สั่งซื้อหนังสือ “MONEY SCRIPT วิธีคิดที่ทำให้ชีวิตสนิทกับเงิน” (คลิ๊ก)
สรุปหนังสือ MONEY SCRIPT
วิธีคิดที่ทำให้ชีวิตสนิทกับเงิน
คิดว่าอะไรเป็นตัวกำหนดรายได้ วุฒิการศึกษาหรือความฉลาด ความสามารถในการทำงานหรือความสามารถด้านการสื่อสาร บางคนอาจจะตอบว่าเป็นเพราะโชค แม้จะไม่ผิดแต่ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นปัจจัยชี้ขาดในการกำหนดรายได้ ปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดรายได้ที่แท้จริงคือ มันนี่สคริปต์ (Mondy Script) ซึ่งเป็นความเชื่อหรือแนวคิดที่มีต่อเงินเรียกอีกอย่างคือ การเงินในรูปแบบของชุดความคิด
นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยที่บอกว่า 90% ของรายได้จะขึ้นอยู่กับมันนี่สคริปต์ นี่เป็นกุญแจสำคัญว่ามีแนวคิดแบบคนรวยหรือไม่ คนที่มีมันนี่สคริปต์บิดเบี้ยวก็เหมือนเทน้ำลงไปในถังที่มีรูรั่ว แม้จะทำงานหนักแค่ไหนก็เก็บเงินไม่อยู่ และหลุดจากการมีแนวคิดแบบคนทั่วไปไม่ได้ เพื่อสร้างวิธีคิดแบบคนรวย สำหรับทุกคนการจะเข้าถึงวิธีการที่ทำให้มีความเป็นคนรวย ในเชิงวิทยาศาสตร์ด้วยการใช้มันนี่สคริปต์ที่ถูกต้อง แม้คนเราจะมีประวัติแบบเดียวกัน แต่ทำไมถึงมีรายได้และเงินเก็บไม่เท่ากัน
หนังสือเล่มนี้เขียนเพื่อคนที่มีปัญหาดังต่อไปนี้คือ พยายามแล้วแต่ก็เก็บเงินไม่ได้ตามที่คิด อ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนและหนังสือพัฒนาตัวเองมาเยอะ แต่ก็ยังมีรายได้และจำนวนเงินฝากเท่าเดิม กังวลอย่างหนักในเรื่องเงินแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ซึ่งสาเหตุของปัญหาเหล่านั้นเป็นเพราะมีมันนี่สคริปต์ที่บิดเบี้ยว เนื่องจากในโรงเรียนไม่ได้สอนเรื่องการใช้มันนี่สคริปต์ หนังสือพัฒนาตัวเองก็ไม่ได้เขียนไว้ จึงไม่แปลกที่มันนี่สคริปต์จะบิดเบี้ยว
มันนี่สคริปต์ที่ฝังตึงอยู่ในตัวสร้างขึ้นจากสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด โดยเฉพาะจากพ่อแม่ คนที่เลี้ยงดู หรือญาติสนิท จะทรงอิทธิพลมากเป็นพิเศษ คนที่ได้รับสืบทอดมันนี่สคริปต์ต่อไปนี้ จากคนที่เลี้ยงดูที่อาจกำลังทุกข์ใจเรื่องเงิน เช่น แค่มีเงินก็แก้ปัญหาได้ การพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเงินถือว่าเสียมารยาท ตราบใดที่ทำงานหนักเงินก็จะเข้ามาหาเอง การใช้ชีวิตด้วยเงินน้อย ๆ นี่แหละถือว่าเป็นคนมีคุณธรรม เป็นต้น ถ้ามีมันนี่สคริปต์แบบแบบนี้ อาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องการเก็บเงินไม่อยู่ หรือไม่ก็ล้มละลายจากการพนัน
การแก้ไขมันนี่สคริปต์ด้วยความรู้สึกเหมือนเล่นเกม เมื่อได้ยินคำว่ามันนี่สคริปต์อาจรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เข้าถึงยาก แต่ไม่เป็นไร ขอให้ทุกคนมาเป็นคนรวยแบบสนุกไปพร้อม ๆ กัน หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบ มันนี่สคริปต์จะดีขึ้นมาก เชื่อได้เลยว่าจะมีแนวคิดแบบคนรวยอย่างแน่นอน
บทที่ 1
มันนี่สคริปต์ (Money script)
มารู้จักมันนี่สคริปต์ของตัวเอง มันนี่สคริปต์ก็คือแนวคิดหรือความเชื่อที่มีต่อเงิน การเงินที่อยู่ในรูปแบบของชุดความคิด โดยอันดับแรกต้องรู้จักรูปแบบของตัวเองก่อน เพื่อจะได้แก้ไขมันนี่สคริปต์ที่บิดเบี้ยว เมื่อแบ่งมันนี่สคริปต์แบบกว้าง ๆ จะได้ 4 ประเภทต่อไปนี้ คือ
- หลีกเลี่ยงเงิน เงินเป็นสิ่งสกปรก มนุษย์ควรอยู่อย่างสมถะ การเข้าหาเงินเป็นสิ่งไม่ดี
- บูชาเงิน ถ้ามีเงินก็จะมีอิสระ ถ้ามีเงินก็จะมีความสุข
- มองเงินเป็นสถานะ เงินคือสิ่งที่แสดงถึงสถานะ คนมีเงินคือคนเลิศเลอ
- ระแวดระวังเงิน ระมัดระวังเรื่องการใช้เงิน และพยายามเก็บเงินให้ได้มากที่สุด
ไม่ว่าใครก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีแนวคิดใกล้เคียงกับมันนี่สคริปต์เหล่านี้ สิ่งสำคัญคือการดูว่ามีสมดุลที่ดีหรือเปล่า ตัวอย่างเช่น คนที่มีแนวโน้มในการระแวดระวังเรื่องเงินอย่างรุนแรง ก็มักไม่ยอมใช้เงินในเวลาที่ควรต้องใช้ ขณะเดียวกัน คนที่ไม่ค่อยละแวดระวังเรื่องเงิน ก็อาจใช้เงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น เพียงแค่ระลึกว่าถึงจะมีแนวโน้มไปทางใดทางหนึ่งอย่างรุนแรง ก็ใช่ว่าจะไม่ดี และการที่มีแนวโน้มเพียงเล็กน้อย ก็ใช่ว่าจะดีเหมือนกัน
บทที่ 2
8 มันนี่สคริปต์ที่นำพาความมั่งคั่ง
ปูรากฐานของความเป็นคนรวย การมีแนวคิดแบบคนรวยต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- รู้จักมันนี่สคริปต์ของตัวเอง
- รู้จักมันนี่สคริปต์ของคนที่มีแนวคิดแบบคนรวย
- เขียนมันนี่สคริปต์ที่ถูกต้องใหม่ โดยอ้างอิงตามข้อ 1 และข้อ 2
- กำจัดแนวคิดแบบคนทั่วไปที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใต้สำนึก
ต่อให้แค่เลียนแบบพฤติกรรมของคนที่มีแนวคิดแบบคนรวย โดยไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง ก็ยังเห็นผลลัพธ์ที่ดี คนที่มีแนวคิดแบบคนรวยที่จะแนะนำในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงคนที่ประสบความสำเร็จในการเป็นประธานบริษัทจดทะเบียนหรือเป็นดาราโทรทัศน์ เพราะเส้นทางที่พวกเขากลายเป็นเศรษฐีนั้นมีความเฉพาะตัว จึงอาจลอกเลียนแบบยาก
ในที่นี้จะพูดถึงนักธุรกิจใกล้ตัว ที่มีประวัติแบบเดียวกัน ซึ่งเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่ง โดยไม่มีความกังวลเรื่องการเงิน หรือคนที่ลงทุนอย่างมีวินัยและขยันลงทุนเรื่อย ๆ รวมทั้งคนที่ใช้เงินไปกับสิ่งที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง โดยไม่ไขว้เขวไปกับคนหรือสิ่งแวดล้อมรอบข้าง มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำตามพวกเขาได้ ดังนั้น ขอแนะนำมันนี่สคริปต์ ที่จะสร้างความมั่งคั่งให้ได้แน่นอน โดยไม่ต้องพึ่งพาโชคลาภใด ๆ
มันนี่สคริปต์ที่นำพาความมั่งคั่ง
- เงินเก็บเป็นสิ่งสำคัญ
