่งที่อยากได้ และสิ่งที่ไม่อยากได้ ความรักคือ แรงจูงใจที่ทรงพลัง แต่ความเกลียดก็เช่นกัน บางครั้งการมีศัตรูก็ช่วยจุดไฟในตัวได้ ศัตรูทำให้มีความกล้า มันท้าทายทักษะ ตัวตน และความมุ่งมั่น มันบีบให้ใช้ทักษะความสามารถที่มี ถ้าไม่มีศัตรูหรือการต่อสู้จะเสียเรี่ยวแรงและเป้าหมายไป อาจกลายเป็นคนขี้เกียจไปเลย ทุกคนสามารถเลือกเส้นทางที่สร้างผลลัพธ์ยอดเยี่ยมให้กับตัวเองได้ เลิกโทษโอกาส โชคชะตา หรือคนอื่นเพราะทำทุกอย่างให้เกิดขึ้นได้เอง แทนที่จะปล่อยให้อดีตที่เจ็บปวดมาดูดพลัง และทำลายความสำเร็จ น่าจะใช้ประโยชน์จากมัน เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวก และพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น

กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน ทักษะการตั้งเป้าหมายจะทำให้มีชีวิตที่มั่งคั่ง จะพบแต่เรื่องดี ๆ ราวกับมีเวทมนต์ เมื่อโฟกัสพลังความคิดไปยังเป้าหมายที่ถูกต้อง ทุกคนที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ บนโลกใบนี้ ไปถึงจุดนั้นได้ก็เพราะพวกเขามีวิสัยทัศน์ พวกเขาเห็นอนาคตที่ชัดเจน และแรงกล้าที่จะไปให้จงได้ คนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร จะชนะคนที่เก่งที่สุดและมีพรสวรรค์ที่สุด ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ตาม

เป้าหมายช่วยให้สำเร็จได้ คนเราจะมองเห็นเฉพาะสิ่งที่มองหาอยู่ และถ้าไม่รู้ว่าตัวเองกำลังมองหาอะไรอยู่ ก็ไม่มีทางได้มันมา มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แสวงหาเป้าหมายโดยธรรมชาติ สมองมักพยายามเชื่อมโยงโลกภายนอกกับสิ่งที่มองเห็น และคาดหวังอยู่ในใจเสมอ ดังนั้น เมื่อสั่งให้สมองมองหาบางสิ่ง จะค่อย ๆ มองเห็นสิ่งเหล่านั้น สิ่งที่อยากได้อาจอยู่รอบ ๆ ตัวมาตลอด นี่คือเหตุผลที่ทำให้กฎแรงดึงดูด (Law of Attraction) ใช้ได้ผล กฎนี้ไม่ได้มีเวทมนตร์เร้นลับอันน่าพิศวงเหมือนกับที่หลายคนคิด ความจริงแล้วมันเรียบง่ายและมีประโยชน์มาก

เมื่อมีเป้าหมาย สมองจะมีสิ่งใหม่มาใส่ใจ จิตใจจะมีดวงตาคู่ใหม่ จะเห็นผู้คน เหตุการณ์ บทสนทนา วิธีการ และไอเดียในมุมมองใหม่ สิ่งที่รับรู้ภายนอกจะค่อย ๆ สอดคล้องกับเป้าหมายในใจขึ้นมา ง่ายแค่นี้เอง พอมีเป้าหมายที่ชัดเจน จะมองทุกสิ่งในชีวิตได้ลึกซึ้งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไอเดีย ผู้คน และโอกาสที่ผ่านเข้ามา แนะนำให้ใช้เวลาที่เหลือวันนี้ เขียนเป้าหมายสำคัญที่สุดลงในกระดาษ

เป้าหมายชีวิตควรมีทุกด้าน ไม่ใช่แค่ด้านธุรกิจหรือการเงินเท่านั้น เพราะถ้ามุ่งไปที่ด้านเดียวในชีวิตโดยไม่สนใจด้านอื่น ๆ เลย จะต้องจ่ายในราคาที่สูงมาก ให้หาสมดุลให้ชีวิตรอบด้านไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจ การเงิน สุขภาพ ความเป็นอยู่ จิตใจ ครอบครัว ความสัมพันธ์ และการดำเนินชีวิต

คนที่ควรเป็น ถ้าอยากมีมากขึ้นก็ต้องเป็นให้มากขึ้น ความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่ต้องไล่ตาม เพราะสิ่งนั้น ความสำเร็จจะหนีห่างไปเรื่อย ๆ เหมือนวิ่งไล่จับผีเสื้อ ความสำเร็จคือสิ่งที่ถูกดึงดูดจากตัวตนที่เป็น

ควบคุมพฤติกรรม วางแผนขั้นตอนในการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ นี่คือขั้นตอนที่เรียกว่าลงมือทำ หรือในบางกรณีอาจเป็นเลิกทำก็ได้ ให้ตั้งคำถามว่านิสัยและพฤติกรรมใดบ้างที่ต้องกำจัดหรือเพิ่มเข้ามาในชีวิต ต้องค้นหาว่าพฤติกรรมใดขัดขวางเส้นทางไปสู่เป้าหมาย และพฤติกรรมใดช่วยส่งเสริมให้บรรลุเป้าหมายนั้น งานชิ้นแรกที่ต้องทำคือจงรู้จักกับพฤติกรรมของตัวเอง จงค้นหานิสัยไม่ดีที่ไม่รู้ตัว ซึ่งทำให้ชีวิตกำลังเดินไปผิดทาง

หยิบสมุดบันทึกออกมา และเขียนเป้าหมายสูงสุด 3 ด้านลงไป จากนั้นให้จดบันทึกนิสัยไม่ดีในด้านต่าง ๆ ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุเป้าหมาย ในแต่ละด้านจดนิสัยทุกอย่างลงในสมุดบันทึก นิสัยและพฤติกรรมไม่เคยโกหก และสิ่งที่ทำขัดแย้งกันให้เชื่อสิ่งที่ทำทุกครั้ง ให้ลองพิจารณานิสัยไม่ดีที่จดลงไป ซึ่งเหล่านั้นคือข้อเท็จจริง ตอนนี้ต้องตัดสินใจแล้วว่า อย่าเก็บนิสัยแย่ ๆ เหล่านั้นเอาไว้ หรืออยากเปลี่ยนแปลงมัน จากนั้นให้เขียนนิสัยดี ๆ ที่อยากมี  เขียนสิ่งที่คิดว่าเมื่อทำซ้ำทุกวัน แล้วจะพาไปสู่ความสำเร็จที่งดงาม

5 กลยุทธ์เพื่อกำจัดนิสัยที่ไม่ดี นิสัยคือสิ่งที่เรียนรู้ได้ ดังนั้น ก็กำจัดมันออกไปจากตัวได้เช่นกัน เคล็ดลับคือต้องทำให้เป้าหมายนั้นหนักแน่น จนมันยับยั้งแรงกระตุ้นของความสุขแบบเร่งด่วนได้ จึงจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ดี ๆ ซึ่งแบ่งเป็น 5 ข้อต่อไปนี้ คือ

