สั่งซื้อหนังสือ “ปรับแนวคิดพิชิตตลาดหุ้น” (คลิ๊ก)
สรุปหนังสือ : ปรับแนวคิดพิชิตตลาดหุ้น
Mind Over Stock Market
โดย Mr. Chaipat (Cway Investment)
หนังสือเล่มนี้ เป็นเรื่องของแนวคิดและจิตวิทยาการลงทุน ไม่ได้เน้นหนักไปที่วิชาการหรือเรื่องยาก ๆ ขั้นสูง เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดเป็นตอนสั้น ๆ เข้าใจง่าย และมีตัวอย่างที่ได้รับการถ่ายทอดจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน นอกจากนี้ยังมีแง่คิดจากหนังเรื่องโปรด ซึ่งผู้เขียนอยากแนะนำ รวมไปถึงสาระเคล็ดลับการลงทุนของเซียนหุ้นระดับโลก ได้ทำการรวบรวมมาไว้ให้ได้อ่าน ได้สัมผัส และได้เรียนรู้ เพราะความสำเร็จในเส้นทางของนักลงทุนนี้ มันคือเรื่องของจิตใจ การเรียนรู้และการฝึกฝน จัดว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย
Part 1 ทำเงินจากหุ้นต้องรู้มากกว่าเรื่องตัวเลข
- มนุษย์เงินเดือน
การทำงานประจำก็เป็นเรื่องที่ดี คือมีความมั่นคง หมดเดือนก็มีตัวเลขในบัญชีเพิ่มมากขึ้น การทำงานหนัก เครียดกดดัน แต่ก็ได้เงินซื้อความสุข ซื้อวัตถุ เปลี่ยนรถ เปลี่ยนบ้านได้มากขึ้น การจะออกจากงานประจำไม่ควรหักดิบ ถ้าไม่ได้เกิดมาบ้านรวย มีมรดกหลายล้าน แต่ควรคิดวางแผนแบบนอกกรอบ รู้จักอดออมและเรียนรู้เรื่องการลงทุน ลงมือทำเพื่อต่อยอดเงินออมเงินเก็บให้งอกเงย การลงทุนก็เหมือนกับการเพิ่มโอกาส และเพิ่มความมั่นคงทางการเงินในอนาคต เวลาที่จะเลือกหรือเปลี่ยนตัวเองนั้นมีไม่มากนัก ยิ่งถ้าถึงวันที่มีครอบครัวมีลูกแล้วนั้น โอกาสยิ่งน้อยลงไปทุกขณะ แต่จะเลือกทางเดินไหน จะสำเร็จหรือล้มเหลว ก็ไม่สำคัญเท่ากับมีความสุขที่ได้ทำหรือไม่
2.ชีวิตนอกกรอบ
การปลูกฝังความต้องการทางวัตถุในคนทุกเพศทุกวัย จนต่อมความอยากมีอยากได้ มันเติบโตแซงหน้าต่อมจริยธรรม และสำนึกชั่วดี ทำให้เกิดปรากฏการณ์ความโลภแบบไร้ขีดจำกัดในสังคม เพราะสังคมมักตัดสิน หรือให้ความสำคัญของคนที่ฐานะ การเงิน รถ บ้าน เครื่องประดับ หน้าที่การงาน ในระบบทุนนิยมการเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่รับค่าแรงตามงานที่ทำ และถูกหล่อหลอมให้เกิดการใช้จ่ายเกินตัว จากวัตถุนิยมรอบข้าง จึงไม่แปลกที่หลายคนไม่มีเงินออม หรือเงินเก็บที่เพียงพอ จึงไม่สามารถหลุดพ้นจากวัฏจักรมนุษย์เงินเดือนไปได้ การใช้ชีวิตนอกกรอบจึงมีความจำเป็นที่น่าจะเรียนรู้ การใช้ชีวิตไม่ติดกับวัตถุ ไม่ใช้จ่ายเกินตัว ถ้ามีเงินออมที่มาก ก็จะสามารถออกจากกรอบนี้ได้
- อนาคตความมั่นคงทางการเงิน
แม้ว่าจะมีวินัย ออมเก่ง เก็บเงินได้มาก แต่ถ้าขาดความรู้เรื่องบริหารจัดการเงิน และการลงทุนก็เปล่าประโยชน์ เป็นเรื่องของการมีวินัยทางการเงิน การใช้จ่ายกินอยู่อย่างพอเพียง บริหารจัดการเงินสร้างผลตอบแทนจากเงินออม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพจากการลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสด เพื่อสร้างให้เงินออมเติบโตขึ้นในอนาคต
- อิสรภาพทางการเงิน
ปัจจุบันคำว่าอิสรภาพทางการเงิน ได้กลายเป็นจุดขายของกิจกรรมต่าง ๆ ที่ชักชวนไปลงเงินเพื่อให้เกิดรายได้ นอกเหนือจากเงินเดือนจากงานประจำ มนุษย์เงินเดือนจึงกลายเป็นเป้าหมายที่ถูกชักจูงด้วยคำนี้ แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็ไปไม่ถึงดวงดาวสักที วิธีการค้นหาคำตอบคือ มองหาตัวอย่างคนที่ประสบความสำเร็จ ที่มีอิสรภาพทางการเงินทั้งเมืองไทยและต่างประเทศ ลองศึกษาประวัติวิธีการเดินทางเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ซึ่งสามารถเรียนรู้และนำมาปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ได้โดยที่
มีเป้าหมายชัดเจน ผู้ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ เริ่มต้นได้เร็ว เริ่มอย่างเข้าใจ รู้ว่าจะต้องศึกษาอะไร ทำอะไร เพื่อจะไปถึงเป้าหมายได้
อดออมไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ใช้จ่ายเกินตัว รู้คุณค่าของเงิน จะนำเอาไปใช้ลงทุนเพิ่ม เพื่อให้มันงอกเงยเติบโตได้
มันไม่ได้เกิดในไม่กี่เดือน กี่ปี สิ่งนี้มันต้องใช้เวลานานหลายปี การเรียนรู้วิธีการลงทุน เป็นการสั่งสมประสบการณ์ จนเกิดความชัดเจนและเข้มแข็ง พอที่จะพาเข้าไปสู่เป้าหมายได้
ปลอดภัยไม่เสี่ยงเกินตัว การที่จะมั่งคั่งได้มันต้องใช้เวลาเพื่อทวีคูณ และมีเหตุผลค่อยเป็นค่อยไป เหมาะสมกับความเสี่ยง
เข้าใจความหมายของอิสรภาพที่แท้จริง หมายถึง การมีอิสระทางเวลา มีอิสระทางความคิด ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงิน อิสระทางการเงินแต่ละคนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการนิยาม คำว่าพอในความหมายของแต่ละคน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนตัวเลข
ดังนั้นอย่าไปตั้งเป้าที่ว่าจะมีเงินเท่าไหร่ แต่จงตั้งเป้าหมายว่าจะพอเท่าไหร่ ต้องการใช้เงินเท่าไหร่ แล้วหาเงินให้พอดี ทำให้มีเวลาเหลือไปทำกิจกรรมอย่างอื่นที่อยากทำ หรือกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสังคมต่อไป
- ชัยชนะเล็ก ๆ ใกล้ตัวเรา
จริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นคนจน หรือเป็นคนธรรมดาสามัญแบบคนชั้นกลาง ต่างก็สามารถประสบความสำเร็จได้ทั้งนั้น การนิยามความสำเร็จอย่างแท้ มันคือการเอาชนะจิตใจตัวเอง เริ่มจากการตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ เพื่อให้ได้พยายาม ได้ฝ่าฟัน จนประสบความสำเร็จ การลงทุนก็เช่นกันทุกคนล้วนอยากประสบความสำเร็จ แต่อย่าไปตั้งเป้าหมายไว้สูงในตอนแรก เมื่อทำได้ก็ค่อย ๆ เพิ่มเป้าหมาย และเอาชนะไปเรื่อย ๆ ประสบความสำเร็จทีละน้อย ๆ
- ลาออกมาเล่นหุ้นดีไหม
ถ้าใครคิดจะเป็นนักลงทุนเต็มเวลา หรือจะมาเป็นนักเก็งกำไรเต็มเวลา สิ่งหนึ่งที่ต้องมีคือประสบการณ์ มันก็ไม่ต่างจากการทำงาน การหาเลี้ยงตัวเองด้วยหุ้นนั่นเอง หมายถึงต้องมีสภาพคล่องจากเงินที่ใช้จ่ายรายวัน ต้องเทรดหุ้นให้ได้เงินทุกเดือน การขาดทุนหมายถึงอดตาย ติดดอยก็หมายถึงอดตายด้วยเช่นกัน ถ้าจะเทรดหุ้นเป็นอาชีพสิ่งที่ต้องมีคือ
วินัย รู้จักยึดมั่นในระบบ วินัยในการใช้ชีวิต และการทำงานต้องมีแผน และบังคับตนเองให้ทำตามแผนงานให้ได้
ประสบการณ์ คือ การสั่งสมเรียนรู้จากสิ่งที่ผิด ที่ถูก ด้วยตนเอง สร้างสิ่งที่เรียกว่าสัญชาตญาณนักล่าให้เกิดในตัวเอง
วิธีคิดที่ถูก จะเอาชนะในตลาดเก็งกำไร ก็ต้องเข้าใจวิธีคิดของคน ที่สำคัญวิธีคิดมันยังสะท้อนไปถึงเรื่องของจิตใจด้วย ถ้าเบื่องานประจำก็ควรเปลี่ยนมาทำงานที่อยากทำ เพื่อสร้างรายได้ และใช้การลงทุนเป็นตัวขยายรายได้ โดยการสร้างผลตอบแทนระยะยาวจะดีกว่า
คิดก่อนฝัน คนวงนอกพอได้ยินว่า สามารถทำเงินจากหุ้นได้มากก็เกิดสนใจ ในความเป็นจริงมันไม่ง่ายแบบนั้น ไม่เช่นนั้นก็มีเศรษฐีเต็มตลาดหุ้นไปหมดแล้ว
ทำกำไรที่ว่ายากทำให้ได้ทุกเดือนยากกว่า เพราะตลาดหุ้นมีความเสี่ยง ไม่มีใครมาการันตีให้หรอก ว่าจะได้กำไรทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี
เงินต้นก้อนใหญ่ การจะทำกำไรให้ได้เดือนละ 10,000 บาทนั้น หมายความต้องมีเงินลงทุนที่มากพอสมควร
120% ต่อปีทำได้จริงหรือ ความเป็นจริงยิ่งเป็นไปได้ยาก แม้แต่นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรระดับโลก ยังทำได้แค่ 30-40% ต่อปีเอง ดังนั้นวิธีคิดที่ถูกคือ การหากำไรพอเพียง และจำกัดความเสี่ยงให้ต่ำเข้าไว้
ดอกเบี้ยทบต้น นักลงทุนในตลาดแบบให้เงินทำงาน เขาไม่ได้คิดแบบจะชักเงินมาใช้จ่ายรายเดือน ส่วนใหญ่เพื่อเลี้ยงให้พอร์ตโต เพื่อสร้าง leverage ของเงินทุนในการทำกำไร ปล่อยให้ดอกเบี้ยทบต้นให้งอกเงย กว่าจะรวยกว่าจะมีผลตอบแทนมาก เพียงพอที่ไม่ต้องทำงาน หรือมีอิสรภาพทางการเงิน เขาต้องใช้เวลา
กรงทองไปสู่กรงเหล็ก ปัญหาที่ตามมาเมื่อลาออกจากงานแล้ว มาหมกมุ่นในตลาดหุ้น มุ่งจะรวยไว ๆ มุ่งจะหาเงินเยอะ ๆ ก็จะกลายเป็นว่าอิสรภาพที่ตั้งใจไว้หายไป
อย่างนั้นทำงานอย่างเดิมดีกว่า การที่มนุษย์เงินเดือนออกมาตามฝัน ไม่ต้องทำงานที่ไม่ได้รักไปตลอดชีวิต อยากให้คิดให้วางแผนมาก ๆ ชีวิตมนุษย์เงินเดือนมันเป็นกรอบ เป็นขนบในระบบทุนนิยม ถ้าบ้านไม่รวย อย่าคิดว่าจะมาง่าย ๆ แต่มี Road Map คร่าว ๆ 6 ขั้นตอนเป็นแนวทางให้
- วางเป้าหมายเชิงรุก ออกมาจากงานเพื่อทำอะไร คิดสิ่งที่เราต้องการจะทำ ถ้ายังคิดไม่ออกอย่าเพิ่งลาออกมา พยายามใช้เวลาในการหาเป้าหมาย สิ่งที่ชอบสิ่งที่อยากทำก่อน
- วางเป้าหมายทางการเงิน วางแผนการใช้จ่ายเงิน ว่า 1 เดือนต้องใช้เท่าไหร่ และมองหาแหล่งรายรับที่มาชดเชยหลังออกจากงาน
- ออมเงิน การลงทุนในตลาดหุ้น ต้องอดออมเงินเพื่อสร้างเงินทุนสำหรับซื้อหุ้น ในระหว่างทำงานนี่แหละ ที่จะเก็บเงินให้ได้มาก ๆ ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เลิกกินหรู เลิกปาตี้
- ศึกษาหาความรู้การลงทุน หาความรู้จากหนังสือ จากเว็บไซต์ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการลงทุนให้มาก ๆ การลงทุนด้วยการสมัครเปิดพอร์ตจำลอง click2win กับ settrade เพื่อทดลองซื้อขายหุ้น ลงทุนตามแนวทางที่ศึกษามาก่อน
- ลงทุนระหว่างทำงาน ลองนำเงินออมที่มีมาเปิดพอร์ตลงทุนจริง ๆ ลงทุนระยะยาวหรือเก็งกำไรระยะกลาง อย่าไปเล่นสั้น เล่นรายวัน อย่าไปโลภหวังรวยเร็ว
- ประเมินศักยภาพผลตอบแทน ลงทุนในตลาดหุ้นสัก 1-2 ปี ลองประเมินศักยภาพในการลงทุน ผลตอบแทนรายปีที่ได้ ทั้งจากการซื้อขายหุ้นกินส่วนต่างราคา และจากเงินปันผล เพื่อประเมินความน่าจะเป็นในการอยู่รอด จากการสร้างกระแสเงินสด ในยุคที่การทำงานนั้นลาออกจากงานง่าย แต่กลับเข้าไปใหม่ยาก ยิ่งมีอายุมาก การเปลี่ยนงานยุ่งยากเป็นทวีคูณ
7. ความต่างระหว่างหุ้นกับการพนัน
