TFEX คือ อะไร
TFEX หมายถึง “Thailand Futures Exchange” หรือ “ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า” ของประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่มีบทบาทสำคัญในการให้บริการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าในหลายประเภท และเป็นส่วนหนึ่งของตลาดการเงินในประเทศไทย โดยมีการดำเนินการภายใต้กฎเกณฑ์และการกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. (คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์)
ตลาด TFEX ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลายและมีความยืดหยุ่น เพื่อการบริหารความเสี่ยงและการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ตลาดนี้มีสินค้าหลายประเภทให้เลือกซื้อขาย รวมถึง
SET50 FUTURE: สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นที่คำนวณจากหุ้น 50 บริษัทที่มีมูลค่าตลาดและสภาพคล่องสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
- SET50 OPTION: สัญญาออปชันที่ให้สิทธิ์แต่ไม่ใช่หน้าที่ในการซื้อหรือขายดัชนี SET50 ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
- STOCK FUTURE: หรือ Single Stock Future สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับหุ้นของบริษัทเฉพาะ
- Gold Future: สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาของทองคำ
นอกจากนี้ TFEX ยังมีสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น สินค้าเกษตร, โลหะมีค่า, และอ้างอิงกับราคาหรือดัชนีอื่นๆ เช่น อัตราแลกเปลี่ยน
ในแง่ของการดำเนินงาน TFEX เป็นตลาดที่ใช้ระบบการซื้อขายแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งทันสมัยและมีความรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนสามารถทำการซื้อขายได้ทั่วทุกมุมโลก โดยใช้ระบบการติดต่อสื่อสารข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูง นอกจากนี้ ตลาด TFEX ยังมีมาตรการในการบริหารความเสี่ยงเพื่อป้องกันความผันผวนของราคาที่อาจเกิดขึ้นอย่างรุนแรง และมีการกำหนดข้อกำหนดในการซื้อขายที่เข้มงวด เพื่อความเป็นธรรมและโปร่งใสในตลาด
ตลาด TFEX นั้นไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าสำหรับนักลงทุนทั่วไปในการเข้าถึงตลาดการเงิน การศึกษาและการเข้าใจตลาด TFEX จะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยง และการใช้ประโยชน์จากตลาดที่มีความยืดหยุ่นสูงในการป้องกันความเสี่ยงและการสร้างกำไร
อ้างอิงภาพประกอบ: www.tfex.co.th/th/
ประโยชน์ของการเข้ามาซื้อขายในตลาด TFEX
การเข้ามาซื้อขายในตลาด TFEX (Thailand Futures Exchange) มีข้อดีและประโยชน์หลายประการ ซึ่งสามารถช่วยให้นักลงทุนเหล่านี้สร้างผลตอบแทนและบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- TFEX ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งในช่วงตลาดขาขึ้น, ตลาดขาลง และตลาด Sideways (ตลาดที่มีความผันผวนน้อย) นักลงทุนสามารถเปิดสถานะขายได้โดยไม่ต้องมีสินค้าอ้างอิงก่อน, ช่วยให้สามารถทำกำไรในช่วงตลาดขาลงได้
- การใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของราคาในตลาด
- นักลงทุนสามารถซื้อขายด้วยการวางหลักประกันเพียงบางส่วนของมูลค่าสัญญา (ประมาณ 5-20%) ซึ่งช่วยลดปริมาณเงินทุนที่จำเป็นในการเข้าร่วมตลาด
- TFEX มีสินค้าให้เลือกเทรดหลากหลายประเภท เช่น ดัชนีหุ้น, หุ้นรายตัว, ทองคำ, โลหะเงิน, ค่าเงิน, ยางพารา ฯลฯ
- เวลาซื้อขายใน TFEX สามารถใกล้เคียงหรือรองรับการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าอ้างอิงในตลาดต่างประเทศได้
- สินค้าส่วนใหญ่ใน TFEX มีการชำระราคาเป็นเงินสด (Cash Settlement) ซึ่งช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องการรับมอบหรือส่งมอบสินค้าจริง
- บางสินค้าใน TFEX เช่น USD Futures, Gold-D และ RSS3D Futures ตอบโจทย์ผู้ประกอบการหรือผู้เกี่ยวข้องที่ต้องการส่งมอบสินค้า
- มี Market Maker ที่ทำหน้าที่สร้างสภาพคล่องในการซื้อขาย ช่วยให้การซื้อขายมีความสะดวกและคล่องตัวมากขึ้น
- TFEX ดำเนินการภายใต้มาตรฐานสูงและการกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ถึงความโปร่งใสและเป็นธรรมในการซื้อขาย
สัญญาฟิวเจอร์ส (Futures)