  1. ค้นหาตัวกระตุ้น ลองไล่ดูลิสต์รายการนิสัยไม่ดีที่จดบันทึกไว้ แล้วหาว่าตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดนิสัยเหล่านั้นคืออะไร ค้นหาปัจจัยหลัก 4 ข้อนั่นคือ ใคร อะไร ที่ไหน และตอนไหน ที่ซ่อนอยู่ในนิสัยไม่ดีแต่ละด้าน
  2. เก็บกวดให้เกลี้ยง ต้องปัดกวาดเช็ดถูออกให้หมด ถ้าอยากเลิกดื่มเหล้าต้องกำจัดเหล้าทุกหยดออกจากบ้าน เอาแก้วภาชนะอันหรูหรา หรืออุปกรณ์กระจุกกระจิกที่ใช้ตอนดื่มไปทิ้งให้หมด จงอย่านำมันเข้ามาในบ้าน และกำจัดสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดนิสัยไม่ดีในตัวออกไปให้หมด
  3. ปรับเปลี่ยนนิสัย ลองดูลิสต์รายการนิสัยไม่ดีที่จดบันทึกไว้อีกครั้ง ถามตัวเองว่าจะปรับเปลี่ยน เพื่อไม่ให้มันเป็นอันตรายต่อตัวเอง แทนที่มันด้วยนิสัยที่มีประโยชน์ หรือกำจัดมันทิ้งไปตลอดกาล
  4. ค่อยเป็นค่อยไป การแก้นิสัยที่ทำมานานและหยั่งรากลึกแล้ว จะเปลี่ยนได้ง่ายกว่าถ้าค่อย ๆ ก้าวเล็ก ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป
  5. หรือไม่ก็กระโจนเข้าไปเลย ทุกคนไม่สามารถใช้กลยุทธ์แบบเดียวกันได้ นักวิจัยค้นพบ ว่าคนบางกลุ่มจะเปลี่ยนได้ง่ายกว่า ถ้าพวกเขาเปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีรวดเดียวหลายตัวไปเลย การหักดิบแบบนี้ใช้ได้บางกรณีเท่านั้น ต้องคิดเองว่ามันเหมาะกับตัวเองไหม

ตรวจเช็คนิสัยไม่ดี ไม่ได้จะให้กำจัดทุกสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากชีวิต นิสัยแย่บางตัวที่ชอบทำ ถ้ามันไม่มากเกินไปก็ยังถือว่าผ่าน จะรู้ได้อย่างไรว่านิสัยไม่ดีตัวไหน กำลังกลายเป็นเจ้านายที่บงการ มีเทคนิคทดสอบ โดยเลือกนิสัยไม่ดีมา 1 ด้าน แล้วตรวจเช็คให้แน่ใจ ทุกประมาณ 3 เดือน เลือกนิสัยไม่ดีขึ้นมา 1 อย่าง แล้วทดลองเลิกทำเป็นเวลา 30 วัน ถ้าการงดนิสัยนั้นภายใน 30 วันเป็นเรื่องยากมาก ๆ นั้นแปลว่าอาจจะพบนิสัยที่ควรกำจัดออกจากชีวิตแล้ว

6 เทคนิคเพื่อสร้างนิสัยที่ดี ตอนนี้ได้กำจัดนิสัยแย่ ๆ ที่พาไปในทิศทางที่ผิด แล้วมาสร้างทางเลือก พฤติกรรม และนิสัยใหม่ ๆ ที่จะพาไปยังเส้นทางที่ปรารถนากันต่อ การกำจัดนิสัยไม่ดีหมายถึง การเอาบางสิ่งออกไปจากกิจวัตร แต่การสร้างนิสัยใหม่ ๆ ที่ดีนั้นต้องใช้อีกวิธี เหมือนกำลังปลูกต้นไม้ รดน้ำ ใส่ปุ๋ย และตรวจเช็คให้แน่ใจว่า ต้นไม้หยั่งรากได้อย่างถูกต้องจะต้องใช้ความพยายาม เวลา และประสบการณ์พอสมควร กุญแจสำคัญคือต้องคิดถึงมัน ถ้าอยากรักษานิสัยดี ๆ ให้อยู่กับตัวตลอดไป ก็ต้องให้ความสำคัญกับมันอย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน จะมีแนวโน้มที่จะรักษานิสัยนั้นได้มากขึ้น

  1. เพิ่มโอกาสสร้างความสำเร็จให้กับตัวเอง นิสัยใหม่ทุกด้านต้องเริ่มจากชีวิต และวิธีดำเนินชีวิต ถ้าอยากลดน้ำหนัก และกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ต้องใส่อาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพไว้ในตู้เย็นเยอะ ๆ
  2. เพิ่มไม่ใช่ลด แทนที่จะใส่ใจกับสิ่งที่ต้องลด ให้หันกลับไปสนใจสิ่งที่ควรเพิ่มแทน ซึ่งวิธีนี้ได้ผลลัพธ์ที่ทรงพลังในท้ายที่สุด ลองต้องคำถามกับตัวเองว่า จะเพิ่มสิ่งใดในชีวิต เพื่อพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นได้บ้าง
  3. แสดงความรักผิดชอบต่อหน้าทุกคน จงบอกครอบครัว บอกเพื่อน โพสต์ลง Facebook และทวิตเตอร์ ประกาศไปเลยว่าจะเปลี่ยนแปลง แล้วจะรับผิดชอบมันเอง
  4. ค้นหาคู่หูพัฒนาฝีมือ หนึ่งในวิธีเพิ่มโอกาสสู่ความสำเร็จคือ ให้หาคู่หูร่วมความสำเร็จ ซึ่งอาจเป็นใครสักคนที่คอยจับตาดู เวลาที่สร้างนิสัยใหม่ แล้วก็ต้องช่วยคู่หูคนนี้กลับเช่นกัน
  5. การแข่งขันและมิตรภาพอันดีงาม สิ่งที่ผูกจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน และทำให้มุ่งมั่นสร้างนิสัยใหม่ ๆ ได้ดีที่สุดคือ การแข่งกับเพื่อน การแข่งขันช่วยให้ทุกคนหากิจกรรมต่าง ๆมาทำมากขึ้น ลองจัดกิจกรรมแข่งขันกับเพื่อน ๆ เพื่อนร่วมงาน หรือสมาชิกในทีมก็ได้ แล้วจะสร้างนิสัยใหม่ ๆ ผ่านการแข่งขันที่สนุกสนานขึ้นมาได้
  6. เฉลิมฉลอง อย่าหมกมุ่นอยู่กับการทำงานเพียงอย่างเดียว เพราะการผ่อนคลายก็สำคัญไม่แพ้กัน นี่คือเคล็ดลับเพื่อป้องกันไม่ให้กลับไปใช้นิสัยเก่า ๆ ตามเดิม ควรให้เวลาตัวเองสำหรับเฉลิมฉลอง และเพลิดเพลินไปกับชัยชนะระหว่างทางบ้าง ควรมอบรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับตัวเองทุกเดือน ทุกสัปดาห์ ทุกวัน เพื่อขอบคุณตัวเองที่ยังคงยืนหยัดสร้างนิสัยใหม่ ๆ อยู่ ลองสัญญากับตัวเองดูว่า จะให้รางวัลกับตัวเอง เมื่อทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ

การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยาก คนที่ล้มเหลวกับคนที่ประสบความสำเร็จกว่า 99% มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นคือ ไม่มีใครชอบทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ คนที่ประสบความสำเร็จมักอดทนทำมันอย่างสม่ำเสมอ การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยาก นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ยอมเปลี่ยนแปลงนิสัยไม่ดีของตัวเอง และทำไมคนส่วนใหญ่จึงไม่มีความสุข และมีสุขภาพที่ไม่ดี ถ้าการเปลี่ยนแปลงทำได้ง่าย ๆ ทุกคนคงทำไปแล้ว การเป็นคนธรรมดามันง่าย แต่การเป็นคนเหนือธรรมดาต่างหาก ที่จะช่วยให้โดดเด่นขึ้นมาได้ ค่าของคนไม่ได้วัดกันตอนที่สบาย แต่วัดกันตอนที่ลำบากต่างหาก ถ้ายังทุ่มเททำต่อไปแม้จะลำบาก เบื่อหน่าย และเป็นทุกข์ นั่นแปลว่าการแข่งขันช่วยให้มีการพัฒนาการ และความก้าวหน้ามากขึ้น แม้มันจะยาก ติดขัด หรือน่าเบื่อก็ช่างมัน ขอแค่ทำและทำต่อไปเรื่อย ๆ ความมหัศจรรย์ของผลลัพธ์ทวี จะมอบรางวัลชิ้นงามให้เอง

จงอดทน ถ้าจะกำจัดนิสัยไม่ดี และสร้างนิสัยใหม่ ๆ ขึ้นมาต้องอดทน ถ้ามีนิสัยที่ทำซ้ำนานกว่า 20-40 ปีหรือมากกว่านั้น ควรรู้ไว้เลยว่ามันต้องใช้เวลา และความพยายามมากจนกว่า จะเปลี่ยนมันได้ ตามหลักวิทยาศาสตร์ ความคิดและการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำหลายครั้ง จะสร้างพื้นที่ในสมอง หรือร่องสมองขึ้นมา ซึ่งเป็นกลุ่มเซลล์ประสาทที่คอยจดจำนิสัยนั้น ๆ เมื่อสนใจนิสัยสักด้านแล้ว ร่องสมองจะปล่อยความคิด ความปรารถนา และการกระทำที่เกี่ยวกับนิสัยนั้นมา โชคดีมากที่สมองนั้นเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเลิกสนใจนิสัยที่ไม่ดีร่องสมองก็จะอ่อนแอลง เมื่อสร้างนิสัยใหม่ ๆ จะกระตุ้นให้ร่องสมองแข็งแรงขึ้น ด้วยการลงมือทำซ้ำ ๆ จนท้ายที่สุดมันจะมีอำนาจเหนือนิสัยเก่านั่นเอง เมื่อมุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงนิสัย จะได้ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ตามมา

บทที่ 4 แรงผลักดัน

แรงผลักดัน (Momentum) คือหนึ่งในพลังแห่งความสำเร็จที่แข็งแกร่ง และลึกลับมากที่สุดด้านหนึ่ง ไม่สามารถมองเห็นหรือรู้สึกถึงแรงผลักดัน แต่จะรู้ตัวอีกทีเมื่อได้มันมา ไม่สามารถคาดหวังให้แรงผลักดันเกิดขึ้นในทุกสถานการณ์ แรงผลักดันจะพาไปสู่ความสำเร็จที่สูงเสียดฟ้าได้  เมื่อมีแรงผลักดันมาอยู่ข้างกายใครก็ตาม คงหยุดมันไม่ได้ง่าย ๆ แล้ว

ควบคุมแรงผลักดัน กฎของความเฉื่อย กฎนี้บอกว่าวัตถุที่อยู่นิ่งจะตั้งอยู่นิ่งแบบนั้นถ้าไม่มีแรงภายนอกมากระทำ ส่วนวัตถุที่เคลื่อนที่ก็จะเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่มีบางสิ่งมาหยุดยั้งมัน พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ คนที่ขี้เกียจก็มีแนวโน้มจะขี้เกียจอยู่วันยังค่ำ แต่คนที่จะประสบความสำเร็จนั้นจะเดินหน้าทำตามเป้าหมายต่อ และจะประสบความสำเร็จขึ้นเรื่อย ๆ การสร้างแรงผลักดันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าสร้างสำเร็จก็รอดูผลลัพธ์ที่ตามมาได้เลย จำตอนที่เล่นม้าหมุนในวัยเด็กได้ไหม การเริ่มต้นนั้นช้า ก้าวแรกนั้นยากเย็นที่สุดเสมอ เหมือนตอนที่จะทำให้ม้าหมุนที่หยุดนิ่งนั้นเคลื่อนที่ ต้องทั้งดึงทั้งผลัก หลังจากออกแรงเต็มที่ ในที่สุดก็เพิ่มความเร็วและวิ่งไปรอบ ๆ พร้อมกับม้าหมุนได้ สุดท้ายก็สำเร็จร่วมเล่นม้าหมุนกับเพื่อ ๆ อย่างสนุกสนาน ผ่านไปสักพักพอม้าหมุนเริ่มหมุนช้าลง ก็จะกระโดดลงมาแล้ววิ่งไปรอบ ๆ สักนาที เพื่อดึงมันให้กลับมาเร็วเท่าเดิม การเปลี่ยนแปลงชีวิตก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ต้องเริ่มด้วยก้าวเล็ก ๆ ทีละขั้น ความก้าวหน้าจะเกิดขึ้นช้า ๆ แต่เมื่อสร้างนิสัยใหม่แล้ว แรงผลักดันจะเดินเข้ามาเคาะประตูบ้านทันที ความสำเร็จและผลลัพธ์จะทวีคูณขึ้นอย่างรวดเร็ว

พลังแห่งกิจวัตร เมื่อลงมือทำสิ่งนั้น ถ้าอยากทำอะไรให้สำเร็จต้องปลูกฝั่งทัศนคติ และพฤติกรรมใหม่ ๆ ให้เกิดเป็นกิจวัตรประจำวัน สัปดาห์ และเดือน จึงจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้  กิจวัตรคือสิ่งที่ทำทุกวันโดยไม่ขาดตกบกพร่อง ทำโดยไม่ต้องคิด กิจวัตรช่วยให้ทำสิ่งต่าง ๆ โดยอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพ ถ้าอยากบรรลุเป้าหมายใหม่ ๆ และพัฒนานิสัยใหม่ ๆ ต้องสร้างกิจวัตรขึ้นมา เพื่อสนับสนุนสิ่งเหล่านี้ด้วย ยิ่งเป้าหมายท้าทาย กิจวัตรก็ต้องเข้มงวดขึ้น

คนประสบความสำเร็จและเจ้าของธุรกิจทุกคน จะมีทั้งนิสัยและกิจวัตรที่ดีในการใช้ชีวิตแต่ละวัน นี่คือทางเดียวที่จะควบคุมตัวเองให้มั่นคงทุกวัน กิจวัตรประจำวันที่ดีคือสิ่งที่แยกคนประสบความสำเร็จจากคนธรรมดา มันมีพลังอันแสนวิเศษอยู่ ก่อนที่จะสร้างกิจวัตรที่ดีได้ ต้องรู้ก่อนว่าอยากมีนิสัยและพฤติกรรมแบบไหน กุญแจสำคัญในการเป็นคนที่ยอดเยี่ยมก็คือ การมีกิจวัตรที่ยอดเยี่ยม เริ่มวันโดยมีเป้าหมายล่วงหน้าในใจ แล้วค่อยออกแบบพฤติกรรม และกิจวัตรตามมา