การที่จะขาดทุนจนหมดตัวนั้น ปัจจัยหลักคือตัวนักลงทุนเอง เพราะมันอยู่ที่วิธีคิดและวิธีปฏิบัติ การตัดสินใจซื้อขายมันเกิดขึ้นจากตัวนักลงทุนเอง ถ้าซื้อขายหุ้นด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริง ด้วยสถิติ ด้วยระบบ ด้วยเหตุด้วยผลรองรับ นั่นก็ไม่ใช่การพนัน แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าเล่นหุ้นแบบมั่ว ๆ ไร้ทิศทาง ไร้หลักการ ไร้ระบบ ไม่มีหลักคิด อย่างนี้ก็เรียกว่าเป็นการพนันรูปแบบหนึ่ง
- จริงหรือถ้าเงินน้อยเล่นหุ้นไม่มีวันรวย
จงอย่าไปกังวลกับเงินเริ่มต้นที่น้อย มีน้อยลงทุนน้อยได้กำไรไม่มากไม่ต้องไปกังวล ลงทุนแบบระมัดระวัง รักษาเงินต้นให้ดี ลองผิดลองถูกเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ สุดท้ายเงินน้อยเงินก็จะทำให้เรารวยได้ เพราะสิ่งสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่เงินทุนเริ่มต้น แต่มันอยู่ที่กระบวนการ ไม่ว่าคนจนหรือคนรวย ถ้าคิดเป็นถ้าตั้งใจ ก็รวยจากตลาดหุ้นได้เช่นกัน
- เป้าหมายคือทุกอย่าง
การจะทำอะไรให้สำเร็จ เป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ เปรียบเหมือนการขับรถ ต่อให้มีแผนที่ดีมี GPS ชั้นยอดแค่ไหน ถ้ากำหนดพิกัดล็อคเป้าหมายผิด ก็คงขับวนหลงทางได้เช่นกัน การลงทุนก็เช่นกัน ต้องเข้าใจเป้าหมาย และวางแผนการเดินทางให้เหมาะกับกำลังของตัวเองด้วย
เป้าหมายชัดเจน เป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ แต่หลายคนยังไม่สามารถวางเป้าหมายของตัวเองที่ชัดเจนได้ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า เป้าหมายสำคัญความสำเร็จมันไปจบที่เงินทองและทรัพย์สิน สิ่งที่ตามมาคือ การพยายามมองหาการได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทองจำนวนมาก เสียเวลาอยู่กับการหาทางลัด แสวงหาทางรวยอย่างรวดเร็ว ซึ่งความเป็นจริงก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทางลัดสู่ความสำเร็จนั้นไม่มีจริง
ทุ่มเทและพยายาม ถ้าลองศึกษาอัตชีวประวัติ หรือเรื่องราวคนที่ประสบความสำเร็จ ส่วนมากพวกเขาก็เป็นคนธรรมดาไอคิวปกติ สิ่งที่พวกเขามีคือจิตใจของนักสู้ ความมุ่งมั่น ความขยัน ความพยายามที่มากกว่าคนทั่วไป เพื่อพาตัวเองให้ไปถึงยังเป้าหมายที่วางไว้
อย่าเสียเวลาแสวงหาทางลัด คนทั่วไปมีเป้าหมายแต่มักจะล้มเลิกก่อนไปถึงเป้าหมายเพราะรู้สึกเหนื่อยรู้สึกท้อแท้
เป้าหมายไม่ใช่แค่เงิน แต่มันหมายถึงความสุขใจ สิ่งที่ทำทุ่มเทตอบโจทย์ทางจิตใจ มันจะทำให้ใจแข็งแรง และอดทนต่อสู้ไปให้ถึงเป้าหมายปลายทางได้ในที่สุด
เล็กไปสู่ใหญ่ เป้าหมายนั้นอาจจะใหญ่ และใช้เวลานานในการทำให้สำเร็จในระยะยาวก็อย่าได้ไปกังวล ควรจะแบ่งเป้าหมายใหญ่ออกเป็นเป้าหมายย่อย ๆ เหมือนหลักกิโลเมตรเพื่อบอกระยะทางในการเดินทางที่สำคัญ กำหนดเวลาในการจบเป้าหมายย่อยให้ชัดเจน และทำ checklist เอาไว้เสมอ เพื่อมาตรวจสอบและติดตามความก้าวหน้า
นักลงทุนที่เข้ามาตลาดหุ้นเกือบทุกคนคิดเหมือนกันคือ คิดที่จะประสบความสำเร็จทางการเงินจากการลงทุน เป้าหมายก็คืออิสรภาพทางการเงิน ถ้าอยากประสบความสำเร็จก็ต้องหัดมองภาพใหญ่ มีเป้าหมายระยะยาว อดทนใช้เวลากับมัน วางแผนและพยายามทุ่มเทฝึกฝน ลงมือทำอย่างต่อเนื่อง เรียนรู้จากข้อผิดพลาดต่าง ๆ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น
- เวลามีค่าดั่งทอง
คนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้คือ คนที่ใช้เวลาเป็นใช้เวลาอย่างคุ้มค่ากับงานที่ตนเองทำ เขาไม่ให้ปล่อยเวลาให้หมดไป ผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ นี่เป็นแนวคิดง่าย ๆ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการไปสู่เป้าหมายคือ
- ตั้งเป้าหมายให้ชัดให้เคลียร์ โดยเฉพาะเป้าหมายที่ใหญ่แล้ว อาจจะทำการแบ่งเป็นเป้าหมายย่อย ในแต่ละขั้นตอนจะต้องพาไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมาย
- จัดลำดับความสำคัญ เพื่อเกิดการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ควรจัดลำดับความสำคัญของงานและความเร่งด่วนเอาไว้
- ลงมือทำให้สำเร็จ การจะประสบความสำเร็จได้นั้น จิตใจต้องมุ่งมั่นและมีความพยายาม
- หมั่นติดตามผล การประเมินผลการใช้เวลาในแต่ละเป้าหมายย่อย ว่าสามารถทำได้ตามแผนหรือไม่
หัวใจของการบริหารจัดการเวลาคือ การใช้เวลาที่มีจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพ แน่นอนว่าไม่ใช่ใช้เวลาเพื่อการทำงาน เพื่อความก้าวหน้า หรือหาเงินเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงการใช้เวลาอย่างสมบูรณ์ ทั้งด้านการทำงาน การดูแลคนรอบข้าง และดูแลตนเอง ทำให้เกิดความสมดุลทางกายและจิตใจ
- ไม่มีคำว่าบังเอิญ
นักลงทุนหรือนักธุรกิจหลายคน พวกเขาเหล่านั้นมาจากศูนย์ สร้างตัวเองพัฒนาตัวเองจนประสบความสำเร็จ เขาผ่านวิกฤตของชีวิตมากมาย เผชิญปัญหาหนัก ๆ ผ่านความล้มเหลวมานับไม่ถ้วน ซึ่งหล่อหลอมให้เขามีวันนี้ กลายเป็นของจริงได้ ถ้าเห็นใครที่ประสบความสำเร็จ อย่าไปคิดว่าคนเหล่านั้นฟลุกหรือบังเอิญ จงตั้งสติใช้ปัญญามองสิ่งที่เขาทำ มองเส้นทางที่เขาผ่านมาแล้ว ก็จะพบกลยุทธ์ หรือวิธีการในการดำเนินกิจการ ในการสร้างโอกาส รูปแบบการเตรียมความพร้อมให้ตัวเอง รวมถึงวิธีจัดการกับอุปสรรคและความล้มเหลว ซึ่งถ้าเรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้อย่างเข้าใจ ก็จะเกิดประโยชน์กับตัวเอง
- ชีวิตที่ไม่ยอมแพ้
เคยเหนื่อยและท้อแท้กับงานที่ทำกันบ้างไหม? อาจเคยเป็นคำถามกับตัวเองสักครั้งในชีวิต การจะก้าวข้ามอุปสรรค และความยากลำบากนี้ไปได้ ก็ต้องอาศัยความเพียรพยายามอย่างถึงที่สุด ตัวอย่าง Oscar Leonard Carl Pistorius เกิดที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เขาพิการตั้งแต่เกิดไม่มีขาทั้งสองข้างตั้งแต่ใต้หัวเข่า เริ่มใส่ขาเทียมตั้งแต่ 1 ขวบ แต่เขาเป็นคนรักกีฬา ชอบเล่นกีฬาหลายประเภท แม้จะพิการแต่ใจไม่เคยท้อ เขาฝึกฝนและทุ่มเทโดยเฉพาะการวิ่ง ที่เขาชนะในการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรในกีฬาของโรงเรียน ซึ่งแข่งกับคนปกติด้วยเวลา 11.72 วินาที ดีกว่าสถิติของนักกีฬาพาราลิมปิกอยู่ที่ 12.20 วินาที
เขาเริ่มได้รับโอกาสในการกีฬา โดยมีผู้สนับสนุนมอบขาเทียมแบบ Flex-Foot Cheetahs ซึ่งเป็นโครงขาเทียมรูปตัว J และเขาก็ใช้มันลงแข่งขันกีฬาฤดูร้อนของคนพิการในปี 2004 จนเข้าเส้นชัยที่ 3 ความฝันของเขาไม่ใช่เพียงแข่งเพื่อชัยชนะ แต่เขาแข่งขันเพื่อบอกให้โลกรู้ว่า เขาไม่ใช่แค่คนพิการที่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีในการไม่ยอมแพ้ต่อขีดจำกัดของร่างกาย ออสการ์เป็นคนพิการที่ไม่ยอมรับว่าตนเองพิการ เขาต้องซ้อมหนักและอดทนกว่านักกีฬาปกติมาก ต้องสู้กับการดูถูกจากเพื่อนนักกีฬา เพื่อสร้างโอกาสให้กับตัวเอง
- ห่วยขั้นเทพ
มีความเชื่อผิด ๆ ว่า ความโง่และความห่วยเป็นสิ่งที่ติดตัวเรา หรือเป็นคำสาปที่มนุษย์คนใดคนหนึ่งต้องเผชิญตลอดไปทั้งชีวิต ในความเป็นจริงควรคิดว่า สามารถเลือกที่จะเป็น เลือกที่จะประสบความสำเร็จได้เสมอถ้าใจต้องการ ซึ่งสิ่งนี้สำคัญคือวิธีคิด ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จ ต้องเริ่มจากวิธีคิดจริง ๆ คนที่ล้มเหลวกับคนที่ประสบความสำเร็จ จุดเริ่มต้นออกตัวก็เป็นจุดเดียวกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือการกระทำเพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางนั้นต่างหาก
ชีวิตคนเราไม่มีคำว่าง่ายหรอก ยิ่งถ้าต้นทุนชีวิตเราไม่สูง ไม่ได้เกิดมารวย เป็นเพียงคนเดินดินธรรมดา ถ้าอยากประสบความสำเร็จก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุด ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ฉลาดเรียนรู้ช้า ก็ยิ่งต้องพยายามให้มากกว่าคนอื่น ๆ เป็น 2 เท่า
การจะทำกำไรหรือหาเงินจากตลาดหุ้นได้นั้น ต้องศึกษาองค์ความรู้ กลยุทธ์การลงทุนอย่างหนัก ใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์ จนพัฒนากระบวนการการลงทุนที่ถูก ที่เหมาะสมกับตัวเอง ด้วยจิตใจที่ไม่ยอมแพ้และความพยายามอย่างสุดกำลังนั้น คือกุญแจสำคัญที่จะพาเราไปสู่เป้าหมายได้
- เบื้องหลังความสำเร็จ
เวลาที่มองไปยังใครสักคนที่ประสบความสำเร็จ มักมองเห็นแต่ภาพความหรูหรา และความเจิดจรัสของคน ๆ นั้น จนทำให้เกิดความอยากที่จะเป็น อยากที่จะประสบความสำเร็จอย่างคนนั้น แต่แท้จริงแล้วภายใต้เปลือกแห่งความสำเร็จที่เห็น น่าจะเต็มไปด้วยรอยแผลแห่งขวากหนาม และร่องรอยของความเจ็บปวด ที่คน ๆ นั้นต้องฝ่าฟัน เพื่อเดินไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง
ในโลกการลงทุนเอง อาจจะมองเห็นไอดอลนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากมาย เช่น จอร์จโซรอส, วอเรนต์ บัฟเฟต, เจสซี่ ริเวอร์มอร์ ส่วนมากอาจจะหลงใหลในภาพลักษณ์ของการมีชื่อเสียง การเป็นที่ยอมรับรวมถึงขนาดพอร์ตลงทุนหลายสิบ หลายร้อยล้าน แต่จริง ๆ ให้ลองมองให้ลึกถึงแก่นที่มาในการประสบความสำเร็จของเขาเหล่านั้น เชื่อว่าทุกคนที่เป็นของจริงตัวจริง ล้วนต้องผ่านการฝึกฝน การพยายามอย่างหนัก ควรดูตรงนี้เป็นแบบอย่างของหนทางแห่งความสำเร็จ อย่าไปหวังในปาฏิหาริย์ หรือการได้มาซึ่งความสำเร็จแบบง่าย ๆ เพราะว่าของแบบนั้นมันไม่มีจริง หรือถ้าเกิดมีจริง และเกิดได้รับความสำเร็จมาแบบง่าย ๆ ของเหล่านั้นมันก็จะอยู่ได้ไม่นาน เพราะว่าขาดคุณสมบัติที่จะรักษามันไว้ได้
- เมื่อความสำเร็จไม่ได้มาง่าย ๆ