นี่เป็นแนวคิดที่ว่า ต้องเก็บเงินเผื่อไว้ลงทุนอย่างมีวินัย และลงทุนเพิ่มด้วยเรื่อย ๆ บางคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ที่จะเก็บเงินเผื่อไว้หรือลงทุนอย่างมีวินัย แต่ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเก็บเงินไม่อยู่ ทั้งที่รู้ว่านี่เป็นเรื่องควรทำ สาเหตุก็เพราะไม่รู้จักประหยัด หลายคนอาจจะให้ความสำคัญกับการหาเงินมากกว่าการประหยัดเงิน ซึ่งก็มีคนที่ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจไม่น้อย ที่ยืนยันว่าควรนำเงินไปลงทุนกับตัวเองเรื่อย ๆ
แต่ตรงนี้คือหลุมกับดัก เพราะนี่คือข้อยืนยันของคนที่ประสบความสำเร็จแบบใช้โชคลาภเป็นองค์ประกอบ ไม่ใช่วิธีที่นักธุรกิจคนอื่น ๆ จะลอกเลียนแบบได้ น้อยคนมากที่จะรวยได้ด้วยวิธีนี้ ถ้าจะเก็บเงินควรให้ความสำคัญกับการประหยัดมากกว่าการหาเงิน จริง ๆ แล้ววิธีประหยัดเงินไม่มีอะไรซับซ้อนเลย เพราะมันคือการไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย จุดสำคัญนั่นคือ การรู้จักกับดัก 4 อย่างต่อไปนี้ คือ
กับดักที่ 1 เกณฑ์ในการตัดสินคุณค่าอยู่ที่คนอื่น ความเอนเอียงตามคนหมู่มาก (Majority Bias) ซึ่งกับดักอย่างแรกที่กระตุ้นการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายคือ การกำหนดให้ผู้อื่นเป็นเกณฑ์ในการตัดสินคุณค่า ส่งผลให้การใช้จ่ายเพิ่มหรือลด โดยขึ้นอยู่กับคนหรือสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ดังนั้น เวลาจะซื้ออะไรให้หันมาเล็งถึงคุณค่าที่แก่นแท้ โดยไม่ต้องไหลไปตามสิ่งรอบข้าง ทางออกของสถานการนี้คือ การพิจารณาว่าเวลาใช้เงินได้รับคุณภาพจากสิ่งนั้นมากกว่าราคาที่จ่ายหรือไม่ ซึ่งในกรณีนี้คือต้องมองให้ออกว่า ได้รับคุณค่าที่มากกว่าเงินที่จ่ายไป ดังนั้น เวลาจะซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการใด ๆ จงวิเคราะห์ให้ออกด้วยมุมมองที่เป็นกลางว่า มันมีคุณค่าพอจะให้จ่ายเงินจริง ๆ หรือเปล่า เพื่อจะได้ไม่ถูกอิทธิพลของคนรอบข้างหรือสิ่งแวดล้อมครอบงำ
กับดักที่ 2 ติดอยู่ในห่วงโซ่การใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น การใช้จ่ายแบบลดหลั่น (Expenditure Cascades) การวนอยู่กับการใช้จ่ายแบบลดหลั่นหมายถึง ปรากฏการณ์ที่เมื่อกลุ่มคนรวยใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แล้วจะส่งผลกระทบแบบลูกโซ่ไปยังชนชั้นกลาง จนถึงชนชั้นที่มีรายได้ต่ำด้วย กล่าวคือเมื่อคนรวยใช้จ่ายมากขึ้น คนที่ไม่รวยก็จะใช้จ่ายมากขึ้นด้วยโดยไม่รู้ตัว มาตรการแรกที่จะป้องกันไม่ให้วนเวียนอยู่กับความคิดเหล่านั้นคือ ต้องรู้จักเรื่องการใช้จ่ายแบบลดหลั่นก่อน เช่นเดียวกับกรณีเรื่องความเอนเอียงตามคนหมู่มาก ต้องมองเห็นคุณค่าของผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่จะซื้อ จงพิจารณาว่ากำลังวนเวียนอยู่กับการใช้จ่ายแบบลดหลั่นอยู่หรือเปล่า ด้วยการพิจารณาเปรียบเทียบสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้อย่างมีสติ
กับดักที่ 3 การเกิดต้นทุนแอบแฝงที่มองไม่เห็นด้วยตา พฤติกรรมทำตาม (Herding Behavior) ตามหลักจิตวิทยาที่ชื่อว่า พฤติกรรมทำตาม โดยเป็นคำศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม หมายถึง จิตวิทยาหมู่ที่เมื่อทำสิ่งเดียวกับคนรอบข้างแล้วเกิดความรู้สึกสบายใจ แม้จะเป็นการกระทำที่ไม่สมเหตุสมผลก็ตาม ซึ่งการทำอะไรแบบเดียวกันนี้ อาจนำไปสู่ทิศทางที่ผิดพลาด ทุกคนน่าจะเคยมีประสบการณ์ซื้ออะไรบางอย่างตามคนอื่นโดยไม่รู้ตัว นี่แหละคือพฤติกรรมทำตาม เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าทำไมคนเราถึงเก็บเงินไม่อยู่
แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่น่ากลัวกว่าคือการเกิดต้นทุนแอบแฝงที่มองไม่เห็นด้วยตา พฤติกรรมทำตามไม่ใช่แค่เพิ่มค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองให้เท่านั้น ยังส่งผลให้เกิดต้นทุนแอบแฝงด้วย วิธีป้องกันนั้นง่ายมากแค่คำนึงถึงต้นทุนแอบแฝงเวลาจะใช้เงิน
กับดักที่ 4 การใช้จ่ายเพื่อเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ ปรากฏการณ์คนหัวสูง (Snob Effect) ปรากฏการณ์คนหัวสูงหมายถึง จิตวิทยาที่เป็นการหลีกเลี่ยงสิ่งที่คนส่วนมากมี และซื้อสินค้าหรือบริการที่มีอยู่น้อย เพราะต้องการให้คนอื่นรู้สึกว่าแตกต่างจากคนอื่นและเป็นคนพิเศษ จึงเป็นการใช้จ่ายที่มีจุดประสงค์เพื่อแข่งขันด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ เรียกอีกอย่างคือเป็นการจ่ายเงิน เพื่อที่จะได้รับทรัพย์สร้างสถานะ
วิธีป้องกันไม่ให้ลุ่มหลงในปรากฏการณ์คนหัวสูงคือ การตัดสินใจว่าเมื่อคิดอย่างมีเหตุผลแล้วสิ่งนี้จำเป็นหรือเปล่า ถ้าเหตุผลที่อยากซื้อคือ เพราะอยากอยู่สูงกว่าเพื่อนหรือคนรู้จัก ถ้าไม่มีสิ่งนั้นอยู่คนเดียวก็จะรู้สึกต้อยต่ำแปลว่า ใช้จ่ายโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแข่งขันด้านอาวุธยุทโธปกรณ์
แค่รู้จักกับดัก 4 อย่างนี้ รวมทั้งมาตรการรับมือก็จะลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้
- จงมอบสิ่งต่าง ๆ ให้ผู้คนที่กำลังเดือดร้อน
มันนี่สคริปอย่างที่ 2 ที่นำพาความมั่งคั่งมาให้คือ จงมอบสิ่งต่าง ๆ ให้แก่ผู้คนที่กำลังเดือดร้อน ซึ่งหมายถึงการให้ความรู้หรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่อีกฝ่าย การแนะนำคนที่น่าจะสร้างประโยชน์ให้อีกฝ่าย หรือการช่วยเหลือให้อีกฝ่ายในเวลาที่เดือดร้อนมากกว่าการให้เงิน การมอบทรัพย์พยากรณ์ (ข้อมูลข่าวสาร แรงงาน เวลา เส้นสาย เป็นต้น) ที่มีให้แก่ผู้อื่นช่วยให้คนเหล่านั้นมีความสุขนั่นคือ แก่นแท้ของมันนี่สคริปต์ที่ว่า การให้สิ่งต่าง ๆ แก่ผู้คนที่กำลังเดือดร้อน
ขอบเขตความเสี่ยงที่เกิดจากการให้ อย่างไรก็ตาม การให้ก็มีความเสี่ยงเพราะการให้หมายถึงการแบ่งปันบางสิ่งบางอย่างจากตัวเอง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล นอกเหนือจากการแบ่งปันแล้วแทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะหาเงินด้วยการให้บางสิ่งแก่คนอื่น โดยไม่ต้องเสียสละเวลาหรือเงินของตัวเอง สิ่งที่ต้องระวังคือแม้การให้จะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการให้ที่ส่งผลลบต่อตัวเอง ด้วยจิตวิญญาณแห่งการแบ่งปัน มีความเกี่ยวเนื่องกับระดับของภาระหนี้สิน คนที่มีจิตวิญญาณแห่งผู้ให้อย่างหนักหน่วง ก็มักมีภาระหนี้สินเพิ่มอย่างง่ายดาย โดยสามารถจำแนกผู้คนออกเป็น 3 ประเภทได้ดังนี้