หาความท้าทาย เวลาออกกำลังกายแบบเดิม ๆ ในช่วงเวลาเดิม ๆ และยังเคลื่อนไหวร่างกายซ้ำไปซ้ำมาสัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า ร่างกายจะหยุดสร้างผลลัพธ์ทวี นี่คือเหตุผลที่ต้องแทรกแซงตัวเองบ้าง ลองท้าทายตัวเองด้วยการทำกิจกรรมใหม่ ๆ และสร้างประสบการณ์ที่สดใหม่อยู่เสมอ ลองสังเกตกิจวัตรดู ถ้ากิจกรรมบางอย่างที่เคยรู้สึกตื่นเต้น กลายเป็นกิจกรรมที่จำเจ หรือไม่สร้างผลลัพธ์ดี ๆ อีกแล้ว ก็แค่ปรับเปลี่ยนมันเท่านั้นเอง

ร้อยเรียงกิจวัตรให้เป็นจังหวะชีวิต พอสร้างกิจวัตรขึ้นมาแล้ว ขั้นต่อไปคือการทำให้กิจวัตรประสานกัน ต้องทำให้การกระทำในแต่ละสัปดาห์ เดือน 3 เดือนหรือปี กลายเป็นจังหวะชีวิตที่ขยับไปพร้อมกัน ถ้าทำได้ก็เตรียมปูพรมหน้าบ้านรอความสำเร็จได้เลย ลองจินตนาการว่า ความสำเร็จก็เหมือนกับรถจักรไอน้ำ ที่ไม่มีอะไรมาหยุดได้ดู แล้วจะกระตือรือร้นในการสร้างจังหวะชีวิตของตัวเองขึ้น เมื่อวางแผนสิ่งต่าง ๆ ไว้ครบถ้วนแล้ว ก็ไม่ต้องคิดอีกต่อไปว่า จะต้องทำอะไร ทุกอย่างเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ วางแผนจังหวะชีวิตไว้แล้ว สุดท้ายมันจะสร้างแรงผลักดันให้ต่อไปเอง

ลงทะเบียนพฤติกรรม สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนคิดขึ้นมาใช้กับตัวเอง มันช่วยจัดการพฤติกรรมใหม่ ๆ ที่จะใส่เข้าไปในจังหวะชีวิตเรียกมันว่า ตารางพฤติกรรม ควรติดตามพฤติกรรมใหม่ ๆ ที่อยากให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

ทำทุกสิ่งให้สอดคล้องกับชีวิต เมื่อเริ่มทำสิ่งใหม่ ๆ บ่อยครั้งก็หักโหมจนเกินไป อยากให้ตื่นเต้นกับการกำหนดแผนชีวิตก็จริง แต่ก็ต้องค้นหาแผนที่ทำให้ได้ในระยะยาวโดยไม่อิดออด ไม่อยากให้คิดแผนที่ทำได้แค่สัปดาห์นี้ เดือนนี้ หรือแค่ 90 วันข้างหน้านี้ แต่อย่าให้คิดแผนที่ใช้ได้ตลอดชีวิต พลังแห่งผลลัพธ์ทวีจะใช้ได้ผล เมื่อเลือกทำสิ่งที่ชาญฉลาด และทำซ้ำ ๆ สม่ำเสมอ จะชนะก็ต่อเมื่อทำได้ทุกวัน แต่อาจล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นเลยก็ได้ ถ้าทำแบบหักโหมมากเกินไป จำไว้เสมอว่าความสม่ำเสมอคือองค์ประกอบของความสำเร็จ

พลังแห่งความสม่ำเสมอ ไม่มีสิ่งใดที่จะทำร้ายแรงผลักดันได้อย่างรวดเร็ว และชัดเจนมากไปกว่าการขาดความสม่ำเสมอ คนที่เก่งมีความหลงใหลทะเยอทะยาน และมีเป้าหมายที่ดีก็อาจล้มเหลวได้ ถ้าขาดความสม่ำเสมอ เวลาและพลังที่เสียไปจากการหยุด เริ่มต้นใหม่ แล้วหยุดอีกซ้ำไปซ้ำมานั้น จะทำให้การเดินทางไปสู่เป้าหมายยาวนานกว่าเดิมถึง 10 เท่า หรือไม่อาจไปไม่ถึงเป้าหมายที่ต้องการเลย เชื้อเพลิง (พลัง แรงผลักดัน ความเชื่อ ความตั้งใจ) จะหมดสักจุดหนึ่ง แต่ถ้าเริ่มเดินทางครั้งเดียวแล้วรักษาความเร็วให้สม่ำเสมอ จะทำได้ง่ายกว่าและเหนื่อยน้อยกว่าด้วย

เครื่องสูบน้ำแห่งกิจวัตร ลองนึกถึงเครื่องสูบน้ำแบบมือโยก เครื่องนี้ใช้ท่อส่งน้ำเพื่อดึงน้ำมาจากใต้ดินที่ลึกลงไปหลายฟุต ต้องออกแรงโยกคันโยกเพื่อสูบน้ำขึ้นมายังท่อด้านบน เวลาคนส่วนใหญ่เริ่มทำสิ่งใหม่ พวกเขาจะเริ่มสูบน้ำด้วยการโยกคันโยก พวกเขาตื่นเต้นและมุ่งมั่น พวกเขาสูบและสูบ แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที เมื่อพวกเขามองไม่เห็นน้ำ (ผลลัพธ์) พวกเขาก็จะยอมแพ้และเลิกสูบ

ความจริงพวกเขาต้องใช้เวลานาน กว่าจะสร้างแรงดูดได้มากพอสำหรับสูบน้ำขึ้นมาได้  เครื่องสูบน้ำแบบคันโยก ก็ต้องการเวลา พลังงานมหาศาล และความสม่ำเสมอเพื่อสูบน้ำ คนส่วนใหญ่มักยอมแพ้ แต่คนที่ฉลาดจะอดทนสูบน้ำต่อไป คนที่เพียรพยายามโยกคันสูบเพื่อสูบน้ำต่อ สุดท้ายจะได้น้ำมาแค่ไม่กี่หยด หลายคนจะยอมรับความพ่ายแพ้และยกเลิก แต่คนที่ฉลาดจะสู้ต่อไป จากนั้นเวทมนต์ก็จะเริ่มปรากฏออกมา ถ้ายังสูบน้ำต่อไปไม่นานนัก กระแสน้ำก็จะไหลออกมาเต็มเปี่ยม ทำสำเร็จแล้ว สิ่งที่ต้องทำเพื่อรักษาความคงที่ของกระแสน้ำก็คือ ต้องโยกคันสูบน้ำอย่างสม่ำเสมอ นี่คือพลังแห่งผลลัพธ์ทวี การเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง ยึดมั่นในพฤติกรรมที่ดี ฝึกฝนนิสัยที่ยอดเยี่ยม รักษาความสม่ำเสมอ และรักษาแรงผลักดันของตัวเองไว้นั้น ล้วนทำได้ยากกว่าพูด โลกของเราเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