นักลงทุนที่อยากจะประสบความสำเร็จไปสู่อิสรภาพทางการเงิน ก็ต้องสู้และพยายามกันต่อไป ระลึกเสมอว่าความสำเร็จ มันวัดผลกันในระยะยาว เหมือนกับการวิ่งมาราธอน ดังนั้นอย่ารีบร้อนเร่งรวยเร็ว จนหลงผิดไปกับทางลัดทั้งหลาย เพราะนั่นอาจทำให้หมดตัวไปกับความโลภ หรือความอยากรวยภายในพริบตา ความสำเร็จในชีวิตไม่ได้มาง่าย ๆ และไม่ได้มาเพราะโชคช่วย มันต้องผ่านบททดสอบอะไรมากมาย ต้องเรียนรู้จากมัน และใช้มันเป็นบทเรียน เพื่อจะได้ไม่ผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง
- IKEA เส้นทางสายทรหด
IKEA ก่อตั้งโดย Ingvar Kamprad ในปี 1943 ตอนที่อายุได้เพียง 17 ปี เขาเริ่มต้นกิจการมาจากการขายไม้ขีดไฟ จากนั้นขยายกิจการไปสู่เครื่องเขียน กระดาษ เครื่องตกแต่งงานคริสต์มาส เมล็ดพืช กระเป๋า นาฬิกา และอื่น ๆ จนมาจบที่เครื่องเรือนและเฟอร์นิเจอร์ราคาถูก สุดท้ายประสบความสำเร็จอย่างมากในธุรกิจนี้ ทำให้เขาหันมาผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์เป็นหลักตั้งแต่ปี 1951 จนถึงปัจจุบัน
ประวัติของ Ingvar Kamprad น่าสนใจมาก เขาเติบโตมาในฟาร์ม ฐานะทางบ้านยากจน ทำการเกษตร แต่รักที่จะรวย รักที่จะก้าวหน้า และทำธุรกิจมาตั้งแต่วัยรุ่น เขาเป็นคนที่สมถะ ขยัน และทำงานหนัก Ingvar เป็นคนที่อดทน และชอบทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ เขาเป็นนักธุรกิจที่หันมาขายเฟอร์นิเจอร์คุณภาพดีราคาถูกเป็นกลุ่มแรก ๆ ของยุโรป จุดเด่นในยุคนั้นคือ IKEA เน้นการทำเฟอร์นิเจอร์แบบถอดประกอบ ทำให้สะดวกในการขนส่ง และลูกค้าสามารถประกอบเอง หรือเลือกจะเก็บจะถอดตอนขนย้ายได้ แตกต่างจากเฟอร์นิเจอร์ยุคนั้น ที่มักจะทำสำเร็จมาตายตัว
ปัจจุบันอาณาจักร IKEA ที่เขาใช้เวลาปลุกปั้นมามากกว่า 50 ปี ยิ่งใหญ่มีสาขา 300 สาขาใน 44 ประเทศ เขามีสินทรัพย์สุทธิ $42.6 billion ในปี 2012 Ingvar เป็นมหาเศรษฐีที่เริ่มมาจากศูนย์ มีชีวิตที่น่าศึกษาเป็นแบบอย่าง ถ้าอยากจะรวยอยากจะประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นด้านการลงทุนหรือการทำธุรกิจ ทุกอย่างมันไม่มีทางลัด ไม่มีใครมาเสกสร้างให้ จะต้องลงมือทำ ต้องพยายามสร้างด้วยตัวเอง
- เคล็ดลับความสำเร็จของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
การเป็นกุนซือของทีมยักษ์ใหญ่ว่ายากแล้ว การเป็นให้นานเป็นได้ต่อเนื่อง 26 ปีไม่ใช่ใครทุกคนจะทำได้ โดยเฉพาะการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 13 ครั้ง และถ้วยอื่น ๆ อีกรวม 30 ถ้วย อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นชาวสกอตแลนด์ เกิดในครอบครัวแรงงาน พ่อและพี่น้องทำงานอู่ต่อเรือ มีฐานะค่อนข้างยากจน วัยเด็กด้วยความไม่มีเงิน กิจกรรมที่ทำยามว่างคือการเล่นฟุตบอล และนั่นเองที่ทำให้เขาเข้าสู่เส้นทางนักเตะอาชีพ
ชีวิตการเป็นกุนซือของเขาหลังอาชีพนักเตะ ไม่ใช่จะมีแต่เวลาที่หอมหวาน เขาเองก็เจอกับความยากลำบากมาหลายครั้ง ในฤดูกาลแรกของเขา ทำผลงานได้ไม่โดดเด่นจบอันดับที่ 11 และต้นฤดูกาลที่ 2 Manchester united ก็ยังไม่มีแชมป์ติดมือ และใน 8 นัดแรกก็ไม่พบกับคำว่าชัยชนะมาติดต่อกัน จนแฟนผีจำนวนหนึ่งชูป้ายผ้าขับไล่เขาในสนาม แต่เฟอร์กูสันไม่เคยยอมแพ้
เกมสุดท้ายที่ตัดสินชี้ชะตาอนาคตการเป็นกุนซือของเขา คือเกม FA Cup รอบ 3 ในปีนั้นถ้าแพ้โดนปลดแน่นอน แต่เขาก็สร้างปาฏิหาริย์ พาทีมผ่านเข้ารอบแล้วคว้าแชมป์ FA Cup ในปีนั้นสำเร็จ และอยู่คุมทีมแมนยูต่อเนื่องยาวนาน 26 ปี กลายเป็นตำนานและตัวอย่างของการสู้ชีวิต จากคนจนธรรมดามาสู่ความยิ่งใหญ่และความสำเร็จ เคล็ดลับสำคัญของเขาคือ การสู้แบบไม่ถอย ถ้าตั้งใจทำอะไรแล้วต้องมุ่งมั่นพยายามทำจนกว่าจะประสบความสำเร็จ อยากให้ลองดูเรื่องราวของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไว้เป็นแรงบันดาลใจ ในการไปสู่เป้าหมายอิสรภาพทางการเงิน
- Zong Qinghou มหาเศรษฐีวิถีพอเพียง
การใช้ของแพงของคุณภาพดี ไม่ได้แปลว่าต้องฟุ่มเฟือยเสมอไป และแน่นอนว่าถ้าใช้ของถูก แต่ไม่ประหยัดก็เป็นการฟุ่มเฟือยได้เช่นกัน อีกหนึ่งตัวอย่างของการประหยัดและพอเพียง Zong Qinghou อายุ 67 ปีผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Hangzhou Wahaha Group บริษัทผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ของจีน เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มและน้ำอัดลมชื่อดังในจีนอย่าง Wahaha และธุรกิจสินค้าอุปโภคอื่น ๆ เช่น อาหารเสื้อผ้า และห้างสรรพสินค้า เขาเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ และเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 86 ของ Forbes Billionaires มีทรัพย์สิน 11.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ความน่าสนใจของชายคนนี้คือเขาเป็นคนสมถะพอเพียง ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย เพราะชีวิตของเขามาจากครอบครัวที่ยากจน และเป็นคนธรรมดามาก่อน ไม่ได้เรียนมัธยมปลายเขาใช้ชีวิตอยู่ในเขตชนบท แม่เป็นครู เขาทำอาชีพเกี่ยวกับการเกษตรมาหลายปี ก่อนจะเปลี่ยนมาค้าขาย เขาเริ่มประกอบธุรกิจในตอนอายุ 42 ด้วยการไปเปิดร้านขายน้ำอัดลม นม เครื่องดื่ม และสินค้าเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ให้กับเด็ก ๆ ในโรงเรียนเขต Hangzhou หลายครั้งที่เขาถังแตกมีเงินไม่พอใช้ เคยไม่มีเงินจนต้องไปนอนในอุโมงค์ใต้ถนน แต่ชีวิตเราเลือกได้ และเขาเลือกที่จะไม่ยอมแพ้
เขาเป็นคนที่ทำงานหนัก จริงจัง รักการทำงาน แม้เขาจะกลายเป็นเศรษฐีพันล้านแล้ว แต่เขายังใช้ชีวิตธรรมดา ไม่หรูหราหรือฟุ่มเฟือยเหมือนเศรษฐีทั่วไป แม้เขาจะเริ่มธุรกิจตอนอายุ 42 แต่อายุนั้นก็ไม่ใช่อุปสรรคใหญ่ ในการกีดขวางเขาจากความสำเร็จ เมื่อรวยแล้วมีมากแล้ว เขาไม่หลงใหลไปกลับมัน เขาแบ่งปันช่วยเหลือและใช้ชีวิตแบบสมถะพอเพียง
ตรงนี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่เราสามารถนำมาปฏิบัติตามได้ แม้จะยังไม่รวยพันล้านหมื่นล้าน แต่ถ้าเราพอเพียงพอใจ ใช้จ่ายไม่เกินตัวเงินทองก็จะมีเหลือเก็บ หรือสามารถนำไปลงทุนต่อ เพื่อให้งอกเงยงอกงาม ถ้าทำได้ดีทำได้ถูกวิธี สักวันโอกาสร่ำรวยเป็นเศรษฐีย่อมมีแน่นอน
- เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
เริ่มต้นด้วยดีเท่ากับสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง มันสะท้อนถึงสัจธรรมความจริงที่ว่า ไม่ว่าจะทำสิ่งใดการเริ่มต้นเป็นสิ่งที่สำคัญ และเป็นสิ่งแสดงถึงโอกาสที่จะเข้าสู่ความสำเร็จได้เสมอ ทุกคนย่อมมีก้าวแรกที่เริ่มออกเดินกันทั้งนั้น ซึ่งแต่ละคนจะออกตัวเดินที่จุดเริ่มต้น และมีต้นทุนทางสังคมที่แตกต่างกันไป คนรวยเริ่มต้นด้วยเงินถุงเงินถัง มีเงินจากครอบครัวสนับสนุน โดยเปรียบเหมือนได้ขึ้นบันไดเลื่อน ไม่ต้องกดดันมาก ถ้าเป็นคนจนคนชั้นกลาง น่าจะต้องใช้ความพยายามมากสักหน่อย กว่าจะหาเงินก้อนมาเริ่มลงทุนได้ แต่สุดท้ายจะเริ่มต้นด้วยเงินมาก หรือน้อยเท่าไหร่ก็ไม่สำคัญ เท่ากับทัศนคติและวิธีคิดเริ่มต้นในการลงทุน
การเริ่มต้นเป็นอะไรที่ยากเสมอ เพราะในเรื่องการลงทุน หลายคนไม่ได้มีพื้นฐานไม่ได้ร่ำเรียนมาโดยตรง ดังนั้นถ้าจะให้ผ่านช่วงที่ยากที่สุดไปได้ จำเป็นที่จะต้องมีแรงบันดาลใจ และมีความรักในการลงทุน การอ่านบทความ เรื่องราวของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ เป็นโอกาสที่ดีในการได้เรียนรู้วิธีคิด และวิธีการลงทุน ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่บทความไม่ยาว ก็น่าจะสร้างแรงบันดาลใจได้ดี
แต่อย่าพยายามไปมองหาว่าเขาเหล่านั้น ลงทุนในหุ้นอะไรจะได้ซื้อตาม เพราะมันไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร เริ่มต้นผิดโอกาสจะประสบความสำเร็จ หรือประคองตัวให้อยู่รอดระยะยาวก็ยากเต็มที ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนทัศนคติและวิธีการลงทุนให้ถูก ใครควรตั้งแต่เริ่มต้น ที่สำคัญจะตกเป็นเหยื่อของเสือสิงห์กระทิงแรดในสนามรบแห่งนี้ ที่คอยจะกินเงินตลอดเวลา อย่าว่าแต่ผลกำไรที่หวังจะได้ แค่เงินต้นที่ลงทุนก็จะไม่เหลือ ดังนั้นเริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
20. ก้าวแรกกับความล้มเหลว
การมีความฝันและได้ลงมือทำเป็นสิ่งที่วิเศษ แต่ใช่ว่าทุกคนที่กล้าจะเดินทางตามความฝันนั้น ใช่ว่าจะสมหวังและจบลงแบบสวยงามเหมือนในนิยาย มีหลายคนล้มลุกคลุกคลานไปได้เพียงครึ่งทาง ก็ต้องกลับมาสู่โลกความจริง บางคนผิดพลาดแค่เพียงก้าวแรกที่ออกเดิน ก็ท้อถอยหมดกำลังใจไม่สามารถไปต่อได้ เพราะนี่คือโลกแห่งความจริง การมีความฝันมีความตั้งใจ อาจไม่เพียงพอให้ไปสู่เป้าหมาย สิ่งที่ต้องมีมากกว่านั้นคือ เรื่องของแผนและกลยุทธ์ วิธีการที่จะพิชิตเป้าหมาย
นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรมือใหม่ก็ไม่ต่างกับผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้น ย่อมต้องเจอกับปัญหาอุปสรรคเป็นธรรมดา สิ่งหนึ่งที่มือใหม่ไม่ค่อยรู้และไม่เข้าใจคือ เรื่องจังหวะเวลาหรือ Timing การที่เข้ามาลงทุนในช่วงดัชนี 1,300-1,600 ซึ่งเป็นจุดที่ค่อนข้างสูงและผันผวน จะไม่หวังได้กำไรง่าย ๆ เป็นสิบล้านเป็นร้อยล้าน แบบคนที่เขาลงทุนช่วงดัชนี 400-500 จุด มันย่อมเป็นไปได้ยาก ต้องใช้ความรู้ใช้การวิเคราะห์ เพื่อซื้อหุ้นที่ดีสร้างกำไร และมีความเสี่ยงที่ไม่สูงเกินไป
เมื่อผิดแผนไปลงทุนเสี่ยงเกินตัว ความผิดพลาดและหายนะมันจะถาโถมเข้ามา จนมือใหม่อาจจะรับไม่ทัน เมื่อนั้นจะเจอกับความล้มเหลวครั้งใหญ่ เจอปัญหาด้านจิตใจที่ทำให้ไม่สามารถก้าวไปต่อได้ สิ่งสำคัญคือจงอย่าประมาท อย่าใจร้อน อย่าอยากรวยเร็ว อย่าเริ่มต้นด้วยการเสี่ยงมากเกินตัว เมื่อผิดพลาดขาดทุนอย่าไปเสียใจ ให้จดบันทึกและวิเคราะห์ความผิดพลาดนั้นเป็นบทเรียน เพื่อที่อนาคตจะได้ไม่ผิดพลาดอีก เมื่อเวลาผ่านไป จะสะสมกำลังประสบการณ์และความรู้ จนสามารถคืบคลานเข้าไปหาเป้าหมายความสำเร็จได้เอง