- Giver (ผู้ให้)
- Matcher (ผู้ให้และรับเท่า ๆ กัน)
- Taker (ผู้ที่เอาเปรียบ)
Giver คือ กลุ่มคนที่แบ่งปันอะไรบางอย่างให้ใครสักคน โดย Giver ยังมีอีก 2 ประเภทคือ
- Giver ที่ประสบความสำเร็จเรียกว่า Top Giver ผู้ให้ระดับบนสุด
- Giver ที่ล้มเหลวเรียกว่า Bottom Giver ผู้ให้ระดับล่างสุด
ซึ่งความแตกต่างของ Top Giver และ Bottom Giver อยู่ที่ว่าจะเสียสละตัวเองแต่เพียงผู้เดียวหรือเปล่า Top Giver นั้นมักให้ทั้งอีกฝ่ายและตัวเอง แต่ Bottom Giver มักให้ประโยชน์แก่คนอื่นเพียงฝ่ายเดียว
- เงินเป็นเครื่องมือในการซื้ออิสรภาพ
เงินเป็นเครื่องมือในการซื้ออิสรภาพ โดยคำว่าอิสระที่ซื้อได้ด้วยเงินนั้นหมายถึง จำนวนของทางเลือก เมื่อไม่มีทางเลือกก็จะถูกบีบให้เจอสถานการณ์ที่ไม่มีอิสระ หรือสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก นอกจากจะทำอะไรสุดโต่งไปเลย คนที่มีแนวโน้มบูชาเงินอย่างรุนแรง และคนที่มีแนวโน้มมองเงินเป็นสถานะอย่างรุนแรง มักมีวิธีคิดดังต่อไปนี้
- ยิ่งมีเงินมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น มีแนวโน้มบูชาเงินอย่างมาก
- ถ้ามีเงินก็จะได้รับการนับหน้าถือตาจากผู้อื่น มีแนวโน้มมองเงินเป็นสถานะอย่างมาก
มันนี่สคริปต์เหล่านี้ก่อให้เกิดพฤติกรรมที่ทำให้ยากจนได้ในพริบตา เช่น ทำงานแบบสังเวยสุขภาพเพื่อหาเงินหรือจะใช้จ่ายซื้อของฟุ่มเฟือยเพื่อสร้างภาพลักษณ์ คนที่สามารถพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ในระยะยาว หากรู้จักความเสี่ยงของการทำงานแบบสังเวยสุขภาพ และมองถึงการได้ทรัพย์สร้างสถานะมาแล้วก็ไม่มีความหมายใด ๆ พวกเขาจึงทำงานแบบรู้จักพักผ่อนไปด้วย เพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงาน และไม่ซื้อของราคาแพงเพื่อความต้องการเป็นที่ยอมรับ ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราว
- จงทำงานอย่างสนุกสนาน
จงทำงานอย่างสนุกสนาน ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย ๆ ว่ายิ่งทำงานหนักเท่าไหร่ทรัพย์สินสุทธิก็จะเพิ่มขึ้นได้ง่าย และรายได้ต่อปีก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ตามผลการวิจัยหนึ่งระบุว่า คนรวยและคนที่ไม่รวยมีความแตกต่างกัน ดังนี้
- คนรวยมีแนวโน้มที่จะติดต่อได้ตลอดเวลามากกว่าคนทั่วไป 5 เท่า
- คนรวยมีแนวโน้มที่จะทำงานในกะกลางคืน หรือทำงานล่วงเวลามากกว่าคนทั่วไป 4 เท่า
- คนรวยมีแนวโน้มที่จะอยู่ในที่ทำงานในวันหยุดมากกว่าคนทั่วไป 3 เท่า
เมื่อเทียบกับคนที่ไม่รวยแล้ว ถือว่าคนรวยสนใจการทำงานอยู่เสมอ หากไม่สามารถทำงานอย่างอิสระ และมีความรู้สึกที่ถูกบังคับอยู่เสมอ ควรเตรียมตัวเปลี่ยนงานในทันที แต่ถ้าเป็นผู้บริหารของบริษัท ขอแนะนำให้สร้างระบบที่มอบสิทธิ์ในการตัดสินใจให้แก่พนักงาน แล้วให้พวกเขาทำงานอย่างมีอิสระ หากให้พวกเขานั่งทำงานกันเอง ก็อาจจะสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้
- คู่ควรที่จะมีเงิน
การคู่ควรที่จะมีเงินพูดอีกแบบคือ เป็นการคิดอย่างจริงจังว่าเป็นคนรวยได้ หากคิดว่าคนอย่างฉันไม่มีค่าพอที่จะได้เงิน ก็จะเลือกตัวเลือกที่ตัวเองเสียผลประโยชน์เสมอ ในแต่ละวันคนเราต้องตัดสินใจเลือกมากสุดถึง 35,000 ครั้ง แล้วไม่คิดหรือว่ามันจะน่าเศร้ามากแค่ไหน ถ้าเลือกให้ตัวเองเสียผลประโยชน์ถึง 35,000 ครั้งต่อวัน เพียงการสร้างนิสัยการคิดแง่บวกแบบง่าย ๆ สิ่งต่าง ๆ ก็จะเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
วิธีหลีกเลี่ยงภาระหนี้ เรื่องเดียวที่ต้องระวังคือ หากมันนี่สคริปต์ที่ว่า ฉันคู่ควรที่จะมีเงินมีความเข้มข้นเกินไป ก็จะมีแนวโน้มเป็นหนี้ได้ง่าย วิธีป้องกันสำหรับกรณีนี้คือ การเพิ่มองค์ประกอบลงไปด้วยว่า ฉันจะบรรลุเป้าหมายด้วยความสามารถของตัวเอง
- ควบคุมชีวิตตัวเองได้
ถ้าอธิบายเรื่องนี้ด้วยความเชื่อในอำนาจควบคุม (Locus of Control) ความเชื่อในอำนาจควบคุมคือ แนวคิดที่มองว่ามูลเหตุในการกระทำของตัวเองมาจากไหน ซึ่งคนที่มีมันนี่สคริปต์ว่าควบคุมชีวิตตัวเองได้ จะมองว่าอำนาจควบคุมอยู่ที่ภายในตัวเอง ซึ่งเท่ากับเป็นคนที่มีความคิดแบบตำหนิตัวเอง ส่วนคนที่ไม่มีมันนี่สคริปต์ว่า ฉันควบคุมชีวิตตัวเองได้ จะมองว่าอำนาจควบคุมอยู่ที่ภายนอกอยู่ที่คนอื่นหรือสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเท่ากับคนที่มีความคิดแบบตำหนิผู้อื่น จึงมักไม่ค่อยเชื่อว่าตัวเองเป็นผู้แผ้วถางชีวิตตัวเอง
คนที่มีความคิดแบบตำหนิผู้อื่น มักมองหาสาเหตุจากภายนอกเมื่อสิ่งต่าง ๆ เกิดความผิดพลาด หรือทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จ คนที่มีความคิดแบบตำหนิผู้อื่น จะไม่คำนึงถึงสาเหตุที่แท้จริงว่า ทำไมตัวเองเก็บเงินไม่ได้ จึงนึกวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมไม่ออก ทำให้เก็บเงินไม่ได้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ก็ตาม เวลาล้มเหลวถ้ามีแนวคิดว่า ฉันกำลังควบคุมชีวิตตัวเอง จะนำไปสู่การเติบโตทางความคิดว่า อาจมีสาเหตุมาจากตัวเอง
- เมื่อเดือดร้อนก็ต้องพึ่งคนอื่น
โดยปกติจะถูกสอนว่า อย่าสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น แม้ความคิดเหล่านี้จะฝังอยู่ในหัวก็ใช่ว่าจะทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง การคิดเช่นนี้จึงอาจไม่ทำให้สิ่งต่าง ๆ ดำเนินอย่างราบรื่น และประสบความสำเร็จได้ยาก คนที่รู้จักพึ่งพาคนอื่น ก็จะมีคนอื่นมาขอพึ่งพาเหมือนกัน นี่จึงถือเป็นการจัดแจงสภาพแวดล้อม ที่ทำให้เผชิญกับความล้มเหลว แล้วสามารถลุกขึ้นมาใหม่ได้
- การเชื่อมโยงสู่ผลกำไรคือสิ่งสำคัญ