บทที่ 5 อิทธิพล

ทางเลือก พฤติกรรม และนิสัยล้วนได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอกที่ทรงพลังมาก คนส่วนใหญ่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ควบคุมชีวิตโดยไม่รู้ตัว ถ้าอยากรักษาเส้นทางไปสู่เป้าหมายในชีวิตต้องเข้าใจ และควบคุมอิทธิพลเหล่านี้ให้ได้ อิทธิพลจะช่วยส่งเสริมมากกว่าทำลายเส้นทางไปสู่ความสำเร็จ ทุกคนล้วนได้รับผลกระทบจากอิทธิพล 3 ชนิดด้วยกันคือ 1.ข้อมูล สิ่งที่ป้อนเข้าสมอง 2.ความสัมพันธ์ คนที่ใช้เวลาร่วมด้วย 3.สภาพแวดล้อม สิ่งที่อยู่รอบตัว

ข้อมูล ข่าวที่เสพล้วนส่งผลทั้งสิ้น การควบคุมข้อมูลที่บริโภคนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะมักรับข้อมูลส่วนใหญ่ในตอนที่ไม่รู้ตัว ต้องระวังเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้สมอง รับเอาข้อมูลที่ไม่สำคัญ ไม่สร้างสรรค์ หรือเป็นภัยอย่างสิ้นเชิงเข้ามา การคัดกรองข้อมูล ซึ่งเปรียบเทียบได้กับการต่อสู้ที่ไม่มีวันจบสิ้น สมองไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสุข สมองมีภารกิจเดียวคือ ช่วยเอาตัวรอด สมองจะคอยเฝ้าสังเกตสิ่งที่มีโอกาสสร้างผลเสียต่อตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการมีทรัพยากรน้อยลง สภาพอากาศที่อันตราย หรือสิ่งที่อาจทำร้าย

เมื่อปล่อยให้ข่าวด้านลบหลั่งไหลเข้าสมองไม่หยุดหย่อน สมองจะแออัดไปด้วยเรื่องแย่ ๆ ความกังวล และความหวาดกลัวตลอดทั้งวัน แต่ข่าวดีคือเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ป้องกันและเลือกข้อมูลเพื่อป้อนเข้าสมองได้ สร้างวินัยและจัดการข้อมูลที่บริโภคได้ ทุกสิ่งที่ได้มาในชีวิต โดยเริ่มมาจากสิ่งที่คิด การคิดหรือบทสนทนาที่เกิดขึ้นในสมองคือ รากฐานของทุกสิ่งในชีวิต ทุกสิ่งที่ได้ยินได้ฟังหรือได้เห็นนั่นเอง ทั้งหมดนี้คือข้อมูลที่ป้อนสู่สมอง

สมองก็เหมือนแก้วเปล่า มันมีไว้บรรจุทุกอย่างที่ใส่ลงไป การเทน้ำสกปรกลงไปในแก้วความหม่นหมอง สิ้นหวัง และกังวล ทุกอย่างที่สร้างขึ้นมาก็ต้องผ่านความยุ่งเหยิงนั้นในสมองด้วย เพราะนั่นคือสิ่งที่กำลังคิด น้ำที่ใสสะอาดมันคือ ความคิดและผลลัพธ์เชิงบวกที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความพยายามของคน ซึ่งแม้จะเจอปัญหาแต่ก็ก้าวผ่านอุปสรรค และคว้าความสำเร็จมาครองได้ กลยุทธ์ความสำเร็จ ความมั่งคั่ง สุขภาพที่ดี ความรัก และความสุข หรือจะเป็นตัวอย่างและเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสิ่งที่ดี ถูกต้อง และเป็นไปได้ในโลกใบนี้

ขั้นตอนที่ 1 ตั้งการ์ดป้องกัน ถ้าไม่ได้ซ่อนตัวในถ้ำหรือเกาะร้าง แก้วต้องมีน้ำสกปรกไหลเข้ามาอย่างแน่นอน แต่ลดสิ่งปนเปื้อนเหล่านี้ได้ หลีกเลี่ยงการฟังวิทยุระหว่างเดินทางไปทำงานได้ แล้วเปิด CD พัฒนาตัวเองและสร้างแรงบันดาลใจแทน ปิดข่าวภาคค่ำแล้วคุยกับคนรักแทนได้

ควบคุมการเสพสื่อ สื่อมักจับเป็นตัวประกันเสมอ คนเรายับยั้งชั่งใจตัวเองไม่ได้ แม้จะหลีกเลี่ยงเรื่องราวในแง่ลบได้เก่ง และฝึกตัวเองให้เป็นคนมองโลกในแง่บวกเสมอ แต่พอมีเหตุการณ์ที่กระตุ้นความรู้สึกเกิดขึ้น สัญชาตญาณจะทนต่อเรื่องนั้นไม่ได้ สื่อเข้าใจเรื่องนี้ดี พวกเขารู้จักธรรมชาติดีกว่าตัวเราเองหลายเท่า

สื่อเองก็แข่งขันกัน ผู้บริหารสื่อต่าง ๆ ต้องการแย่งความสนใจจากผู้ชมให้ได้มากที่สุด พวกเขาจึงไปหาเรื่องที่เลวร้าย อื้อฉาว ผิดกฎหมาย หรือไม่ก็เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม ความสิ้นหวัง และความสยดสยองมาตีพิมพ์ จะเห็นสิ่งพวกนี้ทั้งในหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ และโทรทัศน์ซ้ำไปซ้ำมา แม้ในวันนั้นจะมีเรื่องที่ดี สวยงาม และอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย แต่กลับได้ยินสิ่งเหล่านั้นน้อยมาก  สิ่งที่อันตรายที่สุดของสื่อคือ จะสร้างมุมมองผิด ๆ ที่มีต่อโลกใบนี้ขึ้นมา เพราะข้อมูลที่สื่อออกไปซ้ำ ๆ เป็นแง่ลบ สมองจะเริ่มหลงเชื่อเรื่องเหล่านั้น มุมมองที่แคบและบิดเบี้ยวเลยมีอิทธิพลต่อความคิด จนอาจถึงขั้นทำร้ายตัวเองได้

ขั้นตอนที่ 2 เรียนรู้ระหว่างขับรถ การกำจัดข่าวแย่ ๆ เพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่พอ ถ้าอยากพาตัวเองไปในทิศทางที่ดีขึ้น ต้องควบคุมไปกับการเสพข่าวดี ๆ ไบรอัน เทรซี่ สอนให้รู้จักเปลี่ยนรถยนต์ให้กลายเป็นห้องเรียนเคลื่อนที่ ลองคิดดูสิว่าแทนที่จะเสียเวลาเปล่า ๆ ไปกับการฟังวิทยุระหว่างขับรถ กลับได้รับความรู้เทียบเท่ากับการเรียนปริญญา ในด้านการเป็นผู้นำ การขาย และการสร้างความมั่งคั่ง การสร้างความสัมพันธ์หรือคอร์สอื่น ๆ ที่เลือก เมื่อรวมความทุ่มเทนี้กับกิจวัตรในการอ่านเข้าด้วยกัน จะโดดเด่นกว่าคนส่วนใหญ่ แค่ใช้ซีดี 1 แผ่นหรือหนังสือ 1 เล่มต่อครั้งเท่านั้นเอง