- รวยหุ้นอย่างยั่งยืน
หนึ่งอย่างที่ปรากฏในตลาดหุ้นคือ คนที่อยากรวยมักจะไม่รวย อาการของคนที่อยากรวยคือ คนที่มุ่งจะหาวิธีการทำกำไรสูงสุด จากการเล่นหุ้นให้ได้ในเวลาอันสั้น แต่กว่าจะเจออาจจะใช้เวลานานหลายปี แถมแน่นอนว่าความเสี่ยงที่จะจุกเจ็บขาดทุนก็มีเช่นกัน เพราะนักลงทุนระดับโลกที่ประสบความสำเร็จ เขาเหล่านั้นไม่ได้มองที่การทำกำไรเป็นหลัก แต่เขาจะมุ่งไปที่การรักษาต้นทุน และการจำกัดความเสี่ยงเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งแน่นอนว่ากำไรเป็นสิ่งที่ต้องสร้าง แต่มันจะเป็นภารกิจรองจากการจำกัดความเสี่ยง และปกป้องเงินต้นของการลงทุน
จากสารคดีชีวิตสัตว์กล่าวไว้ว่า ถ้าป่าไม้ถูกทำลายสัตว์ผู้ล่าที่จะอยู่รอดไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งพงไพรแบบเสือหรือสิงโต แต่สัตว์ที่จะสามารถอยู่รอดได้นานคือหมาป่า เพราะหมาป่าเป็นสัตว์ที่สามารถปรับตัว และดำรงชีวิตทำงานหากินแบบเป็นกลุ่มเป็นฝูงได้ ที่สำคัญมากกว่านั้นกินได้ทั้งซาก และสามารถล่าเหยื่อที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งต่างจากเสือและสิงโตที่เน้นกินแต่เนื้อสด จากการล่าสัตว์ที่มีชีวิต เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าการอยู่รอดเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นถ้าจะอยู่รอดไม่ใช่แค่จะต้องรุกเก่งล่าเก่ง แต่สิ่งสำคัญคือการรักษาชีวิต รักษาต้นทุนเอาไว้ให้ได้นานที่สุด
- ตลาดหุ้นไม่ใช่ตู้ ATM
ไม่ว่าจะลงทุนระยะยาวหรือระยะสั้น จะเป็นนักลงทุนแบบเน้นหุ้นคุณค่าหรือเป็นนักเก็งกำไร สิ่งที่ต้องพยายามหรือสร้างมันให้ได้คือ โมเดลการทำกำไรแบบต่อเนื่อง ไม่จำเป็นต้องเยอะขนาด 50% 100% แต่จำเป็นต้องสร้างผลกำไรที่แน่นอนและสม่ำเสมอในระยะยาว แบบนี้ถึงจะเรียกว่าสามารถหากำไรจากตลาดหุ้นได้อย่างแท้จริง ต้องอย่าประมาทอย่ามองตลาดหุ้นเป็นตู้ ATM ที่คิดจะกดเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมง การทำกำไรมีจังหวะเวลาของมัน และที่สำคัญคือการเรียนรู้ที่จะเทรดซื้อขายในจังหวะที่ถูกต้อง เพื่อทำกำไรแบบแน่นอนและต่อเนื่อง ต้องรู้จักอดทนรอคอยในยามที่แนวโน้มหรือสถานการณ์ตลาดไม่ชัดเจน
- ความเสี่ยงมือสังหารที่ไร้ความปราณี
ความเสี่ยงสามารถย้อนมาทำร้ายได้เสมอ ไม่เว้นแม้แต่นักลงทุนจากสถาบันการเงิน ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเงิน ซึ่งเงินก็ไม่ได้สูญหายไปจากระบบ แต่ไหลไปเข้ากระเป๋ากองทุนอื่นซึ่งเป็นผู้ชนะ ผู้ที่ดีกว่า แข็งแกร่งกว่าเสมอ ความเสี่ยงในตลาดหุ้นหลัก ๆ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ ความเสี่ยงที่เป็นระบบ (Systematic) และความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ (Unsystematic) โดยความเสี่ยงที่เป็นระบบคือ ความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะตลาดหุ้น การไหลของกระแสเงิน นโยบายเศรษฐกิจ และสภาพเศรษฐกิจ โดยความเสี่ยงพวกนี้มักจะมีรูปแบบที่ชัดเจน เกิดแล้วมีผลกระทบกับหุ้นจำนวนมาก ส่วนความเสี่ยงแบบไม่เป็นระบบ เป็นความเสี่ยงเกิดเฉพาะกรณี เฉพาะบริษัทหรือเฉพาะกิจการ เช่น การเกิดไฟไหม้โกดังสินค้า บริษัทผลิตเบี้ยวหนี้ การขาดทุนจากต้นทุนสินค้าเพิ่มสูงขึ้นแบบฉับพลัน เป็นต้น
การลงทุนไม่ว่าจะเป็นแบบระยะยาวหรือการเก็งกำไร จึงควรเรียนรู้ที่จะบริหารเงินและจัดการกับความเสี่ยงให้ได้เสมอ การได้กำไรมาก ๆ อาจจะไม่สำคัญเท่ากับการขาดทุนน้อย ๆ ในยามที่ผิดพลาด การรู้จักประเมินผลการขาดทุนล่วงหน้า แบบตรงไปตรงมาเพื่อเตรียมแผนรับมือ เมื่อนั้นความสำเร็จก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
- วินัยเพื่อนแท้นักลงทุน
ไม่ว่าจะลงทุนในแนวใด สิ่งที่ต้องมีคือวินัย ถ้าขาดวินัยก็ไม่มีประโยชน์ เพราะจะขาดหลักยึดซื้อขายไปตามอารมณ์ ตามความผันผวนของราคาหุ้น จะไม่สามารถเอาชนะจิตใจของตัวเองได้ ยิ่งยามภาวะตลาดผันผวนมีความไม่แน่นอน ยิ่งจะทำให้เกิดการชักจูงจิตใจ ทำให้เกิดอารมณ์ที่อ่อนไหวไปตามสิ่งที่ปรากฏ เมื่อนำอารมณ์มาใช้ในการตัดสินใจ นั่นก็หมายถึงการนำมาซึ่งหายนะ เมื่อมีแผนมีระบบเทรดแล้ว สิ่งที่ต้องฝึกให้ดีคือการมีวินัย
มีเรื่องราวเกี่ยวกับกองทุนเฮ็ดฟันด์ของ จอร์จ โซรอส ซึ่งเป็นคนที่จริงจังในการทำงาน และคาดหวังผลงานที่ดีจากลูกน้องและตัวเองเสมอ แต่เขาก็ไม่เคยตำหนิหรือลงโทษผู้ที่ลงทุนแล้วขาดทุน แต่เขาจะตำหนิและลงโทษคนที่ไม่มีวินัย ไม่ทำตามแผนตามระบบที่วางไว้ เพราะคนที่ผิดพลาดถ้าได้เรียนรู้จากความผิดพลาดแล้วแก้ไข ก็จะสามารถปรับตัวได้ แต่คนที่ขาดวินัยต่อให้เก่งหรือฉลาดแค่ไหน โอกาสจะล้มเหลวก็มีสูง
- อย่าซื้อหุ้นตามแฟชั่น
ในการกระตุ้นยอดขาย การสร้างความอยากรู้อยากลองให้กับสังคม การตลาดแบบนี้เป็นเรื่องปกติ และถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการบรรลุวัตถุประสงค์อยู่เป็นประจำ ทั้งในด้านการขายสินค้า และไม่เว้นแม้แต่โลกการลงทุน หุ้นหลายตัวก็ถูกสร้างจังหวะ และมีการใช้เทคนิคการตลาดทางการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เป็นที่สนใจของนักลงทุน ทั้งในรูปแบบการพูดถึงโดยตรงและแบบทางอ้อม การนำเสนอภาพที่ดูดีดูเด่น หรือแม้แต่การอัดฉีดความหวัง ว่าราคาเป้าหมายในอนาคตที่ยังมีไม่ถึง มีเซียนมีคนดังเข้ามาถือหุ้น ทุกอย่างล้วนถูกจัดทำอย่างเป็นระบบ และทำให้นักลงทุนรายย่อยหรือแมงเม่าเกิดความสนใจ เกิดความเชื่อว่าหุ้นตัวนี้ดี ราคากำลังจะมา ที่สำคัญยังมีอุปาทานหมู่หรือการแห่ซื้อแห่ไล่ราคาตามกันแบบเป็นหมู่คณะ ทำให้หุ้นตัวนั้นกลายเป็นหุ้นแฟชั่น กลายเป็นหุ้นที่นิยม
การซื้อหุ้นที่ดีควรพิจารณาหาจังหวะซื้อขายให้ดีในช่วงต้น แนวโน้มที่ราคายังไม่โตขึ้นสูงมากจนเกินไปนัก พิจารณาถึงความเสี่ยงและโอกาสจะเกิดกำไรอย่างรอบคอบแล้วค่อยเข้าลงทุนอย่าไปหลงภาพลักษณ์ไปลงทุนในหุ้นแฟชั่นตามกระแส เพราะโอกาสเสียจะมีมากกว่าได้
- นักเตะล่าฝันกับเฮ็ดจ์ฟันด์เงินล้าน
การที่ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพมีชื่อเสียง เป็นดาวเด่นติดทีมชาติ มีค่าตัวหลายล้านเหรียญ มีค่าเหนื่อยต่อสัปดาห์มหาศาล การไปถึงจุดนั้นได้มันยากเย็นแสนเข็ญ ด้วยความที่ไม่ง่ายและมีจำกัด จึงเกิดเป็นมูลค่าในตัวนักเตะขึ้น มันจึงเกิดเป็นช่องทางการลงทุนของเหล่าบรรดากองทุนป้องกันความเสี่ยง (Hedge fund) เข้ามาลงทุนในนักเตะดาวรุ่ง เพื่อหาผลกำไรจากการเจริญเติบโตของมูลค่านักเตะกันมากขึ้น
ตัวอย่างการลงทุนเพื่อทำกำไรของก็คือ การเข้าไปช่วยเหลือสโมสรฟุตบอลที่มีปัญหาการเงิน เพื่อร่วมลงขันเป็นเจ้าของในสัญญาของนักเตะดาวรุ่ง เป็นประมาณ 20-30% จำนวนเงินก็จะขึ้นกับการประเมินค่าตัวของนักเตะแต่ละคนในสโมสร โดยสโมสรก็จะนำเงินส่วนนี้ไปใช้ เป็นค่าเลี้ยงดู ค่าฝึกสอน ดูแลรักษานักเตะ ส่วน Hedge fund จะได้กำไรจากการลงทุนในกรณีนักเตะเยาวชนฉายแววเด่น มีทีมยักษ์ใหญ่ยอมทุ่มเงิน ทำสัญญาซื้อตัวไปเล่นในสโมสรระดับโลก
ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการลงทุนในหุ้นระยะยาว การเลือกสินทรัพย์ให้ถูกนั้น ในกรณีนี้คือเลือกนักเตะให้ถูกคน รอจังหวะการเข้าลงทุน เมื่อเจอของดีต้องรู้จักรอ กรณีนี้เมื่อแมวมองของ Hedge fund เจอนักเตะเข้าตาแล้ว แต่จะยังไม่รีบลงทุนต้องติดตามเป็นเดือน ๆ เพื่อประเมินศักยภาพ ประเมินทักษะ รอจังหวะที่เข้าฟอร์มจึงติดต่อเข้าลงทุน
นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างรูปแบบการลงทุน คนรวยเขาหาทางบริหารเงินของพวกเขา ผ่านกองทุนป้องกันความเสี่ยงได้ในหลายช่องทาง ทั้งนี้เพื่อกระจายความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจโลกผันผวน อัตราดอกเบี้ยต่ำ เพราะเงินมากมายของพวกเขา ย่อมต้องไม่หยุดทำงาน
- The Dip : อุปสรรคมันเยอะเลย
ไม่ว่างานใด ๆ โครงการใด ๆ แม้รักจะอยากทำแค่ไหน ใช่ว่าจะสำเร็จลงได้ง่ายเหมือนดั่งใจนึก ต้องเจอกับอุปสรรคนานัปการ เพื่อเป็นบทพิสูจน์จิตใจ เป็นสิ่งทดสอบความมุ่งมั่นและความตั้งใจ ถ้าท้อแท้หมดแรงไปเสียก่อนทุกอย่างก็เป็นอันจบลงตรงนั้น ตลาดหุ้นก็เช่นเดียวกัน เมื่ออยากเป็นนักลงทุนหรือเก็งกำไรที่ประสบความสำเร็จ ก็ต้องต่อสู้ต้องพยายามจนถึงที่สุด เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายต้องฝึกฝน ศึกษา และหาประสบการณ์จริงจากตลาดหุ้น ต้องผ่านช่วงที่สมหวังและผิดหวัง
การที่จะประสบความสำเร็จไปถึงเป้าหมายปลายทางได้นั้น ยังไงเสียก็ต้องพบกับอุปสรรคหลุมบ่อ (The Dip) ในชีวิตที่ต้องก้าวผ่านไป ต้องเลอะเทอะเปรอะเปื้อน เพื่อแลกมาซึ่งความสำเร็จแบบหนีไม่ได้ ถ้าอยากประสบความสำเร็จต้องเปิดใจรับอุปสรรค อย่ากลัวที่จะก้าวลงไปในหลุมในบ่อ แต่การก้าวผ่านอุปสรรคจำเป็นต้องอาศัยการวางแผน การคิดไตร่ตรองอย่างมีสติ เพื่อที่เมื่อก้าวลงไปแล้ว จะได้กลับขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย
- ขาดทุนเพราะอะไร
คำว่าการขาดทุนดูจะเป็นคำแสลงของนักลงทุนแทบทุกคน เพราะคงไม่มีใครอยากให้เกิดการขาดทุนเป็นแน่แท้ แต่การลงทุนไม่ว่าจะสั้นหรือยาว อนาคตย่อมเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน การขาดทุนก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องเรียนรู้ จึงขอนำเสนอ 3 รูปแบบการขาดทุน ที่เรียกว่าเป็นสากลที่นักเก็งกำไรหรือนักลงทุนต้องเจอมีดังนี้
ขาดทุนเพราะโลภ อันนี้เป็นผลมาจากจิตใจประเภทที่ว่า คิดว่าซื้อแล้วยังไงก็ต้องกำไร เมื่อพัฒนาทักษะด้านการควบคุมอารมณ์ได้เมื่อไหร่ โอกาสขาดทุนจากความโลภก็จะหายไป