โดยพื้นฐานแล้วความสัมพันธ์ไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน แต่บางครั้งความเป็นคนรวยก็ซื้อสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความสัมพันธ์เหล่านี้ ซึ่งมีความแตกต่างจากการซื้อของ เพื่อจะได้ทรัพย์สร้างสถานะแบบคนที่มีแนวโน้มในการมองเงินเป็นสถานะโดยสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น การซื้อรถหรูเพราะต้องการเข้าชมรมเดียวกับคนที่เป็นเจ้าของรถนี้ อาจทำให้ได้รู้จักคนระดับไฮคลาส และน่าจะเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจได้ หากคิดเช่นนี้ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นการซื้อเส้นสาย หรือซื้อข้อมูลข่าวสารที่อยู่ปลายทาง ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณาคือ จะได้อะไรจากการซื้อ แน่นอนว่าคนที่มีแนวคิดแบบคนรวย จะมีมันนี่สคริปต์เรื่องการเชื่อมโยงสู่ผลกำไรคือสิ่งสำคัญ เวลาที่จะซื้ออะไรหรือจะไปพบใคร ก็ให้มีความคิดแบบนี้อยู่เสมอ
บทที่ 3
เขียนมันนี่สคริปต์ใหม่
จากแนวคิดแบบคนทั่วไปสู่คนรวย
คนที่ล้มละลายง่ายมักมีมันนี่สคริปต์ว่า การลงทุนเป็นเรื่องที่มืออาชีพเขาทำกัน แน่นอนว่าควรกำจัดมันนี่สคริปต์นี้ออกไป แล้วมาเขียนมันนี่สคริปต์ใหม่แบบคนรวยว่า การลงทุนเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้และตัดสินใจด้วยตัวเอง คนทุกประเภทมักมีความคิดเช่นนั้น
มันนี่สคริปต์ยอดแย่
- มันนี่สคริปต์แบบอุทิศตน
เมื่อได้ยินคำว่าอุทิศตน บางคนอาจมองในแง่บวกว่าหมายถึง การเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แต่ความคิดนั้นที่นำไปสู่มันนี่สคริปต์ที่ล้มละลาย ตัวอย่างเช่น คนที่ให้ใครยืมเงินอย่างเอื้อเฟื้อ หรือคนที่ช่วยเหลือคนรู้จักเวลาที่เขาเดือดร้อน ก็อาจมองได้ว่าเป็นคนดี แต่ในโลกนี้ก็มีพวก Taker ที่คิดว่าการรับน้ำใจจากคนอื่นถือเป็นเรื่องปกติ ฉะนั้น ต้องคว้ามาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คนที่มีมันนี่สคริปต์แบบอุทิศตนจึงมักถูกพวก Taker ฉกฉวยเงินหรือข้อมูลต่าง ๆ อย่างง่ายดาย
ใช่ว่าการให้อะไรบางอย่างแก่ผู้อื่น จะมีแต่การให้เงินเพียงอย่างเดียว จริง ๆ แล้วช่วยเหลือในเรื่องอื่น ๆ นอกเหนือจากเรื่องเงินได้อีกมาก คนที่มีแนวโน้มบูชาเงินและคนที่มองเงินเป็นสถานะอย่างรุนแรง จึงควรระวังเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะหากมีแนวโน้มบูชาเงินอย่างรุนแรงก็มักคิดว่า ทุกอย่างแก้ไขได้ถ้ามีเงิน หรือหากมีแนวโน้มในการมองเงินเป็นสถานะอย่างรุนแรง ก็มักใช้เงินมากขึ้นเพื่อทำให้ตัวเองดูดี คนที่มีแนวโน้มมองเงินเป็นสถานะและมักบริจาคหรือสนับสนุนคนอื่น เพื่อภาพลักษณ์หรือชื่อเสียง รวมทั้งคนที่มีแนวโน้มละแวดระวังเงินต่ำและมักปล่อยใจไปกับการใช้เงินต้องระวังดี ๆ
คนที่ชอบให้ความร่วมมือมักมีเงินเก็บน้อย มีความเป็นไปได้สูงว่าคนที่ชอบให้ความร่วมมือมาจากห่วงบรรยากาศมากเกินไป และถูกผลักสู่การล้มละลาย เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือแล้ว คนที่ชอบให้ความร่วมมือมีความเป็นไปได้ที่จะล้มละลายมากกว่าถึง 1.5 เท่า หรือต่อให้ไม่ถึงขั้นล้มละลายคนที่ชอบให้ความร่วมมือตอนเป็นนักศึกษา ก็มีแนวโน้มสูงที่จะมีปัญหาทางการเงินเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เช่น มีเงินเก็บน้อยมากหรือต้องทุกข์กับการจ่ายบัตรเครดิต คนที่เป็นแบบนี้ควรสร้างกฎว่า อย่าให้ใครยืมเงินเพราะห่วงบรรยากาศมากเกินไป คนที่มีแนวโน้มมองเงินเป็นสถานะ และมักควักเงินจ่ายเพื่อทำให้ตัวเองดูดีควรระวังตัวเป็นพิเศษ ส่วนคนที่มีแนวโน้มถ้าว่าระวังเงินต่ำ และแทบไม่กลัวการใช้เงินก็ควรระวังเช่นเดียวกัน
- มันนี่สคริปต์แบบคนตระหนี่
เมื่อมีมันนี่สคริปต์แบบนี้ก็ไม่คิดที่จะสร้างคุณค่าและหาเงินด้วยตัวเอง เขาคิดแค่ว่าจะฉกฉวยเงินจากญาติหรือคนรู้จักอย่างไร หรือจะยืมเงินอย่างไรให้ได้เงื่อนไขดี ๆ ดังนั้น ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ยังเก็บเงินไม่ได้ ใครที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ยังให้พ่อแม่ช่วยเหลือด้านการเงินอยู่ตลอด คนแบบนี้มีมันนี่สคริปต์แบบคนตระหนี่อย่างแท้จริง ถ้าเกิดวันหนึ่งคนรอบตัวที่เขาพึ่งพาไม่อยู่แล้ว เขาก็อาจจะล้มละลายได้ คนที่คิดว่าตัวเองมีคนที่พึ่งพาด้านการเงินได้อยู่ใกล้ตัวคือ คนที่มีมันนี่สคริปต์แบบคนตระหนี่
อันตรายสำหรับคนที่ดึงดูดคนที่คิดว่า ฉันไม่มีมันนี่สคริปต์แบบคนตระหนี่ ก็มีความเป็นไปได้สูง ที่จะเจอคนประเภทเดียวกัน มักพบแต่คนแย่ ๆ แบบเดิม ๆ ทุกครั้ง แม้จะเปลี่ยนคนแล้วก็ตาม คนที่กลัวความเหงาขั้นสุด ก็มีแนวโน้มที่จะถูกคนอื่นเกาะกินได้ง่าย เพราะพยายามจะช่วยเหลือเรื่องเงินแก่พวกเขา
จงระวังหลงทาง กฎของพาร์กินสัน ระหว่างที่กำหนดว่าจะออมเงิน ต้องไม่ตกหลุมพรางของกฎของพาร์กินสัน กฎของพาร์กินสันในแง่การเงินก็คือ ปรากฏการณ์ที่พอมีรายได้มากขึ้น แล้วนำเงินส่วนที่ได้นี้ไปใช้จนเก็บเงินไม่อยู่ ดังนั้น อย่าคิดว่าพอมีรายได้มากขึ้น ก็ใช้เงินได้มากขึ้นตาม แต่ให้คิดว่าจะนำเงินส่วนได้เพิ่มนี้ไปออม (ลงทุน) เพื่อเพิ่มเงินต่อไป แบบนี้จึงจะมั่นคง
- มันนี่สคริปต์แบบใช้เงินโดยไม่วางแผน
คนประเภทนี้จะใช้เงินไปตามสถานการณ์ทันทีแบบไม่วางแผน จึงมีความเสี่ยงที่จะล้มละลาย โดยคนที่มีความคิดดังต่อไปนี้
- คุณค่าของคนขึ้นอยู่กับรายได้
- ไว้ถึงคราวฉุกเฉินค่อยกู้ยืมเงินก็ได้
- ต้องมีเงินไว้ทำอาชีพเสริมหรือทำงานอิสระ
เมื่อมองเผิน ๆ อาจมีแนวคิดที่เหมือนจะไม่เกี่ยวกับการใช้เงินแบบไม่วางแผน แต่นี่เป็นวงจรที่จะนำไปสู่การใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย และคนที่คิดว่าไม่ได้ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายต้องตั้งใจเลย มันนี่สคริปต์การใช้จ่ายแบบไม่วางแผนนี้ เกิดขึ้นง่ายกับคนที่มีแนวโน้มมองเงินเป็นสถานะอย่างรุนแรง เพราะรากฐานของความเป็นคนรวยคือ การประหยัด การมีมันนี่สคริปต์แบบใช้เงินโดยไม่วางแผนจึงอันตราย เนื่องจากไม่ได้สร้างแม้แต่รากฐานไว้เลย ดังนั้นมารีบปรับปรุงแก้ไขกันดีกว่า