ความสัมพันธ์ คนที่สนใจอะไรเหมือน ๆ กัน มักรวมอยู่ในกลุ่มเดียวกัน คนที่สร้างสัมพันธ์ด้วยจะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จ และความล้มเหลวกว่า 95% ในชีวิต จิม รอห์น กล่าวว่า ตัวเราจะเป็นค่าเฉลี่ยของคน 5 คนที่ใช้เวลาด้วยมากที่สุด จะมองเห็นสุขภาพ ทัศนคติ และรายได้จากการสังเกตคนที่อยู่รอบตัว กลุ่มที่ใช้เวลาด้วยมากที่สุด จะกำหนดว่าบทสนทนาใด มีอิทธิพลต่อความสนใจ ทัศนคติ และความคิดเห็นที่เจอ

ท้ายที่สุดแล้ว จะเริ่มกินอาหารแบบเดียวกับที่พวกเขากิน อ่านหนังสือแบบที่พวกเขาอ่าน คิดแบบที่พวกเขาคิด ดูสิ่งที่พวกเขาดู ปฏิบัติกับคนอื่นเหมือนที่พวกเขาทำ หรือแต่งตัวเหมือนที่พวกเขาแต่ง สิ่งที่ตลกก็คือมักไม่รู้ถึงความเหมือนที่เกิดขึ้นระหว่างทั้ง 5 คนรอบตัวเลยสักนิด อิทธิพลจากเพื่อนนั้นเกิดขึ้นได้อย่างช้า ๆ และเป็นไปได้ทั้งในแง่บวกและลบ ซึ่งผลลัพธ์นั้นมีพลังมากจงระวังให้ดี ไม่สามารถใช้เวลากับคนที่มีนิสัยแย่ ๆ และหวังจะสร้างชีวิตได้ดีขึ้นมาได้

วิธีแก้คือต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ร่วมกับคนที่มีคุณสมบัติที่ดี จะค่อย ๆ เห็นว่าอิทธิพลนั้นเป็นประโยชน์ไม่ใช่อุปสรรค พฤติกรรมและทัศนคติที่ช่วยสร้างความสำเร็จ เพื่อให้คนชื่นชมจะเริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เมื่อใช้เวลาร่วมกับพวกเขานานพอ จะเริ่มรับรู้ถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นในชีวิต ถึงเวลาแล้วที่ต้องประเมิน และจัดลำดับความสำคัญของคนที่ใช้เวลาด้วยใหม่อีกครั้ง ความสัมพันธ์กับคนเหล่านี้ ทำให้ย่ำอยู่กับที่ได้ ประเมินและแยกความสัมพันธ์ออกเป็น 3 รูปแบบคือ

  1. ความสัมพันธ์ที่ควรตัดขาด เมื่อรู้แล้วว่ามีบางคนที่ควรจะตัดความสัมพันธ์ด้วย นี่อาจเป็นขั้นตอนที่ไม่ง่ายนัก แต่มันจำเป็นมากต้องเลือกเพื่อไม่ให้อิทธิพลในแง่ลบ มาส่งผลต่อตัวเองได้อีก ต้องกำหนดชีวิตที่ปรารถนา และพาตัวเองไปหากลุ่มคนที่มี และช่วยส่งเสริมชีวิตแบบนั้น เมื่อต้องตัดสินใจเรื่องยาก ๆ เมื่อพาตัวเองออกจากคนที่ดึงให้ตกต่ำลง ขอให้รู้ว่าพวกเขาจะต่อต้าน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่สนิทมากที่สุด การที่เลือกใช้ชีวิตในแง่ลบ และมุ่งไปสู่เป้าหมายจะเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนถึงเส้นทางแย่ ๆ ที่พวกเขาเลือกจะทำให้พวกเขาไม่สบายใจ พวกเขาจึงพยายามดึงให้ลงมาอยู่ในระดับเดียวกันกับพวกเขา พวกเขาต่อต้านไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่รัก หรือไม่อยากให้ได้เจอสิ่งดี ๆ แต่มันเป็นเพราะพวกเขากลัว รู้สึกผิดกับทางเลือกแย่ ๆ และการขาดระเบียบวินัยของพวกเขาเอง
  2. ความสัมพันธ์ที่ควรจำกัด จะมีคนบางกลุ่มที่ควรใช้เวลาด้วยแค่ 3 ชั่วโมงไม่ใช่ 3 วัน และก็มีอีกคนบางพวกที่ควรใช้เวลาด้วยแค่ 3 นาทีไม่ใช่ 3 ชั่วโมง อย่าลืมว่าอิทธิพลของความสัมพันธ์นั้นทรงพลังและซับซ้อนมาก คนที่โดนข้าง ๆ สามารถกำหนดได้ว่า เขาจะให้เดินช้าหรือเดินเร็วขึ้น ในทำนองเดียวกันไม่สามารถหลีกเลี่ยงอิทธิพลจากทัศนคติ การกระทำ และพฤติกรรมของคนที่ใช้เวลาด้วย ลองมองย้อนกลับไปยังความสัมพันธ์ ตรวจเช็คให้ดีว่าไม่ได้ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ร่วมกับคนที่ควรอยู่แค่ 3 นาที
  3. ความสัมพันธ์ที่ควรสานต่อ แม้จะมีคนบางกลุ่มที่ควรตัดขาด ก็จะมีคนบางกลุ่มเช่นกันที่ควรจะขยับขยายความสัมพันธ์ด้วย ลองค้นหาคนที่มีชีวิตด้านบวก ซึ่งอยากจะสร้างในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จด้านการเงินและธุรกิจ ในแบบที่ตัวเองฝัน คนที่มีความสัมพันธ์ในแบบที่ต้องการแล้ว คนที่มีวิถีชีวิตในแบบที่หลงใหล จากนั้นให้ใช้เวลาร่วมกับพวกเขาให้มากขึ้น เข้าร่วมกลุ่มธุรกิจและสมาคมที่คนประเภทนี้มาเข้าร่วม และผูกมิตรกับเขา จงปล่อยให้แสงสว่างของพวกเขาค่อย ๆ ขัดเกลา จงเป็นเพื่อนกับคนที่คิดว่ายิ่งใหญ่ ยอดเยี่ยม และประสบความสำเร็จมากที่สุดในสาขาเดียวกัน พวกเขาอ่านหนังสืออะไร พวกเขาไปกินข้าวกันที่ไหน ความสัมพันธ์นั้นมีอิทธิพลต่อตัวเราเองมาก

ค้นหาคู่หูพัฒนาฝีมือ อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยสร้างความสามารถ ที่ควรขยับขยายให้มากขึ้นก็คือ ร่วมมือกับคู่หูพัฒนาฝีมือ ซึ่งเป็นใครสักคนที่ทุ่มเทให้กับการศึกษา และพัฒนาตัวเองพอ ๆ กัน บุคคลนี้ควรเป็นคนที่เชื่อใจ คนที่กล้าบอกว่าเขาคิดอย่างไร กับทัศนคติและผลงานของตัวเรา บุคคลนี้อาจเป็นเพื่อนที่คบมาอย่างยาวนาน แต่อาจไม่รู้จักกันดีในทุกด้าน เพราะประเด็นสำคัญอยู่ที่การรับฟังมุมมองจากบุคคลภายนอกที่จริงใจและไร้อคตินั่นเอง วิธีนี้ทำให้ทั้งคู่ต่างดูแลกันและกัน