ขาดทุนเพราะประมาท เกิดจากการติดกับอัตตาที่คิดว่าตัวเองรู้แล้วเก่งแล้ว ติดกับตรรกะเหตุผลมากมาย ที่เอามาสนับสนุนความคิดของตนเอง ซื้อหุ้นที่ยังศึกษาได้ไม่นานหาข้อมูลได้ไม่ครบ ผลคือราคาลงอย่างรวดเร็ว ก็คงได้แต่ปลอบใจตัวเอง กอดหุ้นจนขาดทุนบานปลายขายไม่ทัน ยอมติดดอยเพราะไม่กล้าขายตัดขาดทุน เป็นต้น
ขาดทุนเพราะไม่รู้ นี่เป็นสิ่งที่อันตรายมากในโลกการลงทุน การจะเชื่อข่าวหรือเชื่อข้อมูลเนื้อหาสาระที่มีการเผยแพร่นั้น ควรตั้งสติพิจารณาให้รอบคอบ อย่าซื้อหรือขายหุ้นเพียงเพราะได้ยินได้ฟังคนอื่นบอกต่อ หรือได้คำแนะนำมาจากบุคคลที่สาม ควรจะคิดทบทวนแบบเป็นเหตุเป็นผลด้วยตัวเอง หมั่นตั้งคำถามข้อสงสัยกับสิ่งที่ไม่รู้ให้ตรวจสอบและหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนจะตัดสินใจ
การทำเงินเป้าหมายต้องชัด ว่าต้องการผลตอบแทนจากอะไร จากปันผลปลายปีหรือจากส่วนต่างราคา ลงทุนแล้วต้องยึดมั่นในระบบในแผนของตัวเอง อย่าได้วอกแวกกับข่าวรายวันหรือการผันผวนของราคา ที่ไม่ได้มีผลกระทบต่อแผนการลงทุน อย่ากลัวขาดทุนแต่ควรจำกัดความเสียหายจากการขาดทุนแต่ละครั้งให้ได้ เรียนรู้ที่จะใช้การบริหารจัดการเงิน และหมั่นเรียนรู้ข้อผิดพลาด ฝึกฝนจิตใจจะช่วยลดความเสียหายจากการขาดทุนได้มาก
- ทฤษฎีกบต้ม
การจะวัดว่าใครเก่งหรือไม่เก่งนั้น ไม่ได้ดูที่การพูดการนำเสนอตัวเอง หรือการออกมาเดาราคาหุ้น จริง ๆ แล้วต้องดูที่ประสบการณ์ชั่วโมงบิน ซึ่งความรู้และประสบการณ์มันจะตกผลึกออกมาเป็นวิธีคิด และทัศนคติมันจะฉายแสงความโดดเด่น หรือความสามารถของตัวตนออกมา ทฤษฎีหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนประเภทแมงเม่า โดยเฉพาะมือใหม่ขาดทุนมาก ๆ นั่นคือทฤษฎีกบต้มรูปแบบการทำให้ดูเหมือนจะช่วยเหลือแต่เอาเปรียบ ดูเหมือนกำไรแต่จริงขาดทุน ดูเหมือนจะชนะแต่จริง ๆ แพ้ โดยใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงให้ถึงจุดนั้นช้า ๆ อย่างเช่นการต้มกบ
ทฤษฎีนี้ใช้ได้กับหุ้นทุกประเภทในตลาดหุ้น ทุกอย่างมันจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ จนถึงสถานะหนึ่งการเปลี่ยนแปลงจะรุนแรง และชัดเจนจนยากที่จะเอาตัวรอด แต่ถ้าเป็นคนช่างสังเกต มันย่อมมีโอกาสที่จะมองเห็น อยู่ในตลาดหุ้นก็เหมือนอยู่ในสนามรบ ต้องตื่นตัวตลอดเวลา ตาต้องไวสมองต้องคิดอย่าประมาท อย่าตื่นตระหนก ที่สำคัญอย่าคิดแต่จะเอากำไร ควรรักษาตัวให้อยู่รอดยืนนานจะดีที่สุด
- ลงทุนด้วยหัวใจไม่ใช่อยากรวย
การลงทุนที่ดีไม่ว่าจะสั้น กลาง หรือยาว จะเน้นส่วนต่างราคาหรือเน้นปันผล จะต้องใช้ทั้งหัวและใจ หัวคือสมองการคิดการวิเคราะห์ อย่าหลงไปตามเกมของทฤษฎีสมคบคิดที่เขาปรุงแต่ง ให้ไปตามเกมกระแสหลัก หมั่นสังเกตและตั้งคำถามถึงสิ่งที่เกิด อย่าเชื่อเพียงเพราะมีหลายคนเชื่อตามนั้น จงคิดก่อนซื้อคิดก่อนทำ ส่วนการใช้ใจคือการควบคุมอารมณ์และสติ ในการโฟกัสที่เป้าหมายการลงทุน ฝึกใจให้นิ่งเพื่อสร้างสัญชาตญาณการลงทุน สร้างสิ่งที่จำเป็นต่อการตัดสินใจอย่างถูกต้อง และรอบคอบเมื่อเกิดเหตุการณ์คับขัน
- ไม่มีทางลัด
ทุกอาชีพล้วนมีความสำคัญ และมีบทบาทสำคัญในสังคมที่แตกต่างกันไป แม้ว่าแต่ละสาขาอาชีพจะได้รับการยอมรับ และได้ค่าตอบแทนหรือเงินเดือนที่ไม่เท่ากัน แต่ค่าความเป็นคน หรือการเคารพในสิทธิพื้นฐานก็ควรจะเท่าเทียมกัน ทุกอาชีพล้วนมีความสำคัญ แต่การทำอาชีพที่ได้รับการยอมรับน้อยหรือต่ำต้อย ไม่ได้แปลว่าคุณค่าในตัวบุคคลจะลดลงไป บางครั้งการมีอาชีพการงานที่ดี ก็ทำให้เกิดเป็นอีโก้หรืออัตตา ที่เข้ามาทำร้ายตัวเราได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อเข้ามาในตลาดหุ้น
ถ้าอยากรวยอยากประสบความสำเร็จจากตลาดหุ้น อย่าพยายามไปหาทางลัดหาสูตรเด็ดเคล็ดลับที่ทำให้รวยเร็ว เพราะอะไรที่มาเร็วก็ไปเร็ว มีกำไรแต่รักษากำไรไว้ไม่ได้ ต้องมาเสียขาดทุนจากการลงทุนครั้งต่อไป แบบนั้นไม่เป็นผลดีต่ออนาคต เพราะพอร์ตการลงทุนไม่เติบโต จงเชื่อมั่นในกระบวนการ ทุกอย่างมันมีเวลาของมัน ต้องพยายามทุ่มเทฝึกฝน และให้เวลากับการเรียนรู้ด้วยตัวเองอย่างไม่ย่อท้อ สักวันเมื่อพร้อมเงินทองและความสำเร็จก็จะเข้ามาหาเอง
- ต้องรอดก่อนรวยทีหลัง
จงอย่าประมาทตลาดหุ้น อย่าย่ามใจว่าตัวเองจะเอาตัวรอด เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นกฎการคัดเลือกตามธรรมชาติ จึงต้องพิสูจน์ให้ธรรมชาติเห็นว่าเราดีพอ ดีพอที่จะอยู่รอดด้วยความพยายาม ด้วยการไม่หยุดเรียนรู้ ไม่หยุดพัฒนาตนเอง เมื่อเข้มแข็งมีมุมมองมีวิธีคิดและมีรูปแบบการลงทุนที่เหมาะกับตัวเองแล้ว ก็จะสามารถปรับตัวได้กับตลาดหุ้น จิตใจจะนิ่งและมั่นคง ก็จะสามารถเอาตัวรอดในสนามรบอย่างนี้ และมีกำไรอย่างต่อเนื่องไปตามกำลัง ตามความสามารถที่เหมาะสมของตนเอง
- แพ้ให้ได้ ผิดให้เป็น
การยึดมั่นในความถูกต้อง ยังมีผลอย่างมากต่อแผนการลงทุน คนที่มีอัตตาสูงไม่กล้าเผชิญหน้ากับความผิด จะเกิดอารมณ์กลัวขาดทุน การลังเลยึดมั่นที่จะต้องตัดสินใจถูก ย่อมทำให้พลาดโอกาสการซื้อหุ้นในจังหวะที่ดีไป เพียงเพราะคิดว่ามันจะต้องรอให้มั่นใจ และไม่อยากผิดพลาดเหมือนอดีต สัจธรรมของชีวิตคือไม่สามารถตัดสินใจได้ถูกต้องทุกครั้ง 100% ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ต้องเจอ ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน อย่าพยายามติดกับความถูกต้อง และคิดที่จะตัดสินใจถูกตลอดเวลา เพราะมันจะทำให้กล้า ๆ กลัว ๆ ไม่กล้าตัดสิน ตลาดหุ้นมีความไม่แน่นอนอยู่เสมอ ดังนั้นการเสี่ยงบนโอกาสที่ชนะมีสูง บวกกับการบริหารจัดการเงิน และการควบคุมความเสี่ยง น่าจะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้อยู่รอดได้ในระยะยาว
- วิธีการรับมือกับการขาดทุน
ขาดทุนเป็นเรื่องปกติในเกมการเก็งกำไร เพราะไม่สามารถคาดเดาอนาคตที่แน่นอนได้ 100% โอกาสพลาดขาดทุนมันย่อมเกิดได้ แก่นสำคัญคือขาดทุนแล้วทำยังไงไม่ให้ความเสียหายลุกลาม ขาดทุนให้น้อยและจำกัดการขาดทุนด้วย stop loss ให้เป็น นี่เป็นเทคนิคและแนวคิดในการรับมือกับการขาดทุน คือ
- รับมือกับอารมณ์ก่อน ถ้ามีอารมณ์มาปนมาก ๆ โอกาสแพ้มันมากกว่าชนะ ต้องตั้งสติย้อนดูจิตว่ายังรับไหวไหม คุมได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ให้หยุดเทรด พักผ่อนคลายเครียด สงบอารมณ์ โดยอาจจะนอน นั่งสมาธิ หรือไปทำกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อผ่อนคลาย แล้วค่อยกลับมาลุยต่อ
- จดบันทึกและเรียนรู้จากความผิดพลาด การเทรดต้องมีการจดบันทึก หรือทำไดอารี่ประจำวัน เพื่อบันทึกอารมณ์และข้อผิดพลาดต่าง ๆ ที่เกิด โดยเฉพาะบางจังหวะที่พลาดแต่ถ้าไม่บันทึก กลไกทางสมองมนุษย์จะรีบให้ลืมสิ่งที่ไม่สมหวังหรือเจ็บปวด เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง ตรงนี้เป็นข้อเสีย เพราะเมื่อเราลืมจะไม่เรียนรู้ และอาจกลับมาผิดซ้ำ ๆ อีกเสมอ
- ทำซ้ำข้อ 1 และ 2 เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดซ้ำ ๆ เสมอ แต่ถ้าเรามีกลยุทธ์รับมือกับความผิดพลาดที่ดี มองเห็นโอกาสเสี่ยง พร้อมรับมือความเสี่ยง มันก็จะสามารถปิดประตูการขาดทุนหนักขาดทุนรุนแรงได้
35. เมื่อเงินเย็นเป็นเหตุ
ความเชื่อหนึ่งที่มันดูไม่เป็นเหตุเป็นผลอย่างมาก เช่น เงินเย็นไม่เสี่ยง เข้าใจว่าการใช้เงินที่เหลือใช้ เงินที่ไม่ได้ต้องใช้ หรือเงินที่ไม่เป็นเงินกู้ มาลงทุนหรือเก็งกำไรยังไงก็ได้ไม่เสี่ยง ความจริงแล้วไม่จริงเลย ความเสี่ยงยังคงอยู่ สาระคือไม่ว่าจะเงินเย็นหรือเงินร้อน เอามาซื้อหุ้นยังไงก็มีความเสี่ยง ถ้าเป็นเงินของเรายังไงก็ต้องใช้สติ คิดวิเคราะห์พิจารณาก่อนซื้อขายเสมอ อย่าไปซื้อขายตามอารมณ์ โดยคิดว่าเงินเย็นไม่เป็นไร มองความเสี่ยงให้เห็น ให้เป็นไปอย่างรอบคอบ ก่อนจะไปฝันถึงกำไร จำไว้ว่าอยู่รอดให้ได้ก่อน แล้วถึงจะรวยตามมาทีหลังอย่างยั่งยืน
- การศึกษาคือการลงทุนที่คุ้มค่าในชีวิต
เปรียบได้ว่าการศึกษาหาความรู้คือการลงทุนระยะยาว ที่กว่าจะเห็นดอกเห็นผลต้องใช้เวลารอต้องอดทนและพยายาม เมื่อมองลักษณะนี้ทุกคนล้วนผ่านประสบการณ์การลงทุนระยะยาวเพื่อตนเองกันมาทั้งนั้น ถ้าลองเปรียบเทียบการลงทุนตลาดหุ้น ไม่ว่าจะลงทุนแนวไหนล้วนต้องลงทุนเบื้องต้นกับการศึกษาหาความรู้ก่อนเสมอ เพราะไม่มีใครเก่งหรือรู้มาตั้งแต่เกิด ที่สำคัญกว่าสิ่งที่เรียนรู้ไปแล้วจะเห็นผลลัพธ์ มันย่อมต้องใช้เวลา ทุกอย่างมันมีเวลาเป็นของมันเอง พยายามลงทุนในการศึกษาเรียนรู้หุ้นให้มาก ๆ
- หลับสบายไร้กังวล
นักลงทุนไม่มีหรอกที่วันไหนจะไม่คิดถึงหุ้น จิตใจได้ผูกติดกับหุ้นไปแล้ว จะดีหรือร้ายก็ต้องอยู่กับมัน แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องทำให้ได้คือ ต้องควบคุมจิตให้อยู่ ถ้าเกิดคิดถึงหุ้นตลอดเวลา ทั้งเวลากิน เวลานอน เวลาเดินแบบนี้มีปัญหาแล้ว เพราะจิตจะไม่ว่างไม่สงบ ปัญญาที่แท้จริงจะไม่เกิด แน่นอนว่าจะส่งผลต่อการคิดการตัดสินใจทันที เทคนิคง่าย ๆ ลงทุนในหุ้นแล้วนอนหลับสบาย จิตใจสงบในทุกสภาวะการณ์คือ
- ละอัตตาอย่าติดกับความสมบูรณ์แบบ พยายามปล่อยวางการลงทุนไปตามระบบตามแผน ผิดทางผิดจากที่คิดถึงจุดก็ตัดขาดทุน ถูกทางก็ปล่อยให้เป็นกำไรไปต่อ ก็สะสมเพิ่มตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ผิดได้แพ้ได้แต่แพ้น้อยกว่าชนะยังไงก็รวย
- อย่าติดกับกำไร ควรตั้งเป้ากำไรให้พอเพียง คิดแบบกำไรสะสมระยะยาว ได้กำไรแบบที่ไม่ต้องเสี่ยงมากจนต้องเป็นทุกข์ เน้นที่ความแน่นอน ที่สำคัญอย่าพยายามเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
- ไม่แน่ใจอย่าเสี่ยง เมื่อสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนหรือเราไม่มั่นใจ การไม่เข้าลงทุนถือเงินสดถึงจะไม่มีกำไรแต่ก็ไม่ขาดทุนปลอดภัยกว่า รอจังหวะที่แน่นอนที่มั่นใจ เป็นไปตามแผนที่คิดไว้ค่อยเข้าไปลงทุน