สัญญาฟิวเจอร์ส เป็นสัญญาทางการเงินที่ใช้ในการซื้อขายสินค้าหรือสินทรัพย์อ้างอิงในอนาคตที่มีรายละเอียดและเงื่อนไขที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน รวมถึงราคา, ปริมาณ และวันหมดอายุของสัญญา สัญญาฟิวเจอร์สนี้มีการซื้อขายในตลาดอย่าง TFEX ซึ่งเป็นตลาดที่มีการกำหนดมาตรฐานของสัญญา
- การเคลื่อนไหวของราคา: ราคาของฟิวเจอร์สมักจะเคลื่อนไหวไปตามราคาของสินค้าอ้างอิง. นักลงทุนสามารถเลือกเปิดสถานะเป็นผู้ซื้อ (Long) หรือผู้ขาย (Short) ตามทิศทางที่คาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหวไป
- การปิดสถานะก่อนหมดอายุ: ผู้ลงทุนสามารถปิดสถานะสัญญาเพื่อรับรู้กำไรหรือขาดทุนก่อนหมดอายุของสัญญาได้
- การใช้เพื่อการเก็งกำไรและป้องกันความเสี่ยง: สัญญาฟิวเจอร์สสามารถใช้ทั้งเพื่อทำกำไรจากทิศทางราคาสินค้าอ้างอิงได้ทั้งขาขึ้นและขาลง และใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวของราคา
สัญญาออปชัน (Options)
สัญญาออปชัน เป็นประเภทของอนุพันธ์ที่ให้สิทธิ (แต่ไม่ใช่หน้าที่) ในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิงในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า (Strike Price) และภายในเวลาที่กำหนด
- Call Options และ Put Options: ออปชันมีสองประเภทหลัก คือ Call Options ซึ่งให้สิทธิในการซื้อสินทรัพย์ และ Put Options ซึ่งให้สิทธิในการขายสินทรัพย์
- การจ่ายพรีเมียม: ผู้ซื้อออปชันต้องจ่ายค่าตอบแทนที่เรียกว่าพรีเมียมให้กับผู้ขายเพื่อแลกกับสิทธิที่ได้รับจากออปชัน
- การใช้สิทธิหรือไม่ใช้สิทธิ: ผู้ซื้อออปชันสามารถเลือกใช้สิทธิหรือไม่ใช้สิทธิตามเงื่อนไขของสัญญาเมื่อสิ้นสุดอายุสัญญา
- การใช้เพื่อการเก็งกำไรและป้องกันความเสี่ยง: ออปชันสามารถใช้เพื่อทำกำไรในช่วงตลาดขาขึ้นหรือใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลง
TFEX เล่นยังไง
การเล่น TFEX หรือ Thailand Futures Exchange นั้นเปรียบเสมือนกับการซื้อขายสัญญา Futures และ Options ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีความสำคัญในตลาดอนุพันธ์ สัญญา Futures เป็นตัวอย่างของเครื่องมือทางการเงินที่ไม่มีมูลค่าด้วยตัวของมันเอง แต่มูลค่าของมันมักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับสินทรัพย์อ้างอิงที่เกี่ยวข้อง
ความหมายของ Futures
Futures คือ สัญญาที่กำหนดให้ซื้อหรือขายสินทรัพย์ในปริมาณและคุณภาพที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในวันที่แน่นอนในอนาคต โดยมีราคาที่ตกลงกันไว้ สิ่งที่ทำให้ Futures น่าสนใจคือการที่ราคาของมันมักจะเคลื่อนไหวไปตามสินทรัพย์อ้างอิง ซึ่งอาจจะเป็นสินค้าโภคภัณฑ์, ดัชนีหุ้น, หรือสกุลเงิน และอื่นๆ
ตัวอย่างของ Futures ใน TFEX
- Set 50 Index Futures: สัญญา Futures นี้มี SET50 Index เป็นสินทรัพย์อ้างอิง ซึ่งคือดัชนีที่คำนวณจากหุ้น 50 บริษัทที่มีมูลค่าตลาดและสภาพคล่องสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ราคาของ Set 50 Index Futures จะเคลื่อนไหวตามการเปลี่ยนแปลงของดัชนี SET50
- Gold Futures: สัญญานี้เคลื่อนไหวตามราคาของทองคำในตลาด LBMA (London Bullion Market Association) โดยคิดเป็นอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินบาท นักลงทุนสามารถเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำโดยใช้สัญญานี้
การเล่น TFEX
การซื้อขายในตลาด TFEX หรือ Thailand Futures Exchange นั้น มีสองสถานะหลักๆ ในการเทรด คือ Long และ Short นี่คือการอธิบายละเอียดของทั้งสองสถานะ
- การเทรดแบบ Long (L)
- ความหมาย: การเปิดสถานะ Long หมายถึงการเทรดโดยคาดการณ์ว่าตลาดจะปรับตัวขึ้น
- การทำกำไร: จะได้กำไรเมื่อราคาตลาดปรับตัวขึ้นมากกว่าจุดที่เปิดสถานะ
- ตัวอย่างเช่น หากเปิดสถานะ Long ที่ 1,000 จุด และตลาดปรับตัวขึ้นเป็น 1,010 จุด, จะมีกำไร
- การขาดทุน: จะขาดทุนเมื่อราคาตลาดลดลงต่ำกว่าจุดที่เปิดสถานะ
- ตัวอย่างเช่น หากเปิดสถานะ Long ที่ 1,000 จุด และตลาดลดลงเป็น 990 จุด, จะมีขาดทุน
- การคำนวณกำไร/ขาดทุน: กำไรหรือขาดทุน = (ราคาปิด – ราคาเปิดสถานะ Long) x ตัวคูณดัชนี x จำนวนสัญญา
- การเทรดแบบ Short (S)
- ความหมาย: การเปิดสถานะ Short หมายถึงการเทรดโดยคาดการณ์ว่าตลาดจะปรับตัวลง.