ลงทุนกับที่ปรึกษา ไม่มีใครเก่งเกินไปจนไม่จำเป็นต้องมีที่ปรึกษา ขณะคนที่ประสบความสำเร็จและเก่งมาก ๆ จะจ่ายเงินให้กับโค้ชและที่ปรึกษาที่ดีที่สุดมาพัฒนาตัวเขา การหาที่ปรึกษานั้นไม่ได้มีวิธีที่ซับซ้อนและน่ากลัวแต่อย่างใด สิ่งที่ต้องจำให้ขึ้นใจคือไม่ต้องใช้เวลานานเพื่อขอคำแนะนำจากเขาก็ได้ แค่เล่าให้ฟังว่ากำลังทำอะไรอยู่ แล้วขอคำแนะนำจากเขาแค่นั้นเอง  คงแปลกใจมากที่รู้ว่านักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ต่างยิ่งดีเป็นที่ปรึกษาให้กับคนอื่น ๆ เพราะมันไม่ต้องใช้เวลาเยอะ การเป็นที่ปรึกษาคือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะให้ใครสักคน มันทำให้อยากลุกออกจากเตียงทุกเช้า เพื่อสอน และเพื่อเรียนรู้ทุก ๆ วัน ทุกคนต้องเปิดกว้างต่อการรับฟังคำปรึกษา ต้องเต็มใจให้กับคนที่อยู่รอบตัวเข้ามาสร้างสรรค์ หล่อหลอม และเพิ่มพลังให้กับชีวิต

ค้นหาทีมที่ปรึกษาส่วนตัว การค้นหาที่ปรึกษาด้านต่าง ๆ มาอยู่ในชีวิต เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาตัวเองให้ฉลาดมากขึ้น มีกลยุทธ์มากขึ้น จัดการสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และขยายเวลาที่ใช้ร่วมกับผู้นำที่ดีในอีกหลาย ๆ คน การเลือกที่ปรึกษาโดยดูจากทักษะต่าง ๆ ที่พวกเขาเชี่ยวชาญ ความคิดสร้างสรรค์ และความเคารพที่มีต่อพวกเขา เพื่อขอแนวคิด คำติชม และข้อมูลต่าง ๆ จากพวกเขา วิธีนี้มีประโยชน์มากกว่าที่คาดเอาไว้เสียอีก ค้นหาคนที่คิดในแง่บวกซึ่งเคยประสบความสำเร็จในเรื่องที่อยากทำ ขอให้จำไว้นิดนึง จงอย่าขอคำแนะนำจากคนที่ไม่อยากจะสลับตัวกับเขา

สภาพแวดล้อม การเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ รอบตัวจะเปลี่ยนทัศนคติ ความฝันในใจอาจยิ่งใหญ่กว่าสภาพแวดล้อมที่อยู่ บางครั้งก็ต้องก้าวออกมาจากสภาพแวดล้อมนั้น เพื่อเติมเต็มความฝัน เวลาที่พูดถึงสภาพแวดล้อมไม่ได้พูดถึงสถานที่ที่อยู่เท่านั้น หมายถึงทุกอย่างที่อยู่รอบตัว การสร้างสภาพแวดล้อมดี ๆ เพื่อส่งเสริมความสำเร็จนั้นหมายถึง การกำจัดความวุ่นวายในชีวิตต่อไปให้หมด ไม่ใช่แค่ความวุ่นวายภายนอกที่รบกวนการทำงาน แต่รวมถึงความวุ่นวายทางใจเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้ล้มเหลว และสิ่งที่ทำให้ยอมแพ้ด้วย

ทุกสิ่งที่ทำไม่เสร็จจะบ่อนทำลายตัวเอง มันจะดูดพลังแห่งเป้าหมาย และความสำเร็จออกจากตัว ทั้งคำสัญญา ความทุ่มเท และข้อตกลงที่ทำไม่สำเร็จ จะถูกดูดพลังในตัวออกไป ขอให้นึกถึงสิ่งที่ทำสำเร็จในวันนี้ให้ได้ก็พอ เมื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมเป้าหมาย ขอให้จำไว้เสมอว่า สิ่งที่ได้มาในชีวิตล้วนเป็นสิ่งที่ยอมให้เกิดขึ้นทั้งสิ้น ทุกด้านในชีวิตเป็นแบบนี้ทั้งหมด โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับครอบครัว เพื่อน และเพื่อนร่วมงาน

คนเรามักเป็นไปตามมาตรฐานที่ตั้งไว้กับตัวเอง บางคนคิดว่าพวกเขาคือเหยื่อจากพฤติกรรมของคนอื่น ทั้งนี้จริง ๆ แล้วสามารถควบคุมสิ่งที่คนอื่นจะปฏิบัติต่อเราได้ จงปกป้องกาย ใจ และอารมณ์ จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข และไม่ต้องจมอยู่กับความวุ่นวาย และความเครียดที่โลกยัดเยียดให้ ถ้าอยากให้ชีวิตดีขึ้น ต้องทำให้สภาพแวดล้อม พร้อมต้อนรับและสนับสนุนสิ่งที่อยากจะเป็น อยากทำ และอยากสำเร็จตามที่ต้องการ

บทที่ 6 เร่งผลลัพธ์สู่ความสำเร็จ

พอถึงจุดหนึ่งที่ล้า จะเผชิญหน้ากับจิตใจตัวเอง และไอเดียต่าง ๆ ที่เคยมีจะเลือนหาย  เหลือไว้เพียงความจริง จิตใจ จะเริ่มสร้างข้อแก้ตัวต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อโน้มน้าวว่า แค่เลิกไม่เห็นจะเสียหายอะไรสักหน่อย นี่คือเวลาที่ต้องตอบคำถามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตข้อหนึ่งนั่นก็คือ จะฝ่าฟันความเจ็บปวด และเดินหน้าต่อไปหรือจะยอมแพ้ ถึงช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายของชีวิต ในช่วงนั้นต้องรู้ว่าเป็นใคร กำลังจะกลายเป็นใคร นี่คือตัวกำหนดว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง จะเลือกขึ้นไปยืนบนแท่นรอรับเหรียญรางวัล หรือยืนปรบมือท่ามกลางฝูงชน เพื่อแสดงความยินดีกับชัยชนะของคนอื่นกันแน่

ถ้าทำเหมือนคนส่วนใหญ่ ซึ่งมักไม่ใช่เรื่องยาก เจ็บปวด หรือท้าทายอะไร อาจพัฒนาไปพร้อม ๆ กับพวกเขาก็จริง แต่ไม่มีทางเก่งกว่าพวกเขาได้ ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ช่วงเวลาที่เจอปัญหา แต่มันคือสิ่งที่ทำหลังเจอปัญหาต่างหาก เวลาที่หลังพิงฝานั้นไม่ใช่อุปสรรค แต่มันคือโอกาส เมื่อทุกอย่างสวยงาม ราบรื่น ไม่มีสิ่งใดรบกวน และไม่มีสิ่งใดมาขัดจังหวะ ทั้งหมดนี้คือช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่ก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ทุกอย่างเริ่มยาก ปัญหาเริ่มประทุ และมีสิ่งล่อใจมากมาย ต้องพิสูจน์คุณค่าในตัวเอง เมื่อเหนื่อยล้าจากการรักษาวินัย กิจวัตร แผน และความสม่ำเสมอ ขอให้รู้เอาไว้ว่านี่คือช่วงเวลาที่กำลังแยกตัวออกจากตัวเองคนเก่า กำลังปีนข้ามกำแพงออกมา แล้วค้นหาตัวตนใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ชัยชนะ และความสำเร็จ