- ใจไม่แข็งอย่าเฝ้าหน้าจอ ถ้าใจไม่นิ่งไม่มีวินัยที่จะทำตามระบบตามแผนได้ ให้ออกห่างจากจอ รอติดตามราคาหุ้นแบบวันละครั้ง ซื้อขายเป็นไปตามแผนตามระบบที่คิดที่วิเคราะห์ไว้ และห้ามนำอารมณ์มาใช้เป็นตัวตัดสินใจซื้อขายเป็นอันขาด
- หมั่นฝึกจิตเรียกสติ หัดสวดมนต์ทำสมาธิเป็นประจำทุกวัน นอกจากจะช่วยให้มีการควบคุมจิตใจที่ดีแล้ว ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการคิด การตัดสินใจให้อีกด้วย เมื่อจิตนิ่งใจสงบความกังวลอารมณ์และการเล่นหุ้น ก็จะไม่มารบกวนเท่านี้ก็นอนหลับสบาย
38. สมาธิวิธีการฝึกจิตสำหรับนักลงทุน
ทุกสิ่งทุกอย่างมันล้วนเกี่ยวข้องกับจิตใจ เกี่ยวเนื่องกับอารมณ์ ความโลภ และความกลัว ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นอุปสรรคในการลงทุน และเมื่อใดที่อารมณ์เข้ามามีผลต่อการตัดสินใจ หรือเข้ามานำการตัดสินใจซื้อขายหุ้น สิ่งที่ตามมานั้นคือหายนะ การเอาชนะอารมณ์ได้นั้น ต้องมีสติไม่ไหลไปตามสิ่งเร้า ไม่ไหลไปตามการเคลื่อนไหวของราคาที่เห็น การฝึกสมาธิช่วยอย่างมากในการควบคุมอารมณ์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ ภายใต้ภาวะกดดันหรือสิ่งเร้า และลดข้อผิดพลาดในการวิเคราะห์ข้อมูลการลงทุน
Ray Dalio เป็นอีกคนที่ส่งเสริมให้นำการฝึกสมาธิ มาใช้ในการลงทุนและการดำเนินชีวิต เขาฝึกสมาธิ Transcendental Meditation เน้นการฝึกจิตแบบเรียบง่าย ซึ่งพัฒนาโดย Maharishi Mahesh Yogi เป้าหมายหลักคือการครองสติ ควบคุมอารมณ์ ควบคุมความคิดไม่ให้ฟุ้งซ่าน เพื่อประสิทธิภาพในการตัดสินใจลงทุน และเขาเองได้ยืนยันผลของการฝึกสมาธิว่า มีส่วนช่วยในด้านการลงทุน รวมถึงการเผชิญกับความผันผวนของภาวะตลาดหุ้น โดยเขาสนับสนุนให้พนักงานในองค์กร และบุคคลทั่วไปหันมาฝึกสมาธิ
- ถูกที่ถูกเวลา ราคาลงตัว (Techno Fundamental)
Techno Fundamental เป็นแนวทางการลงทุนที่ใช้การผสมผสานข้อเด่น ของการวิเคราะห์หุ้นทั้ง 2 แบบคือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) และการวิเคราะห์เชิงพื้นฐานกิจการ (Fundamental Analysis) เข้าด้วยกัน โดยแนวทางการลงทุนลักษณะนี้ สามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งการลงทุนแบบระยะกลางและระยะยาว รวมถึงสามารถใช้กับการลงทุนในรูปแบบ การลงทุนเก็งกำไรจากส่วนต่างราคาที่เติบโต และการลงทุนในหุ้นปันผล
Techno Fundamental เป็นแนวทางที่นักลงทุนระดับโลกหลายคนเลือกใช้จนประสบความสำเร็จ เช่น William O’neil, Ed Seykota, Nicholas Darvas, Paul Tudor Jones, Dan Zanger และ Salem Abraham เป็นต้น โดยมีรูปแบบการนำไปใช้ในระบบลงทุนที่หลากหลาย สาระสำคัญของ Techno Fundamental ไม่ใช่การซื้อขายบ่อย ๆ หรือลงทุนระยะสั้น แนวคิดนี้นักลงทุนสามารถนำไปใช้ทั้งกับการลงทุนในหุ้นปันผลระยะยาว และการลงทุนในหุ้นเติบโต เพื่อสร้างกำไรจากส่วนต่างราคา โดยหลักใหญ่ใจความของแนวคิดนี้มี 3 ประการคือ
- การวางแผนจำนวนขนาดเงินลงทุนให้เหมาะสม
- บริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อป้องกันรักษาเงินลงทุน
- การซื้อขายหุ้นอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับวัฏจักรราคา และวัฏจักรตลาด
ตลาดหุ้นมี Cycle การเคลื่อนตัวเช่นเดียวกับวัฏจักรราคาหุ้น ซึ่งมีรูปแบบมีวงรอบที่ชัดเจน การเข้าใจจุดนี้ก่อให้เกิดความได้เปรียบในการลงทุน ไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จใช้โอกาสจากวัฏจักรของตลาด วัฏจักรของอุตสาหกรรม เข้ามาเป็นตัวเร่งในการสร้างผลตอบแทนแทบทั้งนั้น และสามารถใช้ความเข้าใจจุดนี้ ในการลดความเสี่ยงจากตลาดหมี (Bear Market) หรือวิกฤตการเงินโลกที่เกิดขึ้นได้
- โรคเสพติดความเสี่ยง
เรื่อง Adrenaline Junkie หรือ Risk Addict เป็นกลุ่มคนที่สมองมีความผิดปกติทางเคมี มีการเสพติดความเสี่ยง เสพติดความกระตุ้นความเร้าใจ ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มพวกชอบกิจกรรมผาดโผน การกระโดดร่ม การปีนเขาสูง ๆ การเล่นบันจีจัมพ์ โดดจากที่สูง หรือกิจกรรมเสี่ยงตายอื่น ๆ นอกจากนี้ยังนับรวมพวกที่ติดการพนัน พวกชอบเสี่ยงโชคชอบลุ้น ตลาดหุ้นนำพานักลงทุนที่ไม่มีสติไปในจุดนั้นได้ เมื่อเสพติดทำให้ต้องเสี่ยงทุกวัน ต้องเสี่ยงทุกโอกาสที่มี เสี่ยงเกินความจำเป็น แม้ว่าโอกาสชนะจะไม่มากก็ตาม นักลงทุนมืออาชีพเน้นกำไรที่แน่นอนยั่งยืน อยู่รอดในระยะยาว เขามองความเสี่ยงก่อนมองกำไร คิดก่อนว่าความเสี่ยงที่จะเกิดมากน้อยเพียงใด ความน่าจะเป็นที่จะชนะมีมากขนาดไหน แล้วจึงค่อยเข้าไปเสี่ยงลงทุน
- จุดเปลี่ยนของชีวิต
จะทำยังไงเมื่อต้องตกงาน เคยคิดหรือเตรียมทางออกสำหรับปัญหานี้กันบ้างไหม? เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ การตกงานตอนแก่นี่เป็นเรื่องที่มีโอกาสเกิดได้เสมอ อยากให้ลองเรียนรู้จากแง่คิดต่อไปนี้
- ไม่ควรมีอาชีพเดียว ควรใช้เวลาบางส่วนทดลองฝึกฝนและค้นหา อย่างน้อยก็จะได้มีประตูสำรอง หรือร่มชูชีพเผื่อเอาไว้ด้วย
- เงินเก็บเงินออมสำคัญ ต้องสร้างและบริหารให้เป็น ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะป่วยหรือจะตกงานเมื่อไหร่ ควรประหยัดอดออมให้ได้มากที่สุด และบริหารเงินอย่างฉลาดให้มันงอกเงยเหมาะสม
- สร้าง connection มาก ๆ อย่างน้อยก็จะได้มีช่องทางอื่น ๆ ช่วยเหลือ
- รักษาสุขภาพ การทำงานประจำคือการเอาสุขภาพเอาเวลาไปแลกเงิน ใช้มากหักโหมมากสุดท้ายมันเสียหายก็ต้องเสียเงินรักษา บางทีอาจเป็นข้อจำกัดในการดำเนินชีวิต หรือรุนแรงจนเป็นโรคเรื้อรังได้
เรื่องพวกนี้ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย แต่มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดได้เสมอกับใครก็ได้ ซึ่งบางครั้งการไม่มีแผนรับมือที่ดี มันจะยิ่งทำให้สถานการณ์ย่ำแย่และรุนแรง ยิ่งอายุเลยหลัก 30 เริ่มมีครอบครัวมีภาระต่าง ๆ ควรเตรียมทางออกฉุกเฉินไว้เสมอ
- โกหกหน้าตาย Lie to me
เมื่อพูดถึงเรื่องการโกหกแล้ว มีหนังซีรีย์ฝรั่งเรื่องหนึ่งชื่อ Lie to me ซึ่งเกี่ยวกับการจับโกหก ในการสืบสวนสอบสวนคนร้าย หรือใช้ในทางธุรกิจ โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์ หน้าตาท่าทางแบบที่เรียกว่า micro expressions เพื่อวิเคราะห์ไปถึงจิตใจและความคิดของคนคนนั้น ประมาณว่าแค่ดูการตอบสนองจากหน้า และท่าทางที่มีต่อคำถามก็รู้แล้ว โดยที่ไม่ต้องพูดออกมา การโกหกล้วนเกิดหลังจากปฏิกิริยาตอบสนองอารมณ์ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์จำเป็น สมองสั่งการให้เอาตัวรอด ซึ่งส่วนใหญ่มีเป้าหมายเหมือน ๆ กันคือ เพื่อสร้างผลประโยชน์หรือข้อได้เปรียบเชิงบวกให้กับตนเอง ลองดูประโยคเหล่านี้ เช่น
“หุ้น CVA ผลประกอบการไตรมาสนี้ลดลง” เป็นจริง เพราะเห็นกันชัด ๆ
และ “แต่ยังไม่น่ากังวลเพราะอีกไตรมาสที่เหลือเราเชื่อว่าจะดี” เป็นเท็จ เพราะเป็นข้อคิดเห็น ซึ่งเอาแน่นอนไม่ได้ รู้ได้ยังไงว่ามันจะดี
จะพบว่าประโยคข้างต้นเวลาที่สื่อออกมา ประมาณว่าหุ้นไม่มีปัญหาทุกอย่างยังดี แต่ราคามันก็ไหลตกลงต่อได้อีกมาก ถ้ามีอคติเลือกที่จะเชื่อว่าหุ้นนี้จะต้องขึ้นเป็นรากฐานแล้ว หรือมีหุ้นนี้อยู่ติดดอยอยู่ สุดท้ายแล้วเราก็มักอยากจะเชื่อจะคล้อยตาม และต้องการจะซื้อเพิ่มอยากเก็บเพิ่ม เพื่อให้อยู่รอดในตลาดหุ้นอย่างปลอดภัยจากสิ่งเหล่านี้ ควรจะเรียนรู้ที่จะคิดอย่างมีสติก่อนเชื่อ แยกระหว่างข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นออกจากข้อมูลที่ได้มา ทำความเข้าใจในข้อมูล ควรตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับก่อนเสมอ ว่ามีข้อเท็จจริงมากน้อยเพียงไหน ที่สำคัญอย่าเสพข้อมูลข่าวสารจากแหล่งเดียว ควรเสพข้อมูลจากหลายแหล่ง เพื่อเป็นการตรวจทานกันและกัน
- ทุกวิกฤตมีโอกาส
LINE มีจุดกำเนิดมาจากเหตุการณ์วิกฤตสึนามิในประเทศญี่ปุ่น ตอนเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 บริเวณชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตราว 1.9 หมื่นคน ตอนนั้นโทรศัพท์ถูกตัดขาด เครือข่ายล่มจนโทรหากันไม่ได้ บริษัท Naver จึงทำโปรแกรมแชทแบบเล็ก ๆ เพื่อให้คนญี่ปุ่นได้สื่อสารกันผ่านทางข้อความได้ ในทุกวิกฤติมักมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ แม้ LINE จะเกิดจากความไม่ตั้งใจ เกิดจากเป้าหมายที่ไม่ได้เน้นเชิงธุรกิจ แต่ด้วยความทุ่มเททำโปรแกรมที่ดี และวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ที่ตัดสินใจต่อยอดสินค้า ให้ออกมาสู่ตลาดในเชิงรุกธุรกิจแบบเต็มร้อย มันทำให้ LINE ก้าวมายืนแถวหน้าของโปรแกรมฮิตติดสมาร์ทโฟนของโลกได้
บางทีการลงมือทำอะไรสักอย่าง ที่เริ่มต้นจากเป้าหมายที่อาจจะไม่ต้องใหญ่ หรือไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบพร้อมทุกอย่าง ขอให้มีวิสัยทัศน์กล้าลงมือทำแล้วทำอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ ยังไงเสียการต่อยอด และโอกาสสู่ความสำเร็จมันมีมาหาได้เสมอ
- ตลาดหุ้นและกลยุทธ์โปกเกอร์
การเล่นโปกเกอร์ เป็นการหัดเรื่องของจิตใจ เป็นแบบฝึกหัดทางจิตวิทยา และการบริหารจัดการเงินที่ดี โปกเกอร์ไม่ได้วัดการแพ้ชนะในเกมเดียว ต้องเล่นแบบ Long runเหมือนการวิ่งมาราธอน ต้องรักษากำไรที่ได้มาและสามารถยืนระยะ แล้วใช้ความได้เปรียบจากการเติบโตของเงินที่ได้ในพอร์ตให้เป็นประโยชน์ แนวคิดเหล่านี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการลงทุนในตลาดหุ้น ที่ผู้ชนะแท้จริงคือผู้ชนะในเกมระยะยาว มีอัตราการอยู่รอดได้ตลอดไปในหลาย ๆ ปี