ความคิดว่าคุณค่าของคนขึ้นอยู่กับรายได้หรือทรัพย์สินที่ถือครอง จัดว่าเป็นมันนี่สคริปต์ที่บิดเบี้ยว แล้วคิดหรือเปล่าว่าคนที่มีรายได้สูงคือคนที่ยอดเยี่ยม หรือคนที่ได้อยู่บ้านดี ๆ คือคนที่น่าชื่นชม คนที่มีมันนี่สคริปต์แบบนี้อาจติดอยู่ในวังวนของการใช้จ่ายแบบลดหลั่น ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ได้ซื้อสิ่งต่าง ๆ เพราะสัมผัสได้ถึงคุณค่าของมัน แต่ซื้อเพื่อจะอวดแข่งขันกับคนรอบข้าง เนื่องจากไม่มีการจำกัดเพดานค่าใช้จ่าย จึงนำไปสู่หายนะทางการเงิน
เมื่อได้ยินคำว่าหนี้สิน อาจนึกถึงการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน แต่การผ่อนชำระบัตรเครดิตหรือเงินกู้หมุนเวียน ก็ถือว่าเป็นหนี้สินด้วย รวมทั้งการคิดว่าตอนนี้ยังไม่มีเงิน แต่ถ้าเงินเดือนของเดือนหน้าเข้ามาก็จะจ่ายได้แล้ว การเหมาจ่ายเป็นก้อนด้วยบัตรเครดิต ก็ถือว่าไม่ต่างกัน เพราะนี่เหมือนกับการยืมเงินตัวเองในอนาคต ความรู้สึกขาดแคลนเงินหรือความรู้สึกที่ถูกภาระหนี้สินกดดันทุกเดือน สร้างความเสียหายต่อสมองมนุษย์ ด้วยการมีหนี้สินจึงทำให้ฉลาดน้อยลง
การหาเงินจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้น หรือการลงทุนในอุปกรณ์ ซึ่งต้องเตรียมเงินจำนวนมาก ถ้าคิดแบบนี้ถือว่ากำลังใช้เงินแบบไม่วางแผน แต่พื้นฐานของการทำธุรกิจคือ การเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ไปสู่การเติบโตที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งสำหรับธุรกิจบางประเภทอาจจำเป็นต้องเช่าสำนักงานในทำเลดี หรือลงทุนกับอุปกรณ์ แต่ถึงอย่างนั้นประเด็นว่าการพยายามลดค่าใช้จ่ายเริ่มต้นให้มากที่สุด ก็ถือเป็นกฎแห่งความสำเร็จที่ใช้ร่วมกันในทุก ๆ ธุรกิจ ธุรกิจ 3 ลักษณะที่ไม่ควรทำมีดังนี้
- ธุรกิจที่ต้องมีสต๊อกสินค้า ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นตามยอดขาย นอกจากนี้ยังต้องการค่าใช้จ่ายในการจัดการสต๊อก เช่น ค่าจ้างพนักงานและค่าเช่าคลังสินค้า หากธุรกิจล้มเหลวความเสียหายก็จะยิ่งใหญ่ตามไปด้วย
- ธุรกิจที่ต้องใช้ต้นทุนที่จำนวนมาก ถ้าคนเรามีความเครียดเรื่องเงินต้นทุนคงที่แล้ว จะทำให้ IQ ต่ำลงมาก ส่งผลให้มีความเป็นไปได้สูง ที่จะตัดสินใจผิดพลาดหรือทำล้มเหลว
- ธุรกิจที่ไม่สามารถดำเนินการทดสอบขนาดเล็กได้ กำแพงอุปสรรคที่ไม่สามารถดำเนินการทดสอบขนาดเล็กได้นั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากการทำธุรกิจที่มีกำแพงอุปสรรคใหญ่ ๆ นั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้กลายเป็นศัตรูกับบริษัทใหญ่ ๆ
ธุรกิจ 3 ลักษณะนี้เป็นธุรกิจที่บริษัทใหญ่ ๆ ที่มีเงินทุนเหลือเฟือควรเป็นคนทำ ไม่ใช่สำหรับคนตัวเล็ก ๆ ซึ่งในกรณีที่คนตัวเล็ก ๆ จะเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ หรือธุรกิจเสริมการเริ่มต้นจากอะไรเล็ก ๆ โดยใช้เงินให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้คือเรื่องพื้นฐาน
- มันนี่สคริปต์แบบเผาผลาญเงินที่ได้มาง่าย ๆ
เงินที่ได้มาแบบง่าย ๆ คือเงินที่รู้สึกว่าได้มาแบบไม่ได้ลงทุนลงแรงใด ๆ อย่างเช่น เงินที่ได้จากการถูกลอตเตอรี่ หรือเงินโบนัสที่ไม่คาดคิด คนที่มีแนวคิดดังต่อไปนี้ ถือว่ามีมันนี่สคริปต์เผาผลาญเงินที่ได้มาแบบง่าย ๆ เช่น ไม่มีคุณสมบัติที่จะถือเงิน เงินที่ไม่ได้จากการลงแรงถือว่าไม่ใช่เงินของตนเอง และถ้ามีเงินเยอะกว่าคนรอบข้างแล้วจะโดนเกลียด
คำว่าเงินที่ได้มาแบบง่าย ๆ อาจฟังดูไม่ดี แต่ถึงอย่างไรเงินก็คือเงิน ดังนั้น การคิดว่าเงินโบนัสเข้ามาแล้วเอาไปผลาญที่งานดื่มสังสรรค์ให้หมดดีกว่า จึงเป็นลักษณะทั่วไปของคนที่เก็บเงินไม่อยู่ คนที่มักติดอยู่กับคนห่วย ๆ ก็มีมันนี่สคริปต์แบบนี้ ตัวอย่างเช่น คนที่คบกับคนรักที่ไม่ทำงาน เลยมักมีแต่ตัวเองต้องทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ ต่อให้จะเจอคนที่ใคร ๆ ก็อิจฉา ที่ทั้งใจดีและหาเงินเองได้มาปรากฏอยู่ตรงหน้า แต่คนประเภทนี้ก็จะยอมแพ้ตั้งแต่แรกว่า เขาไม่มีทางหันมามอง และปล่อยความสุขทิ้งไปด้วยมือของตัวเอง
คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้ ลักษณะนิสัยของคนเราเปลี่ยนแปลงได้อย่างง่ายดาย และในเวลาเดียวกันคนที่เชื่อว่า บุคลิกภาพของตนเองและผู้อื่นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ จะมีความรู้สึกยอมรับตนเองสูง มีความเครียดต่ำ และรู้สึกกังวลน้อยลง เมื่อรู้แล้วว่าคนเราเปลี่ยนแปลงกันได้ ก็น่าจะทิ้งมันนี่สคริปต์คนทั่วไปที่ไม่ยอมรับตัวเองว่า ฉันไม่มีคุณสมบัติที่จะครอบครองเงินได้แล้ว
การคิดว่าเงินที่ได้นอกเหนือจากการที่ตัวเองลงแรงนั้น ไม่ใช่เงินของฉันถือว่าเป็นคนมันนี่สคริปต์เผาผลาญเงินที่ได้มาแบบง่าย ๆ แต่ไม่ว่าเงินนั้นจะได้มาจากการลงทุน จากมรดก หรือจากลงแรง นั่นก็ยังเป็นเงินอยู่วันยังค่ำ ไม่เกี่ยวว่าจะได้มาอย่างไร ดังนั้น มาปฏิบัติกับเงินเหล่านี้ให้เหมือนกับเงินที่ได้มาจากการตั้งใจทำงานกัน
จากแนวคิดว่า ถ้าเริ่มรวยกว่าคนรอบข้างแล้ว ความสัมพันธ์จะพังลง คนที่กังวลกับสายตาคนรอบข้างเสมอ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีมันนี่สคริปต์แบบนี้
มาปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์กันใหม่ดีกว่า ร่างกายมนุษย์มีหน้าที่สร้างเซลล์ใหม่ และกำจัดเซลล์เก่าซึ่งเรียกว่าการเผาผลาญ ในทำนองเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ก็จำเป็นต้องมีการเผาผลาญ เพื่อผลัดเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง มีความแปรผัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาความสัมพันธ์ให้คงอยู่แบบเดิมไปตลอด เฉพาะคนที่มีทั้งความสามารถในการตัด และความสามารถในการสร้างเท่านั้น ที่จะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อใจได้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงระดับชีวิต คนที่คบหาก็จะเปลี่ยนตามไปด้วย เหมือนกับเวลาที่โตเป็นผู้ใหญ่ แล้วเลิกกินอาหารกลางวันสำหรับเด็ก จึงไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวการเปลี่ยนแปลงเลย