ทวีคูณผลลัพธ์ วินัยและพฤติกรรมง่าย ๆ นั้นสามารถทวีคูณได้เรื่อย ๆ แล้วก็จะได้รับผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์ หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการทวีคูณผลลัพธ์คือ การเปรียบเทียบตัวเองกับคู่แข่งที่แกร่งที่สุด จงไปให้ไกลกว่าเดิม และบินให้สูงกว่าเดิมเมื่อล้า จงทำให้ดีกว่าคนอื่น ๆ คาดหวัง จงลงมือทำให้มากกว่าคำว่าพอสมควร

เอาชนะความคาดหมาย ไม่ต้องพยายามเพิ่มขึ้นมากหรอก แค่พยายามเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ก็ช่วยให้ผลลัพธ์ทวีคูณขึ้นหลายเท่าแล้ว ไม่ว่าจะโทรศัพท์หาลูกค้า บริการลูกค้า ชื่นชมคนรัก ออกไปวิ่ง ยกเวท วางแผนออกเดท ใช้เวลากับลูก ๆ และคนอื่น ๆ ให้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า จะทำอะไรเพิ่มเติมให้เหนือความคาดหมายได้บ้าง

ทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง สิ่งใดที่คนนิยมเป็นสิ่งที่ไม่หวือหวาอะไรเลย มันก็แค่สิ่งธรรมดา ๆทั่วไป ซึ่งสิ่งธรรมดา ๆ ก็สร้างแค่ผลลัพธ์ที่ธรรมดา ๆ พยายามเพิ่มไม่ได้หมายความว่า ต้องเสียเงินหรือแรงเพิ่มขึ้นมากมายอะไร ถ้าอยากให้คนอื่นได้ยินเสียง ก็ต้องทำสิ่งที่เหนือความคาดหมายบ้าง มีเหตุผลและความคิดที่ดี ขอให้พยายามเต็มที่ หรือทำให้เหนือความคาดหมายที่คนอื่นคิดไว้ เพื่อให้ประเด็นที่อยากสื่อสารดังก้องสู่สาธารณะ

ทำให้เกิดความคาดหวัง สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างประสบความสำเร็จระดับมโหฬาร คือการใช้ความกล้าและมุ่งมั่นเพิ่มขึ้นแค่เล็กน้อย เพื่อดึงดูดความสนใจ จงลงมือทำให้เหนือความคาดหวัง แม้จะเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ ก็ตาม บนโลกที่น้อยคนจะทำเกินความคาดหวัง จะเร่งผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว และทำตัวเองให้โดดเด่นได้ ด้วยการทำสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ให้นำแนวคิดเหล่านี้ไปปรับใช้กับชีวิต แค่พยายามใช้เวลา กำลัง หรือความคิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มันจะช่วยพัฒนาผลลัพธ์และทวีคูณเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว แค่พยายามเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จะกลายเป็นคนพิเศษได้เช่นกัน

ลองหาโอกาสทวีคูณผลลัพธ์ในด้านต่าง ๆ ของชีวิต โดยการทำงานให้หนักขึ้นเล็กน้อย ใช้เวลานานกว่าเดิมเล็กน้อย เตรียมตัวเยอะขึ้นหน่อย และทุ่มเทขึ้นอีกนิด ตั้งคำถามคือตัวเองว่า จะทำให้ดีกว่าเดิม และเหนือความคาดหวังได้ มองหาโอกาสทำให้ทุกคนตกตะลึงมากที่สุด แล้วระดับความสำเร็จก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้คนรอบข้างต้องตกใจ

บทสรุป

ถ้าเรียนแล้วไม่ยอมเอาความรู้ไปปรับใช้จริง คงไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ พลังแห่งผลลัพธ์ทวีจะทำให้ชีวิตสวยงามขึ้น ไม่ต้องภาวนาหรือคาดหวังให้ความสำเร็จเดินมาหาอีกต่อไป พลังทวีจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความแตกต่างและยั่งยืนให้กับชีวิต ถ้าลงมือทำสิ่งดี ๆ อย่างสม่ำเสมอ ให้ทุกตัวอักษรและหลักการทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้ช่วยนำทาง จงค่อย ๆ ซึมซับกลยุทธ์สู่ความสำเร็จในหนังสือเล่มนี้ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดี จับต้องได้ และยิ่งใหญ่

เมื่อรู้สึกว่านิสัยไม่ดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดูไม่ค่อยอันตราย แต่มันกำลังคืบคลานกับเข้ามาในชีวิต จงหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน เมื่ออยากเติมไฟในตัวและสร้างพลังแห่งเป้าหมาย จงหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน หนังสือเล่มนี้จะกระตุ้นให้แรงผลักดันแวะมา ถึงเวลาแล้วที่ต้องลงมือทำเพื่อสร้างความสำเร็จ และความเชื่อมั่นให้กับตัวเอง ตอนนี้มีพลังแล้วหวังว่าจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้ได้

ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ แค่ชั่วข้ามคืน ต่อให้ทุ่มเทกับทางเลือกที่ดีแล้ว ผลลัพธ์ของมันจะยังไม่เกิดขึ้นทันที แต่ผลลัพธ์ทวีจะช่วยผลักดัน ไปสู่จุดสูงสุดจนต้องประหลาดใจ และคนรอบตัวต้องตกตะลึง เมื่อยึดมั่นในพลังแห่งเป้าหมาย พฤติกรรม และนิสัยใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ จะได้แรงผลักดันมาช่วยส่งเสริมอย่างรวดเร็ว เมื่อมีแรงผลักดันความสม่ำเสมอ และการกระทำเชิงบวกมาครอบครอง มันต้องมากเกินกว่าที่จะจินตนาการได้แน่นอน

มีหลักการอีกหนึ่งข้อ ถ้าปรารถนาสิ่งใด วิธีที่ดีที่สุดเพื่อช่วยให้ทำตามความปรารถนาให้สำเร็จก็คือ ต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจไปกับการให้ ถ้าอยากเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง ต้องหาวิธีเพิ่มความมั่นใจให้คนอื่น ถ้าอยากมีความหวัง มองโลกแง่บวก และมีแรงใจมากขึ้น ต้องส่งต่อสิ่งเหล่านี้ให้กับคนอื่น ๆ ถ้าอยากสร้างความสำเร็จให้มากขึ้น วิธีที่เร็วที่สุดเพื่อทำให้สำเร็จคือ การช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้ความสำเร็จที่พวกเขาต้องการ ผู้อื่นจะช่วยให้ได้รับประโยชน์จากน้ำใจที่มี ขอให้นำหลักการนี้มาปรับใช้ในชีวิต นี่คือขั้นตอนเล็ก ๆ ที่นำมาใช้พัฒนาเส้นทางชีวิต.