ผู้ชนะไม่ใช่แค่ทำกำไรได้เยอะในเวลาอันสั้น ไม่ใช่การเสี่ยงหนักเพราะอยากรวยเร็ว ไม่ใช่ได้กำไรมามากยิ่งเสี่ยงมาก สุดท้ายพลาดหมดตัว ถ้าเป็นเช่นนั้นความยั่งยืนก็จะไม่เกิด อนาคตก็หนีไม่พ้นความยากจนอยู่ดี เกมแบบนี้ไม่ว่าจะหุ้นหรือโปกเกอร์ การเอาชนะในระยะยาวได้ไม่ใช่ดวงไม่ใช่เรื่องของเครื่องมือพิเศษ แต่มันเป็นเรื่องของแผนและกลยุทธ์ ที่ต้องฝึกฝนต้องควบคุมจิตใจของตนเองอย่างมีวินัย เพื่อทำตามแผนอย่างเคร่งครัด แนวคิดนี้จัดว่ามีประโยชน์มาก
- สอนลูกให้รวย
ปัจจุบันเรื่องของการเงินการลงทุน เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต ในอนาคตยุคที่อัตราดอกเบี้ยต่ำเงินเฟ้อเริ่มสูง การจะทำให้เงินทองที่หามาได้เติบโตงอกเงยและไม่ด้อยถอยค่า จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งนัก การที่ได้เข้ามาเป็นนักลงทุนพบว่า เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในเรื่องของการบริหารเงินออม เพื่อนำไปลงทุนให้เติบโต เพราะถ้าต้องการมีความมั่นคงทางการเงินในอนาคต การขยันทำงานอย่างเดียวไม่พออีกต่อไป การฝากความหวังกับการได้รับเงินเดือนเพิ่ม อาจจะไม่ใช่ทางออก การนำเงินทุนไปลงทุนในสินทรัพย์ ที่สามารถสร้างกระแสเงินสด เพื่อทำให้เงินต้นที่ลงไปเติบโต เช่น การลงทุนในหุ้น กองทุนรวม สิ่งเหล่านี้สามารถสร้างผลตอบแทนจากเงินออมให้งอกเงย สามารถเอาชนะอัตราเงินเฟ้อ
ความมั่นคงทางการเงินจะเกิดได้ง่าย ถ้าเริ่มต้นได้เร็วตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ร่ำรวย มีมรดกตกทอดให้ลูกหลานใช้แบบมหาเศรษฐี แต่ความรู้และคำสอนจะเป็นทรัพย์สินอย่างดี ที่ติดตัวลูกไปจนตาย เพื่อสร้างวิธีคิดในการบริหารจัดการเงินให้ลูกทำต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้สร้างพื้นฐานและภูมิคุ้มกันทางการเงินให้ลูกได้เป็นอย่างดี จะสอนให้ลูกออมเงินได้ใช้เงินเป็น และสามารถลงทุนทำให้เงินมอบเงย เพื่อความมั่นคงทางการเงิน และสิ่งเหล่านี้เป็นเกราะคุ้มกัน ให้เขาได้ใช้ชีวิตแบบไม่ลำบาก จากการขาดแคลนเงินในอนาคต
- ท่ายากมากไปก็ไม่ดี
ความเป็นจริงไม่ใช่เรื่องของฉลาด หรือเก่งอะไรอย่างเดียว แต่การจะเอาตัวรอดสร้างกำไรให้ต่อเนื่องนั้นเป็นเรื่องไม่ง่าย ด้วยความไม่ง่ายที่มือใหม่ต้องเผชิญ ทำให้เขาคิดว่าจะทำกำไรได้นั้นต้องใช้ท่ายาก ใช้เครื่องมือกระบวนการที่ซับซ้อนยุ่งยากเสมอ ยิ่งซับซ้อนยิ่งยากยิ่งมีโอกาสกำไรมาก แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึง หรือใช้อย่างไม่เข้าใจ ก็ทำให้ล้มเหลวได้ เรื่องกระบวนการและเครื่องมือเป็นเพียงส่วนหนึ่ง และส่วนน้อยที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ เพราะการจะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นนั้น ต้องโฟกัสในส่วนอื่น ๆ ที่สำคัญ นอกเหนือจากการซื้อขายด้วย ได้แก่ การบริหารจัดการเงิน (Money Management) เพื่อทำให้รับมือกับความเสี่ยงที่พอดี รักษาเงินทุนและอยู่รอดได้ในตลาด
ส่วนที่สำคัญมากคือเรื่องของจิตใจ บางคนเก่งวิเคราะห์เก่งโชว์ท่ายาก แต่เอาเข้าจริงไม่กล้าซื้อไม่กล้าตัดสินใจ เพราะไม่สามารถเอาชนะจิตใจได้ แบบนั้นก็ไม่มีประโยชน์ ควรลดเวลาในการสร้างความซับซ้อนในเครื่องมือและกระบวนการลง ใช้เวลามาเรียนรู้การบริหารจัดการความเสี่ยงให้เหมาะกับทุน และฝึกฝนพัฒนาเรื่องของจิตใจให้นิ่งและสงบ ไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์จะดีกว่า
- ใครก็อยากรวย American Dream
ในหนังเรื่อง American Dream in China ในโลกทุนนิยม คนจนฝันอยากจะรวย อยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้นเสมอ ตรงนี้ Peter Chan จับเอามาเป็นประเด็นเดินเรื่อง โดยทำหนังจากเค้าโครงชีวิตจริงของอู่ หมินหง (Yu Minhong) ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ New Oriental Education & technology Group Inc. ในวัยต้น 20 ที่สร้างอาณาจักรธุรกิจเงินล้านจากความชอบในการสอนภาษา เขาทำธุรกิจสถาบันสอนภาษาอังกฤษยอดนิยมอันดับ 1 ของจีน มีสถาบันกวดวิชาอยู่ถึง 68 แห่งใน 49 เมือง มากที่สุดในประเทศจีน จนกลายเป็นมหาเศรษฐีระดับโลก
ชีวิตเขาไม่ราบเรียบ มีอุปสรรคและปมชีวิตมากมาย เขาสอบไม่ติดมหาวิทยาลัยต้องพยามอยู่ถึง 2 ครั้ง กว่าจะเข้าคณะอักษรศาสตร์ ภาควิชาภาษาอังกฤษ ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ด้วยความฝันที่อยากจะไปอเมริกา จึงตั้งใจฝึกฝนภาษาอังกฤษอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถขอวีซ่าผ่าน ทำให้เขาผันตัวมาสอนภาษาอังกฤษ และสานต่อความฝันของเด็กชาวจีนคนอื่น ๆ ที่ต้องการไปศึกษาต่อหรือไปทำงานต่างประเทศ
หนังเรื่องนี้ทำออกมาได้สนุกและมีสีสันมาก ชีวิตของตัวละครนำ มีวิธีคิดและเป้าหมายที่ใหญ่ ดูแล้วจะมีแรงฮึดแรงผลักดัน ให้ลุกขึ้นมาทำตามฝัน ด้วยเป้าหมายที่จะเปลี่ยนชีวิต จะเปลี่ยนฐานะของตัวเองอย่างแน่นอน
Part 2 เล่นหุ้นให้ได้อย่างเซียน
- แกะรอยเซียน : Jim Rogers
Jim Rogers คนนี้เป็นเซียน Commodity ระดับโลก ปัจจุบันเขาเป็น Rogers Holding and Beeland Interest, Inc. ประมาณว่าเขามีสินทรัพย์ $300 ล้านเหรียญสหรัฐ เขาลงทุนในหลายตลาดทั้งค่าเงิน สินค้าเกษตร และน้ำมัน จิมมองว่าเอเชียนี่แหละกำลังจะมาใน 3 ทศวรรษหน้า เพราะเป็นเจ้าหนี้เป็นเจ้าของเงินรายใหญ่ในโลก ปี 1998 เขาพัฒนา Rogers International Commodity index ดัชนีแบบผสมสำหรับ Commodity Futures เขาเป็นเซียนอีกคนที่ชำนาญการลงทุนในตลาด Commodity และคลุกคลีอยู่กับตลาดนี้มามากกว่า 15 ปี
เรื่องราวของ Jim Rogers มีอะไรให้ศึกษามากมาย โดยเฉพาะแนวคิดการลงทุน ประเด็นเรื่องการเรียนรู้ด้วยตนเอง เรียนรู้จากความผิดพลาด การทดลองผิดถูกเพื่อหาประสบการณ์ เมื่อเขาอยากรู้จักเอเชีย Jim Rogers ไม่ใช่แค่อ่านเรื่องของเอเชีย แต่เขาเดินทางไปสัมผัสไปพำนักไปเรียนรู้ จนเขาเริ่มมั่นใจในสิ่งที่เขาสังเคราะห์ได้ในหลายเรื่อง เขาจะลงมือปฏิบัติก่อนพูด ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่สามารถนำไปใช้ได้เป็นอย่างดี
- แกะรอยเซียน : รวยอย่าง Ray
Ray Dalio เขาเป็นนักลงทุน เป็นผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Bridgewaler Associates กองทุนป้องกันความเสี่ยงยักษ์ใหญ่ระดับต้น ๆ ของโลก บริหารสินทรัพย์ขนาด 122 พันล้านเหรียญสหรัฐ
แนวคิดการลงทุนของ Ray Dalio มีแนวทางการลงทุนที่ชัดเจน โดยเน้นการลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยง เขาใช้เครื่องมือทางการเงินในการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ สอดรับกับกลยุทธ์โดยกระความเสี่ยงการลงทุนไปยังหุ้นและสินทรัพย์ต่าง ๆ โดยดูจากพื้นฐาน ทำความเข้าใจสินค้านั้น ๆ ใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ด้านราคา และปริมาณการซื้อขาย เพื่อหาจังหวะการลงทุนที่ดี สอดคล้องกับโมเดล Macro View เฉพาะที่เขาพัฒนาจากประสบการณ์ เป็นองค์ความรู้ในการวิจัยตลาดทุนและตลาดเงิน
การฝึกสมาธิ Ray Dalio มีปรัชญาในการดำเนินชีวิตแบบเรียบง่าย เขาเน้นที่การศึกษา และฝึกจิตใจด้วยการทำสมาธิ ซึ่งเขาบอกว่ามีส่วนช่วยมากในการทำงานและการลงทุน เน้นการฝึกจิตแบบเรียบง่าย และเน้นการทำจิตให้สงบ สำหรับนักลงทุนที่อยากประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะเรื่องมุมมองทางพัฒนาตนเอง การฝึกจิต การควบคุมจิตใจ โดยเราสามารถเรียนรู้และยึดหลักการดำเนินชีวิต การทำงาน การสร้างความมั่นคง และการฝึกพัฒนาตนเองแบบ Ray Dalio เป็นแม่แบบได้เป็นอย่างดี
- แกะรอยเซียน : Jesse Livermore
อาจจะไม่ใช่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากมาย เพราะชีวิตการลงทุนของเขาเกือบ 20 ปีค่อนข้างจะผาดโผน มีจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด เคยรวยระดับเงินล้านจากตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ และเคยผิดพลาดล้มเหลวจนขาดทุนหมดตัวล้มละลายมาแล้วเช่นกัน แนวคิดหลักของเขาคือ เรื่องการอย่าขาดทุน รวมไปถึงการรับมือกับการขาดทุน ที่สมัยนั้นมีคนใช้แนวคิดนี้ไม่มาก เขาเป็นคนที่วางแผนรับการขาดทุนล่วงหน้าเสมอ เขายอมเสี่ยงที่จะซื้อหุ้นทีละน้อย ๆ เพื่อดูความแข็งแกร่งของราคาหุ้น ถ้าผิดทางก็ไม่เสียดายที่ขายขาดทุนเล็กน้อย เป็นคนที่ไม่ลงทุนในหุ้นหลายตัว เขาเน้นที่การโฟกัสไปที่หุ้นบางตัว และใช้เวลาในการศึกษาพฤติกรรมราคาหุ้นจนเข้าใจ จึงจะทำการทยอยซื้อลงทุน และยอมปล่อยให้กำไรเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ตามแนวโน้มราคาหุ้น (Let’s profit run)
สุดท้ายคือแนวคิดการรักษากำไรไว้ในรูปเงินสด เพื่อเป็นทุนสำรองไว้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่นำเงินกำไรไปเล่นในหุ้นต่อเนื่องจนหมด เขาอาจจะไม่ได้จบแบบสวยหรู แถมเขายังมองว่าชีวิตตัวเองนั้นล้มเหลว แต่ถ้าพิจารณาเรื่องราวที่ผ่านมาของเขาดี ๆ จะพบว่าแง่คิดต่าง ๆ นั้นเป็นเรื่องคลาสสิค และยังสามารถประยุกต์ใช้ได้ในปัจจุบัน ที่สำคัญหลายข้อผิดพลาดของเขา ยังเป็นบทเรียนที่ดีสอนใจได้อีกด้วย
- แกะรอยเซียน : Nicholas Darvas
Nicholas Darvas เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จระดับเศรษฐีเงินล้านจาก Wall Street ผู้ที่ลงทุนทำเงิน 25,000 เหรียญไปเป็น 2,250,000 เหรียญในเวลา 3 ปี และเขายังเป็นผู้เขียนหนังสือยอดนิยมเล่มหนึ่ง ในหมวดการเงินการลงทุนหนังสือชื่อ How I Make $2,000,000 in the Stock Market ซึ่งยังคงเป็นที่นิยม และมีการนำมาใช้กันมากมายในปัจจุบัน เขาเกิดและโตที่ฮังการี เรียนจบมาทางด้านเศรษฐศาสตร์จาก University of Budapest