- มันนี่สคริปต์แบบคนถูกหลอก
แนวคิดที่ทำให้ถูกหลอกได้ง่ายด้วยเรื่องต่าง ๆ เช่น เรื่องการลงทุนหรือการพนันที่มีพิรุธ หลายคนอาจจะคิดว่าการลงทุนเป็นเรื่องสำหรับพวกคนที่เข้าใจการเงินเท่านั้น คนธรรมดาไม่ควรเอื้อมมือไปหา คนที่มีมันนี่สคริปต์แบบนี้จะยิ่งถูกพวกมิจฉาชีพ ประเภทที่อ้างว่าตัวเองเป็นนักลงทุนมืออาชีพหลอกได้ง่าย คนที่คิดว่าการลงทุนเป็นเรื่องที่มืออาชีพเขาทำกัน มักจะไม่ศึกษาด้วยตัวเอง ดังนั้น เมื่อมีนักลงทุนปลอมที่อ้างว่าตัวเองเป็นมืออาชีพปรากฏตัวขึ้น จึงมักเชื่อว่าต้องฟังคำแนะนำเรื่องการลงทุนจากมืออาชีพ ทำให้ตกหลุมพรางกลโกงดังกล่าว
ทั้งนี้การลงทุนเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ทำได้ แต่คนเรามักเชื่อว่าสิ่งที่ไม่รู้จัก หรือสิ่งที่รู้สึกว่ายากเป็นเรื่องน่ากลัว ใครที่ยังไม่กล้าเริ่มก้าวแรก จึงควรลองทำสิ่งเล็ก ๆ ก่อน เช่น การเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ และลองซื้อหุ้นหรือกองทุนจำนวนไม่มาก ซึ่งในระหว่างกระบวนการนั้น ควรตรวจสอบทีละนิดว่าเขาซื้อหุ้นกันอย่างไร ควรซื้อหุ้นตัวไหน หรือกองทรัสต์คืออะไร
ดูผลกำไรจากการลงทุนแค่ปีละครั้งก็พอแล้ว เมื่อเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์และเริ่มลงทุนทีละน้อย ควรดูผลกำไรจากการลงทุนแบบรายปีมากกว่าแบบรายเดือน เพราะเมื่อคนเราดูสิ่งต่าง ๆ แบบหน่วยเล็ก ๆ จะสนใจแค่จุดที่ตัวเองเสีย ทำให้เกิดความผิดพลาดในการตัดสินใจ ดังนั้น เมื่อหันมาดูจากหน่วยใหญ่ ๆ เท่าที่ทำได้ก็จะพิจารณาการลงทุนในระยะยาวได้
- มันนี่สคริปต์แบบหนีห่างจากความมั่งคั่ง
มันนี่สคริปแบบนี้แสดงถึงความเกลียดชังในการหาเงิน และการเลี่ยงหลีกเลี่ยงเงิน แล้วจะพลาดโอกาสต่าง ๆ คนที่มีแนวคิดดังต่อไปนี้คือ จะได้เงินในภายหลัง การใช้ชีวิตด้วยเงินน้อย ๆ เป็นเรื่องถูกต้อง และควรทำงานแบบอาบเหงื่อต่างน้ำ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนคนที่มีแนวคิดแบบนี้แปลว่าอันตรายแล้ว โดยเฉพาะคนที่มีแนวโน้มหลีกเลี่ยงเงิน และระแวดระวังเงินยิ่งควรต้องระวัง เพราะอาจมีมันนี่สคริปต์นี้ได้ง่าย
มักพบได้ง่ายในหมู่ช่างฝีมือ หรือคนที่เป็นศิลปิน เนื่องจากหลาย ๆ คนมีความภูมิใจในสิ่งที่ตนทำอยู่ และมีความจริงจังกับคุณภาพงาน จึงยกให้เงินเป็นเรื่องรอง แต่เงื่อนไขที่ว่า ถ้าตอนนี้ทำงานที่มีคุณค่าแล้ว ก็ควรจะได้รับเงินที่คุ้มค่ากับคุณค่านั้น ๆ ในตอนนี้เลยถือเป็นเรื่องปกติ
การประหยัดสำคัญต่อการเก็บเงินก็จริง แต่ถ้าตระหนี่มากเกินไป และเชื่อมั่นว่าการใช้ชีวิตด้วยเงินน้อย ๆ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ก็จะกลายเป็นคนที่บีบความเป็นไปได้หลาย ๆ อย่างให้แคบลงด้วยมือของตัวเอง
คนที่ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ คนที่มีมันนี่สคริปต์แบบนี้ ไม่ว่าจะทำงานมากเท่าไหร่ก็เก็บเงินไม่ได้ เพราะสิ่งสำคัญไม่ใช่การทำงานแบบทุ่มสุดตัวตลอดเวลา แต่เป็นการนำเสนอสิ่งที่มีคุณค่าต่างหาก คนที่รู้สึกว่าเวลาทำงานเพิ่มขึ้น อาจมีวิธีจัดลำดับความสำคัญของงานแบบผิด ๆ จึงทำให้เวลาทำงานลากยาวโดยไม่จำเป็น ในช่วงเช้าจะใช้ความสามารถในการจดจ่อได้สูงที่สุด จึงควรทำงาน 20% ที่สำคัญ ถ้ามีเวลาเหลือค่อยเริ่มทำงาน 80% ที่เหลือ ขอให้จัดลำดับความสำคัญของงานที่ทำ ซึ่งถ้าทำงานเสร็จเร็ว ก็มาสนุกกับการใช้เวลาส่วนตัวดีกว่า
- มันนี่สคริปต์แบบต่อต้านความมั่งคั่ง
มันนี่สคริปต์แบบต่อต้านความมั่งคั่งคือ สภาวะเลวร้ายขั้นกว่าของมันนี่สคริปต์แบบหลีกหนีความมั่งคั่ง เพราะคนกลุ่มนี้จะโจมตีผู้อื่น พวกเขาจะโจมตีคนที่สร้างรายได้ คนรวยจำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมคนรวยในการหาเงิน เพราะพวกเขารู้วิธีหาเงิน และได้ฟังเรื่องที่เป็นประโยชน์มาก่อน แต่ถ้าต่อต้านความมั่งคั่งจะมองว่า พวกเขาเป็นศัตรู ทำให้ไม่ได้รับสิ่งดี ๆ เหล่านั้น
แนวคิดว่าคนรวยชอบเอาเปรียบคนอื่น จึงเรียกว่าเป็นคนไม่ดีนั้นบิดเบี้ยว ถ้ามีความคิดแบบนี้จะมองคนมีเงินเป็นคนร้าย แต่เมื่อดูพฤติกรรมของคนรวย ยิ่งคนมีเงินมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เขาจะให้เงินคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน เช่น การเป็นอาสาสมัครหรือการทำงานการกุศล
แนวความคิดว่าคนรวยมักมีแต่ความโลภเป็นเพียงอคติ จริงอยู่ที่ในบรรดาคนรวยอาจมีบางคนที่ทุ่มเททำงาน และประสบความสำเร็จในธุรกิจเพราะมีความกระหาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีแนวโน้มว่าคนไม่มีเงินต่างหาก ที่ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ เหตุผลคือเมื่อไม่มีเงินเพราะไม่สามารถตัดสินอะไรได้อย่างถูกต้อง ทำให้หลงไปกับสิ่งยั่วยุตรงหน้าได้ง่าย การไม่มีเงินจึงอาจนำไปสู่การกระทำผิด ๆ ได้
ต่อแนวคิดที่ว่าคนรวยมักนิสัยไม่ดี ก็เป็นแนวคิดบิดเบี้ยวเช่นกัน สิ่งที่น่ากลัวเกี่ยวกับมันนี่สคริปต์นี้คือ การเชื่อมั่นอย่างย้อนแย้งว่า คนที่นิสัยมีปัญหาเท่ากับคนรวย แต่ตัวเองกลับถูกหลอกด้วยคนที่ดูเหมือนไม่มีเงิน แต่ก้าวร้าวและเอาแต่ใจ
มีละครหรือภาพยนตร์หลายเรื่องที่กำหนดให้คนรวยต้องโดดเดี่ยว และในความเป็นจริงก็มีคนไม่น้อยที่คิดว่า ถ้ามีเงินแล้วคนรอบข้างจะถอยห่างจนต้องโดดเดี่ยว แนวคิดนี้ไม่ถูกต้อง ถ้าสถานะเปลี่ยนไปคนที่คบหาก็อาจจะเปลี่ยนตามไปด้วย ดังนั้น ถ้ามีมันนี่สคริปต์ว่า คนรวยมักจะต้องโดดเดี่ยว ก็อาจตกอยู่ในสถานการณ์ต่อไปนี้
รายได้ต่อปีกำลังจะเพิ่มขึ้น แต่รู้สึกว่าเพื่อนร่วมงานจะไม่ชอบใจจึงไม่เปลี่ยนงาน หรือน่าจะทำเงินจากการลงทุนได้ แต่ถ้ามีเงินแล้วดูเหมือนจะถูกตัดขาดจากรอบข้างก็เลยไม่ลงทุน ถ้าเป็นแบบนี้เงินก็จะหนีห่างจากไป
