Portfolio Rebalancing (3)
ต่อเรื่องการจัดพอร์ตนะครับ(ควรอ่านตอน 1&2มาก่อน)
• หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่า พวกกองทุนหรือพอร์ตลงทุนบริษัทใหญ่ๆ จะมีฝ่ายที่ลงทุนหุ้น (equity) กับตราสารหนี้ (bond) รู้มั๊ยว่าเพราะอะไร?
⋆ สาเหตุง่ายๆเลยคือ เวลาเศรษฐกิจดี ดอกเบี้ยขึ้น หุ้นขึ้น (+) ตราสารหนี้ราคาลง (-) >>>ขายหุ้นทำกำไร เอาเงินเข้าตราสารหนี้
⋆ เวลาเศรษฐกิจแย่ ลดดอกเบี้ย หุ้นตก(-) ตราสารหนี้ราคาขึ้น (+) >>> ทยอยช้อนซื้อหุ้น ลดพอร์ตตราสารหนี้
• ซึ่งมันก็คือโมเดลการหาproductที่ราคาวิ่งไม่สัมพันธ์กัน แล้วมาทำ rebalacing นั่นเอง!!! แต่…จะแบ่งน้ำหนักการลงทุนยังไง หุ้น 50/ตราสารหนี้50 ดีป่าว หรือ หุ้น60/ตราสารหนี้40 ???
• ถ้าแบ่ง 50/50 ถามว่าเวลาราคาหุ้นขึ้นกับบอนด์ตก มันเป็นสัดส่วนเท่ากันรึเปล่า? ขอตอบว่าไม่เท่าครับ เพราะหุ้นมันแกว่งมากกว่าดังนั้นถ้าลงทุนน้ำหนัก50/50เท่ากัน เวลาหุ้นตกบอนด์มันขึ้นน้อยกว่า พอร์ตรวมก็ลบอยู่ดี แต่เราต้องการให้พอร์ตเราไม่แกว่ง
• ดังนั้นเทคนิคขั้นสูงที่เอามาใช้แบ่งน้ำหนักการลงทุนคือ ดูตามความเสี่ยง สมมติถ้าหุ้นแกว่งเป็น2เท่าของบอนด์ เราก็ซื้อหุ้น1ส่วน บอนด์2ส่วน>> ทีนี้เวลาหุ้นแกว่งมูลค่าบอนด์มันก็คลุมได้พอดี พอร์ตรวมเราก็จะแกว่งน้อยมาก>>ความเสี่ยงต่ำ
• ผลตอบแทนจะน้อยไหม?? ถ้าพอร์ตรวมเราแกว่งน้อย ความเสี่ยงต่ำ ถ้าอยากเพิ่มผลตอบแทน เราก็ใส่leverageเข้าไปสบายล่ะครับงานนี้ ถ้าเดิมเราผลตอบแทน6% ใส่leverage5เท่า ผลตอบแทนก็ 30%!!!
นี่คือความลับที่เหล่าhedge fundเอามาใช้โกยเงินกันสนุกสนานนั่นเอง^^ แต่ก็ยังมีหลายๆfundที่เจ๊งเพราะไม่บริหารความเสี่ยงให้ดี ซึ่งวันหลังถ้ามีเวลาก็จะมาเล่าต่อครับ
(เรื่อง all weather portfolioขอเป็นครั้งหน้านะครับ- -“)
ป.ล. ถ้าเนื้อหามันเริ่มยากไปบอกกันได้นะครับ เด๋วจะกลับไปเรื่องการเทรดแทนล่ะ-*-