- การทำกำไร: จะได้กำไรเมื่อราคาตลาดลดลงต่ำกว่าจุดที่เปิดสถานะ
- ตัวอย่างเช่น หากเปิดสถานะ Short ที่ 1,000 จุด และตลาดลดลงเป็น 990 จุด, จะมีกำไร.
- การขาดทุน: จะขาดทุนเมื่อราคาตลาดเพิ่มขึ้นมากกว่าจุดที่เปิดสถานะ
- ตัวอย่างเช่น หากเปิดสถานะ Short ที่ 1,000 จุด และตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 1,010 จุด, จะมีขาดทุน
- การคำนวณกำไร/ขาดทุน: กำไรหรือขาดทุน = (ราคาเปิดสถานะ Short – ราคาปิด) x ตัวคูณดัชนี x จำนวนสัญญา
การเทรดใน TFEX จึงเป็นการเล่นกับทิศทางของตลาด โดยมีโอกาสทั้งในการทำกำไรและขาดทุน ซึ่งขึ้นอยู่กับทิศทางที่ตลาดเคลื่อนไหวและจำนวนสัญญาที่เปิด. นักลงทุนจึงต้องมีความรอบคอบและการวิเคราะห์ที่ดีก่อนการตัดสินใจเปิดสถานะใด
ขั้นตอนที่ต้องทำเพื่อเริ่มต้นเทรดใน TFEX
1) เปิดบัญชี TFEX
- บัญชีอนุพันธ์: คุณต้องเปิดบัญชีซื้อขายอนุพันธ์หรือที่เรียกว่า “บัญชี TFEX” ซึ่งต่างจากบัญชีหุ้นธรรมดา
- เลือกโบรกเกอร์: มีโบรกเกอร์หลายรายที่ให้บริการบัญชี TFEX คุณต้องเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการและค่าคอมมิชชั่นที่แตกต่างกัน
2) วางหลักประกันขั้นต่ำ (Initial Margin)
- Initial Margin (IM): ก่อนเทรดคุณต้องวางหลักประกันขั้นต่ำซึ่งมีค่าแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสัญญาและสถานะของตลาด
- การปรับหลักประกัน: ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนมากหลักประกันขั้นต่ำอาจเพิ่มขึ้น และอาจลดลงในช่วงที่ตลาดผันผวนน้อย
3) การรักษาสภาพหลักประกัน (Maintenance Margin)
- Maintenance Margin (MM): คุณต้องรักษาหลักประกันให้มีมากกว่า 70% ของหลักประกันขั้นต่ำตลอดเวลา
- Margin Call: หากหลักประกันลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คุณจะได้รับการแจ้งเตือน (Margin Call) ให้เติมเงินเพื่อรักษาสถานะการเทรด
4) ความเสี่ยงของการเทรด TFEX
- Force Sell: หากคุณผิดทางมากและหลักประกันลดลงต่ำกว่า 30% ของหลักประกันขั้นต่ำ คุณอาจโดนบังคับขาย (Force Sell) ซึ่งอาจทำให้ขาดทุนมาก
- การจัดการความเสี่ยง: คุณต้องมีการจัดการความเสี่ยงที่ดี เพราะถึงแม้ว่า TFEX สามารถสร้างผลกำไรได้มาก แต่ความเสี่ยงในการขาดทุนก็สูงเช่นกัน
5) การตัดสินใจอย่างรอบคอบ
- การศึกษาและพิจารณา: ก่อนเทรดใน TFEX คุณควรศึกษาและพิจารณาความเสี่ยงและศักยภาพของตัวเองอย่างละเอียด
- วินัยทางการเงิน: มีวินัยทางการเงินและการจัดการเงินที่ดีเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนในระดับสูง
การเทรดใน TFEX ไม่เหมือนกับการลงทุนในหุ้นทั่วไป มีความซับซ้อนและต้องใช้วินัยทางการเงินและความเข้าใจในตลาดที่ดี การศึกษาและการเตรียมตัวอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญด้วย