ถึงแม้มันนี่สคริปต์ว่าคนรวยมักจะต้องโดดเดี่ยวจะไม่ถูกต้อง มีความเป็นไปได้สูงที่คนรวยจะกล้าปฏิเสธคำชวนของเพื่อน หรือทำอะไรคนเดียว เพราะพวกเขารู้ว่าเวลาที่ใช้อยู่คนเดียวนั้น มีความสำคัญกับตัวเองมากแค่ไหน เรียกได้ว่าการเลือกใช้เวลาอยู่คนเดียวเพื่อตัวเองนั้น เป็นแรงจูงใจจากตัวเอง
- มันนี่สคริปต์แบบนักพนัน
สมาคมจิตวิทยาอเมริกันแนะนำกิจกรรมทำง่าย ๆ สำหรับผู้มีปัญหาความเครียดเรื้อรังเป็นประจำ โดยกล่าวว่าสิ่งที่ส่งผลกระทบเลวร้ายใหญ่หลวง ยิ่งกว่าแอลกอฮอล์ ยาสูบ และการช้อปปิ้งคือการพนัน เพราะเมื่อเล่นพนันสมองจะเข้าสู่สภาวะตื่นเต้นผิดปกติ ส่งผลให้เกิดการตอบสนองต่อความเครียดที่รุนแรงขึ้น จึงกล่าวได้ว่าคนที่ติดการพนันจะแก่เร็วขึ้น เมื่อติดการพนันสิ่งที่ต้องเสียไม่ได้มีแค่เงิน จึงควรตระหนักว่าการพนันทำให้เกิดต้นทุนแอบแฝง ที่ส่งผลร้ายต่อชีวิต เช่น ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง หรือมีแนวโน้มที่จะป่วยมากขึ้น
เทคนิคการตัดสินใจโดยคำนึงถึงผล (Effectuation) ที่ใช้ได้กับความท้าทายใหม่ ๆ การตัดสินใจโดยคำนึงถึงผล เป็นทฤษฎีที่จัดระบบกระบวนการคิด ของผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ หนึ่งในแนวคิดของทฤษฎีนี้คือ แทนที่จะคิดว่าความท้าทายที่กำลังทำจะสำเร็จหรือไม่ ให้คิดว่าเมื่อเกิดความล้มเหลว จะสามารถทนความลำบากได้แค่ไหน วิธีคิดนี้จะช่วยให้จิตใจมั่นคงขึ้น และทำให้ก้าวไปข้างหน้าได้ง่ายขึ้น วิธีการที่เป็นรูปธรรมคือ ควรเขียนรายการว่า จะอดทนต่อความยากลำบากที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอย่างไรบ้าง คนที่อยากท้าทายสิ่งใหม่ ๆ อย่างการทำธุรกิจ จึงควรทำสิ่งต่าง ๆ เตรียมไว้ให้ชัดเจน เช่น วิธีรับมือกับความล้มเหลว ช่วงเวลาที่ตัวเองจะอดทนได้ หรือเงื่อนไขต่าง ๆ
ยิ่งคนที่มีมันนี่สคริปต์ว่าชีวิตมันสั้น ก็จะยิ่งให้ความสำคัญกับผลกำไรระยะสั้น และลุ่มหลงอยู่กับการพนันมากเท่านั้น คนที่คำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ด้วยมุมมองระยะยาวได้ จะไม่พ่ายแพ้ต่อความปรารถนาระยะสั้น จึงอาจทำให้ไม่สนใจการพนัน
ความคิดว่าชีวิตมีทั้งแพ้ทั้งชนะ แต่อยากเป็นผู้ชนะ มักนำไปสู่มันนี่สคริปต์แบบนักพนัน จึงควรระวัง ในขณะที่คนที่มีแนวคิดแบบคนรวยจะคิดเสมอว่า จะไม่เข้าร่วมการแข่งขันที่เปล่าประโยชน์
การลงทุนเป็นโลกแห่งการได้กำไรหรือไม่ก็ขาดทุน จึงย่อมเกิดชัยชนะและการพ่ายแพ้ ซึ่งสิ่งที่รั้งไว้ในเวลานั้นก็คือมันนี่สคริปต์ว่า ถ้าพยายามก็จะต้องชนะแน่ ส่วนมันนี่สคริปต์ฝั่งตรงข้ามที่ส่งผลดีคือ สิ่งสำคัญไม่ใช่การชนะแต่เป็นการไม่แพ้
- มันนี่สคริปต์แห่งการใช้จ่ายอย่างขาดสติ
คนที่ไม่พกเงินสดมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ วัฒนธรรมไร้เงินสดอาจเติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นในอนาคต ทำให้คนที่มีมันนี่สคริปต์แห่งการใช้จ่ายอย่างขาดสติ จะตกอยู่ในสภาวะอันตรายยิ่งกว่าที่ผ่านมา เทคนิคเลิกใช้เงินเกินตัวอย่างขาดสติ ใครที่ใช้เงินเกินตัวอย่างขาดสติ ให้ตั้งกฎก่อนจ่ายเงินว่า ต้องเป็นประมาณการถึงสิ่งอื่นอีก 3 อย่างขึ้นไป ที่ซื้อได้ด้วยจำนวนเงินเท่ากัน ถึงตอนแรกจะหักห้ามใจไม่ได้ แต่ก็อาจทำให้การใช้เงินเกินตัวอย่างขาดสติค่อย ๆ ลดลง ปัญหาที่ว่าจะเก็บเงินได้หรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ารายได้ปัจจุบันตอนนี้มากหรือน้อย จึงควรคิดว่าถ้าไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไม่ว่าใครก็เก็บเงินได้ทั้งนั้น
แนวคิดที่ว่า ถ้าเป็นคนดีแล้วจะไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน แต่น่าเสียดายที่คนที่เชื่อว่า ถ้าช่วยเหลือคนอื่นและทำความดี จะได้รางวัลตอบแทนในสักวันนั้น อาจต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไป ถ้าช่วยเหลือคนอื่น ๆ แบบไม่คิดอะไรเลย สุดท้ายก็จะช่วยเหลือคนสำคัญของตัวเองไม่ได้ แต่หากการช่วยเหลือใครสักคน ต้องแลกมาด้วยตัวเองหรือคนสำคัญ การกระทำนั้นถือว่าผิด เงื่อนไขในการช่วยเหลือผู้คนมี 2 ข้อดังนี้
- ถ้าอีกฝ่ายอยู่ตรงหน้าจงช่วยเหลือเขา
- จงแสดงความใจดีประมาณ 5 นาที
การใช้เวลาประมาณ 5 นาทีจะไม่ได้สร้างภาระให้มากนัก และแม้ว่าอีกฝ่ายจะหลงลืมว่าเคยช่วยเหลือเขาไว้ ก็จะไม่ได้รับผลพวงใด ๆ จากเรื่องนั้น
- มันนี่สคริปต์แบบใช้จ่ายน้อยเกินไป
แม้หลายครั้งจะบอกว่าควรเลิกใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายเพื่อจะได้เก็บเงิน แต่ก็ใช่ว่าจะต้องงดใช้จ่ายแบบสุดตัว ถ้าไม่เข้าใจในจุดนี้จะพลอยไม่กล้าใช้เงินไปกับสิ่งที่จำเป็น คนที่มีแนวคิดต่อไปนี้จึงควรระวังคือ
เงินมีไว้เก็บดังนั้นห้ามใช้ เมื่อคิดเช่นนี้จะเสียทั้งโอกาสเพิ่มเงินและสร้างช่วงเวลาสำคัญในชีวิต การที่คนเราให้ความสำคัญกับเงินมากกว่าเวลา หรือระดับความสุขเป็นเพราะมองเห็นเงินเป็นตัวเลข เงินจึงคำนวณง่ายกว่า แต่ถ้าเป็นคนประหยัดมากถึงขั้นผิดปกติ ให้จดจำเรื่องการแปลงหน่วยเวลา หรือระดับความสุขให้เป็นจำนวนเงินแทน
ถึงมีเงินมากเท่าไหร่ก็ยังมีเรื่องให้กลุ้มใจ แม้จะมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นก็ยังมีไม่พอทำให้ไม่กล้าใช้เงินเพื่อความสุขของตัวเอง คนที่มีมันนี่สคริปต์นี้มาเปลี่ยนความคิดกัน ให้กำหนดเพดานสูงสุดของเงินเก็บซึ่งนำมาจากมันนี่สคริปต์ของคนรวยที่ว่า จัดการทรัพย์สินและวางแผนสำหรับอนาคต โดยวางแผนอนาคตในระยะยาว แล้วจะหลุดพ้นจากความรู้สึกว่าไม่ว่าจะมีเงินเท่าไหร่ก็ไม่หายกลุ้มใจ
จากความคิดเรื่องไหนที่ต้องเสียเงินจะไม่ทำ บางคนคิดว่าไม่กล้าใช้เงินเพื่อตัวเองหรือคนอื่น แม้พวกเขาอาจจะเก็บเงินได้นิดหน่อย แต่การไม่ใช้เงินทั้งที่มีเรื่องที่อยากทำ เป็นการกดความต้องการของตัวเอง และหากยังอยู่ในสภาพที่ไม่ได้รับความสุขไปเรื่อย ๆ แรงบันดาลใจย่อมลดลง ส่งผลให้เลิกตั้งใจทำงาน หรือแม้แต่เลิกศึกษาเรื่องการเพิ่มเงิน ทำให้รายได้ไม่เพิ่มขึ้น
คนที่คิดว่ามีสิ่งที่อยากทำแต่ถ้าต้องใช้เงินก็จะไม่ทำ มักจะรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่คลุมเครือ หรือมีความคิดเชิงลบว่า ถ้ายังใช้ชีวิตแบบนี้จะมีสิ่งที่สนุกอยู่หรือเปล่า มีคำศัพท์ทางจิตวิทยาที่เรียกว่า ทฤษฎี PREMA อธิบายว่าปัจจัยทั้ง 5 ข้อต่อไปนี้ เป็นตัวกำหนดความสุขในชีวิต
