ต้นทุนค่าย้ายซีรีย์ (Rollover cost)
สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งของการเทรดคือ ควรเลือกเล่นในสนามที่ตนเองได้เปรียบ และในการเทรดจุดที่ทำให้ได้เปรียบเสียเปรียบอย่างหนึ่งนั่นก็คือ “ต้นทุน” (cost)
◆ หากเราอยู่ในตลาดฟิวเจอร์ ต้นทุนที่สำคัญอันนึงคือ rollover cost (ต้นทุนการปิดซีรีย์ที่หมดอายุ ไปซื้อซีรีย์ถัดไป) ถ้าไปเล่นสินค้าที่หมดอายุทุกเดือนเช่นน้ำมัน ก็จะโดนทุกเดือน แต่ถ้าเป็น s&p500 หรือ set50 ก็ทุกๆ3เดือน ดังนั้น rollover cost จึงมีความสำคัญมาก
◆ หากซีรีย์ไกล มีราคาถูกกว่าซีรีย์ใกล้ >>> ฝั่งซื้อ(long)ได้เปรียบ เพราะได้ต้นทุนใหม่ที่ราคาต่ำกว่าเดิม swap จะเป็นบวก และฝั่งชอตสวอปเป็นลบ
◆ แต่หากซีรย์ไกล มีราคาแพงกว่าซีรีย์ใกล้ ฝั่งขาย (short) ก็จะเป็นฝ่ายได้เปรียบแทน
◆ อีกอย่างที่เป็นหัวใจสำคัญคือ การเลือก product ให้ได้เปรียบ (swapบวก) บางตัวฝั่ง long ได้เปรียบเสมอ (ณ ตอนนี้) เช่น aud/jpy แต่บางตัวฝั่ง long จะเสียเปรียบเช่นทอง เป็นต้น ซึ่งค่าswapแต่ละโบรคจะคิดไม่เท่ากัน บางโบรคคิดน้อย บางโบรคฟันหัวแบะ -*-
◆ หรือแม้แต่น้ำมันเองก็ตาม swapจะไม่นิ่ง เป็นได้ทั้งบวก และลบ อย่าง ณ ตอนนี้ถ้าใครเล่น WTI ฝั่ง long ก็สบายหน่อยครับ ได้swapบวก แต่ถ้า long BRENT ก็ซวยหน่อย swap เป็นลบ (ขนาดน้ำมันเหมือนกันนะเนี่ย)
◆ ดังนั้น ถ้าเราได้ค่า swap บวก ถึงแม้จะถือ position ผิดฝั่งกำไรจาก swap ก็จะช่วยโปะขาดทุนได้เยอะ
– แต่ในทางตรงข้าม ถ้า swap ลบ ถึงแม้ position จะกำไร แต่ผลรวมอาจจะลบได้เพราะขาดทุนจากswapเยอะครับ!!!!
ถ้ามีเวลาไว้จะมาแชร์เรื่องที่มาของswapค่าเงิน ว่ามีที่มายังไง ทำไมบวกบ้างลบบ้างครับ^^