- P (Positive emotion อารมณ์เชิงบวก) มองเห็นด้านบวกในเหตุการณ์ร้าย ๆ ได้หรือไม่
- E (Engagement การจดจ่อ) มีสิ่งไหนที่จดจ่อได้หรือไม่
- R (Relationship ความสัมพันธ์ที่ดี) สื่อสารกับคนรอบข้างได้อย่างดีหรือไม่
- M (Meaning ความหมายหรือความสำคัญของชีวิต) ค้นพบความสำคัญบางอย่างในชีวิตหรือไม่
- A (Accomplishment ความสำเร็จ) ไม่ว่างานจะน่าเบื่อแค่ไหน ก็สามารถสัมผัสถึงความก้าวหน้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ทุกวันหรือไม่
ในบรรดาปัจจัยเหล่านี้ สิ่งสำคัญสุดที่จะทำให้คนเรามีความสุขคือข้อ 4 ค้นพบความหมาย หรือความสำคัญของชีวิต เมื่อคนเราค้นพบความหมาย หรือความสำคัญของชีวิตแล้ว ก็จะรักษาแรงบันดาลใจในระยะยาวได้ และจะมีการเตรียมแผนสิ่งที่ต้องทำด้วย ซึ่งความหมายหรือความสำคัญของชีวิตนั้น เป็นสิ่งที่ต้องค้นพบด้วยตัวเอง ดังนั้น มาพยายามหาเงินเพื่อสิ่งที่อยากทำ และสิ่งที่อยากให้ประสบความสำเร็จ
- มันนี่สคริปต์แบบคนบ้างาน
Workaholic มีความหมายว่า เสพติดการทำงาน ซึ่งเป็นสภาวะที่ทุ่มเทให้การทำงานจนถึงขั้นอุทิศชีวิตส่วนตัว การทำงานมากเกินไป จะทำให้จิตใจและร่างกายพังทลาย รวมทั้งอาจพลิกไปสู่สถานการณ์ที่ทุกเวทนาอย่างรายได้ลดลง คนที่มีมันนี่สคริปต์แบบคนบ้างานได้ง่ายคือ คนที่มีแนวคิดดังนี้
เมื่อมีคนถามว่ามีรายได้เท่าไหร่ควรตอบน้อย ๆ เข้าไว้ การตอบตัวเลขที่ต่ำกว่ารายได้จริงคือ การเชื่อว่าไม่สามารถทำงานให้สมกับรายได้นั้น จึงมีความกังวลและทำงานหนักเกินไป ซึ่งกลุ่มคนที่ทำงานหนักเกินไปมีจุดร่วมกันนั่นคือ มักจะทำงานที่ใช้สมองและเกิดความวิตกกังวลง่าย ซึ่งสิ่งที่พวกเขาควรระวังคือ ความจับต้องไม่ได้ (Intangibility) หรือก็คือความไม่มีตัวตน กลุ่มคนที่ใช้ความรู้ทำงานมักมองไม่เห็นสิ่งที่ตนสร้างขึ้น เนื่องจากไม่สามารถเห็นได้ด้วยตา จึงไม่ค่อยรู้สึกว่าทำงานเสร็จแล้ว ทำให้เกิดความกังวลได้ง่ายว่า ถ้าไม่ทำงานมากกว่านี้จะไม่เป็นที่ยอมรับ ซึ่งนำไปสู่พฤติกรรมที่ต้องกังวล เกี่ยวกับการทำงานของตัวเองโดยไม่มีเหตุผล
ถ้าหาเงินได้มากกว่านี้ก็จะมีความสุข ถ้ามีเงินก็อาจจะมีทั้งอิสระและความสุขมากขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญจริง ๆ ไม่ใช่การได้เงินแต่เป็นเรื่องที่จะใช้เงินที่ได้มาอย่างไรต่างหาก เมื่อเก็บเงินได้ระดับหนึ่งแล้ว ก็จะเริ่มมีสิ่งที่ขาดเหลือน้อยลง ทำให้อาจตกอยู่ในสภาวะทางจิตที่เริ่มไม่รู้ว่า สิ่งใดมีคุณค่าสำหรับตัวเองถือว่าอันตราย เพราะจะทำให้คิดว่าถึงยังไงก็ต้องทำงานไปก่อน และถ้าหาเงินได้ถึงจะมีความสุข สิ่งที่พวกเขายอมสละมากที่สุดคือเวลาของตัวเอง ดังนั้น ถ้าเขียนทับใหม่ว่าก็มีความสุขได้ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้เงิน ชีวิตก็จะยิ่งอิ่มเอมขึ้น
อยากเพิ่มรายได้และเป็นที่ยอมรับ การตั้งเป้าหมายเรื่องรายได้ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่ถ้ายึดติดกับจำนวนเงินมากเกินไป เป้าหมายจะกลายเป็นการหาเงินจนมองไม่เห็นแก่นแท้ของมัน คนที่ให้ระวังเป็นพิเศษคือ คนที่มีแนวโน้มมองเงินเป็นสถานะอย่างรุนแรง เมื่อพวกเขามีรายได้ เขาจะพยายามพิสูจน์อำนาจทางการเงินของตัวเองให้คนรอบข้างเห็น จึงต้องมีทรัพย์สร้างสถานะอย่างของแบรนด์เนมหรือรถหรู ถึงแม้พวกเขาจะบรรลุเป้าหมายในตอนแรกแล้ว แต่การมีความต้องการเป็นที่ยอมรับมากเกินไป จะทำให้ตกอยู่ในสภาวะที่ไม่ว่าจะหาเงินเท่าไหร่ก็ต้องกระเป๋าฉีกเรื่อยไป ดังนั้น จงอย่าลืมแก่นแท้ว่า พอหาเงินมาได้แล้วอยากทำอะไรกันแน่
วิธีก้าวออกจากหลุมพรางแห่งความต้องการเป็นที่ยอมรับแบบไม่เลือกหน้า การพยายามเพื่อให้คนที่นับถือหรือบุคคลสำคัญยอมรับเป็นสิ่งสำคัญ แต่ทำไมถึงขั้นต้องทำให้คนที่ไม่มีความสำคัญหันมายอมรับด้วย คนจำนวนมากใช้ชีวิตเพื่อเติมเต็มความต้องการเป็นที่ยอมรับแบบไม่เลือกหน้า จึงมักตกอยู่ในสภาวะต่อไปนี้
- มีความสุขที่ได้การยอมรับจากทุกคน
- รู้สึกกลัวถ้าไม่ได้การยอมรับจากทุกคน
- พยายามวิเคราะห์สีหน้าของคนหมู่มาก เพราะอยากให้ทุกคนยอมรับ
- ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลบล้างตัวตน และมีชีวิตอยู่ต่อไป
เมื่อไม่ถูกขังอยู่ในความต้องการเป็นที่ยอมรับแบบไม่เลือกหน้า ชีวิตจะหันไปสู่ทิศทางที่เพิ่มพูนทักษะหรือเสน่ห์เพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อให้ใครสักคนยอมรับ เมื่อพิจารณาทั้งในระยะยาวและจากแก่นแท้ การทำแบบนั้นจะทำให้ชีวิตดีขึ้นแน่นอน
บทส่งท้าย
มันนี่สคริปต์ก่อตัวขึ้นจากการได้รับอิทธิพลอย่างเข้มข้น จากคนใกล้ตัวหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัว มันจึงฝังรากลึกอยู่ในใจและเปลี่ยนแปลงได้ยาก แต่จำเป็นต้องมีแนวคิดที่ถูกต้องเพื่อการมีเงินเก็บ และการรู้จักความคิดที่ฝังรากลึกอยู่ในตัวเอง และเขียนแค่มันนี่สคริปต์ให้ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าในโลกใบนี้ มีคนจำนวนมากที่คิดว่า อยากมีเงิน อยากเก็บเงิน หรืออยากหาเงิน และก็มีคอนเทนต์สำหรับเรื่องนั้นอยู่อย่างล้นเหลือ แต่น่าเสียดายที่มีคนเพียงไม่กี่คนที่ทำเงินได้จริงสาเหตุเป็นเพราะไม่ได้พยายามจะแก้ไขมันนี่สคริปต์ที่บิดเบี้ยว
ฉะนั้นไม่ว่าจะเรียนรู้วิธีหาเงินมากเท่าไร แต่ก็ไม่มีความหมาย ไม่ต่างจากการเทน้ำลงในถังที่มีรูรั่ว ข้อมูลต่าง ๆ จะร่วงหล่นจะออกจากหัวสมองไปจนหมด ทุกท่านเมื่อมาถึงตรงนี้คงตระหนักรู้กันแล้วว่า การใช้ความคิดในเรื่องการเงินก็คือ การใช้ความคิดในเรื่องชีวิต และเป็นเรื่องของการปกป้องคนสำคัญด้วย แม้จะอ่านหนังสือเล่มนี้เพียงครั้งเดียว แต่แนวคิดจะเปลี่ยนไปอย่างมาก ขอให้ทุกท่านได้ตระหนักถึงสิ่งที่สำคัญในชีวิต และปรารถนาให้ทุกท่านมีความสุขจากใจในทุก ๆ วัน.
สั่งซื้อหนังสือ “MONEY SCRIPT วิธีคิดที่ทำให้ชีวิตสนิทกับเงิน” (คลิ๊ก)