Nicholas ใช้เงินเก็บจำนวน 3,000 เหรียญเข้าซื้อหุ้นตัวแรกคือ Brilund หุ้นเหมืองสัญชาติแคนาดา 2 เดือนต่อมาราคาหุ้นพุ่งไปเกือบ 3 เท่า ทำให้ Nicholas มีกำไรจากการซื้อหุ้นครั้งนั้น และทำให้เขาสนใจและและมุ่งมั่นที่จะเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้น แต่แน่นอนว่าตลาดหุ้นไม่เคยง่ายและปราณีใคร เขาใช้เงินกู้มาร์จิ้นในอัตราเกือบ 50% เทรดหุ้นเหมือนเป็นการพนัน เข้าซื้อหุ้น Jones and Laughlin ในปี 1955 ที่เขาเชื่อมั่นว่าเป็นหุ้นที่ดี มีค่า PE ไม่สูง อัตราปันผลดี อุตสาหกรรมเติบโต และมีคนนิยม เขามั่นใจในการลงทุนครั้งนี้มาก ถึงกับทุ่มเงินลงทุนมากกว่า 50,000 เหรียญโดยใช้เงินกู้
แต่แล้วไม่กี่เดือนต่อมา ราคาหุ้นร่วงลงมาเกือบครึ่งจากราคาต้นทุน การขาดทุนหนักครั้งนั้น ทำให้เขาเข้าใจว่า ไม่มีใครสามารถคาดเดาตลาด และคิดทบทวนวิธีการลงทุนใหม่ทั้งหมด หลังจากกลับไปนิวยอร์กอีกครั้งในปี 1959 Nicholas สามารถทำกำไรจากการลงทุนถึง 500,000 เหรียญทำให้หลายคนสนใจ และกล่าวถึงการพัฒนาฝีมือของเขาอย่างมาก เขายังคงยึดมั่นในระบบการลงทุนของเขาที่เรียกว่า Dravas Box System อย่างต่อเนื่อง ทำให้พอร์ตลงทุนของเขาโตถึงระดับ $2,450,000 เหรียญ
Nicholas บอกชัดเจนว่าเขาเป็นนักลงทุนสาย Techno-Fundamentalist คือใช้ทั้งทักษะและความสามารถในการเลือกหุ้น เขามีแนวคิดการลงทุนที่ชัดเจนคือ การเลือกที่จะวิเคราะห์หุ้นเอง แทนการฟังหรืออ่านจากบทวิเคราะห์ และซื้อตามแบบนักลงทุนคนอื่น ๆ ในตลาด โดยพิจารณาจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำลังอยู่ในวัฏจักรขาขึ้น และมีอนาคตเป็นหลัก โดยจะเข้าซื้อที่ราคาไม่แพงมากเกินไปแบบเป็นช่วง ๆ เขานิยมใช้กราฟเป็นตัวหลัก ในการพิจารณาการเคลื่อนที่ของราคา เขาจะมีจุดหยุดขาดทุนเสมอ เมื่อราคาเคลื่อนไปก็จะขยับจุดหยุดขาดทุนตามไปเรื่อย ๆ และจะทำกำไรจนกว่าหมดรอบแนวโน้มใหญ่
แนวคิดของเขาในตอนนั้นถือว่าค่อนข้างใหม่ การเล่นตามระบบและการมีวินัย สามารถทำให้เขาทำกำไรได้จริง Nicholas Darvas จึงเป็นนักลงทุนตัวอย่างอีกคนที่สามารถศึกษา เรียนรู้กระบวนการคิด และระบบการลงทุนของเขาได้ เพราะระยะเวลาที่ยาวนาน ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แนวทางการลงทุนที่เขาคิดค้นไม่ใช่เรื่องผิด และมันสามารถประยุกต์ใช้ได้จริงในตลาดหุ้น
- แกะรอยเซียน : legend of Quants : James Simons
James Simons เป็นเจ้าของ Renaissance Technologies บริหารกองทุน Hedge Fund ที่ใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลกเป็นเฮดจ์ฟันด์สาย Quants เน้นการใช้โมเดลคณิตศาสตร์ในการลงทุนเป็นหลัก เขาหลงใหลคณิตศาสตร์และเป็นนักคณิตศาสตร์ระดับหัวกะทิของอเมริกา ปัจจุบันมีสินทรัพย์ถึง $10.6 billion ถึงเขาจะแก่แต่ก็เก๋าเกมจัดเป็นบุคคลในตำนาน และเป็นที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งของโลก Quants เป็นคำย่อมาจาก Quantitative Analysis ที่นำข้อมูลเช่น ราคา ปริมาณการซื้อขายบนช่วงเวลา นำมาผ่านสมการคณิตศาสตร์ เพื่อประเมินผลทั้งแบบการหาค่าความสัมพันธ์ สหพันธ์ระหว่าง 2 ตัวแปร ติดตามรูปแบบการเคลื่อนที่ และพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงของราคา รวมถึงการพยากรณ์แนวโน้มในอนาคต เป็นต้น จุดเด่นของ Quants แบบใช้ระบบเทรดคอมพิวเตอร์อัตโนมัติ จะลดข้อจำกัดของนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ รวมถึงสามารถแก้ปัญหาข้อจำกัดของร่างกายและการคิด การประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก หรือการต้องติดตามหาจังหวะเข้าซื้อขายหุ้น เพื่อให้ได้ผลตอบแทนดีที่สุด
- แกะรอยเซียน : Robert W. Wilson เฮดจ์ฟันด์นักบุญ
Robert Wilson ใช้เวลาโลดแล่นอยู่ในวอลล์สตรีทยาวนานถึง 50 ปี ในปี 1969 ได้ก่อตั้งบริษัทกองทุนป้องกันความเสี่ยงเฮดจ์ฟันด์ของตัวเองชื่อ Willson & Associates สร้างเงินและผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุนในกองทุนของเขา โดยเขามีสินทรัพย์สุทธิสูงสุดถึง $800 million และเกษียณตัวเองในปี 1986 ออกมาทำงานการกุศล แต่เขาก็ใช้ชีวิตแบบค่อนข้างธรรมดาไม่ฟุ้งเฟ้อ เขายังเป็นผู้จัดการกองทุนเงินล้าน ที่นั่งรถไฟใต้ดินไปทำงาน มีชีวิตแบบพอเพียง ไม่ใช้เงินเพื่อซื้อความสุข จึงทำให้เขามีเงินเหลือจำนวนมากในการทำการกุศล
23 ธันวาคม 2013 หลังจากที่เขาป่วยหนัก และทรมานจากการเป็นโรคเส้นเลือดสมองตีบ เขาจบชีวิตตัวเองลงด้วยการกระโดดจากชั้น 16 ของอาคาร San Remo Apartment เขาเองไม่มีลูกและหย่าร้างกับภรรยา จึงยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดมูลค่าถึง $500 million บริจาคแก่สาธารณะในโครงการการกุศล และผ่านกองทุนการกุศลที่ช่วยเหลือผู้ยากจน Robert Wilson เป็นตัวอย่างที่ดีในแง่การใช้งานสร้างความสุขทางใจ และความสุขด้วยการให้แบบไม่หวังผลตอบแทน
Robert Wilson จากไปแบบไม่มีลูกหลานให้อาลัย แต่คนจำนวนมากหลายร้อยหลายพันคน ที่ได้รับความช่วยเหลือจากเขาจะจดจำ และกล่าวถึงการเสียสละและการให้ของเขาตลอดไป
- แกะรอยเซียน : Dr. Van K. Tharp บทเรียนผู้ชนะ
Dr. Van มีประวัติที่น่าสนใจมาก เขาเรียนจบปริญญาเอกมาทางด้านจิตวิทยาในปี 1982 เขาเริ่มเข้างานในตลาดหุ้น พร้อมไปกับการทำงานวิจัยด้านจิตวิทยาการลงทุน ที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างเครื่องมือแบบทดสอบทางจิตวิทยา กับกลุ่มนักลงทุนและนักเก็งกำไรในตลาดหุ้นสหรัฐ เป้าหมายคือหากระบวนการกลยุทธ์ทางจิตวิทยา ที่จะพัฒนาคนธรรมดาสามัญให้กลายเป็นเซียนหุ้นที่ประสบความสำเร็จในโลกการเงิน
แรงบันดาลใจหลักในการทำการวิจัยพัฒนาด้านจิตวิทยาการลงทุนนั้นมาจากตัวเขาเอง ที่เคยเป็นผู้แพ้ขาดทุนย่อยยับจากตลาดหุ้นตลาดออพชั่น (Options) มาก่อน เขาจึงตั้งคำถามที่ว่า เหล่าบุคคลที่ประสบความสำเร็จ มีอะไรที่แตกต่างจากคนทั่วไป โดยเขาเรียนรู้และพบสิ่งที่พิเศษในเราผู้ชนะหลายด้าน ที่เป็นคุณสมบัติซึ่งสามารถปลูกฝังหรือบ่มเพาะบ่มพัฒนาได้ เช่น เรื่องการตัดสินใจภายใต้ภาวะความกดดัน การควบคุมตัวเอง การรับมือทางอารมณ์ ทัศนคติในการคิดบวก และการสร้างวินัย เป็นต้น ซึ่งเคล็ดลับของผู้ชนะที่ Dr. Van เขียนไว้มี
ข้อที่ 1 การมีวินัย วินัยเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะการปฏิบัติตามแผนที่วางไว้
ข้อที่ 2 มองภาพใหญ่ หวังผลกำไรในระยะยาว ต้องรู้จักให้กำไรเติบโต รอคอยให้เป็น สำคัญเมื่อผิดพลาดผิดทางให้รู้จักหยุดขาดทุน (Stoploss) เพื่อจำกัดความเสี่ยง
ข้อที่ 3 จงใช้ระบบในการซื้อขาย trading system มีบทบาทมากในการสนับสนุนการตัดสินใจ เมื่อภาวะความกดดันหรือการบีบคั้นเข้ามากระทบ
ข้อที่ 4 ควบคุมความเสี่ยง วางแผนขนาดของการวางเงินเข้าซื้อขายหุ้น (Position size) ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้
ข้อที่ 5 ติดตาม สังเกต อารมณ์และจิตใจ หมั่นพัฒนาฝึกฝนให้จิตใจแข็งแกร่ง มีพลัง และรับมือกับความกดดัน ความบีบคั้นทางอารมณ์ให้ได้
- แกะรอยเซียน : Mark Douglas : Being in the zone
Mark Douglas เป็นเทรดเดอร์หรือนักเก็งกำไรคนหนึ่งของโลก ที่มีเส้นทางชีวิตน่าสนใจมาก ในปี 1978 Mark Douglas ได้รู้จักกับโบรกเกอร์คนหนึ่ง ที่ชักชวนให้เขาเข้ามาในตลาดหุ้น ในปี 1981 เขาจึงตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต ด้วยการลาออกจากบริษัทประกัน แล้วย้ายมายังเมืองชิคาโก้ เพื่อทำงานเป็นโบรกเกอร์ตัวแทนขายหลักทรัพย์ให้กับ Merrill Lynch โดยหวังที่จะได้ใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับตลาดหุ้น ได้ศึกษาและได้เข้าถึงแหล่งข้อมูลที่ดีกว่าการเป็นคนวงนอก
แต่หลังจากผ่านไปได้ 9 เดือน เขาต้องเจอกับปัญหาการขาดทุนหนักและขาดทุนต่อเนื่อง เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเขา แต่เขาเองไม่ยอมแพ้เปลี่ยนความล้มเหลวให้เป็นพลังแล้วลุกขึ้นสู้ต่อ โดยเขานำบันทึกของตัวเองมาวิเคราะห์ เพื่อศึกษาจากข้อผิดพลาดในอดีต และพยายามหาทางปรับปรุงแก้ไข จน 5 ปีต่อมาเขาสามารถอยู่รอด และสร้างผลตอบแทนที่ต่อเนื่องจากตลาดได้ สิ่งหนึ่งที่คุณ Mark ได้สรุปเป็นบทเรียนสำคัญ ที่ถ่ายทอดแล้วใช้สอนเทรดเดอร์ต่อ ๆ กันมาคือเรื่องของจิตใจ
การจะประสบความสำเร็จหรืออยู่รอดในตลาดหุ้นระยะยาวได้ การเอาชนะจิตใจตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ เป็นที่มาของคำว่า in the zone คำนี้เป็นการอธิบายสถานะของจิตที่สงบนิ่ง ปราศจากความกลัว ความวิตกกังวล และปราศจากความขัดแย้ง อันเกิดจากการแทรกแซงจากอารมณ์ที่มาจากสิ่งเร้าภายนอก ถ้านักเก็งกำไรสามารถทำให้ภาวะจิตใจตัวเองเป็นเช่นนี้ได้ โอกาสจะประสบความสำเร็จก็จะมีสูง
- แกะรอยเซียน : Bruce Kovner : Never risk more than 1%
Bruce Kovner เขาเป็น CEO และ Funder ของเฮดจ์ฟันด์ Caxton Associate ที่มีสินทรัพย์บริหาร $14 billion เป็นสุดยอดเฮดจ์ฟันด์อันดับต้น ๆ ของโลก เขาเองจัดได้ว่าเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งของโลก โดยมีสินทรัพย์โดยประมาณ $4.5 billion เปลี่ยนฐานะจากชนชั้นกลางธรรมดามาเป็นเศรษฐีพันล้านจากตลาดเงินตลาดทุน
Bruce Kovner อดีตนักเก็งกำไรระดับแถวหน้าของอเมริกา ชำนาญมากในตลาดค่าเงินและตลาดล่วงหน้า ก่อนผันตัวมาเปิดเฮดจ์ฟันด์ และทำหน้าที่บริหารเงินให้กับนักลงทุนตามโมเดลกลยุทธ์การเก็งกำไรแบบ Global Macro Strategies เป็นเซียนที่สอนเรื่องของการบริหารความเสี่ยงได้ดี เขาอธิบายกฎการวางหน้าตัก การยอมให้ความเสี่ยงในการเข้าถือสถานะไม่เกิน 1% ของเงินที่มี นั่นคือโมเดลที่จำกัดความเสี่ยงให้อยู่หมัด และสอนให้เราเห็นว่า การอยู่รอดในตลาดสำคัญกว่าการทำกำไรให้เงินเยอะ ๆ เร็ว ๆ แบบที่เห็นกันทั่วไปในเหล่าผู้แพ้
- แกะรอยเซียน : George Soros : ทฤษฎีสะท้อนกลับ (Reflexivity)
George Soros เศรษฐีพันล้านระดับโลก ที่ร่ำรวยมาจากการเก็งกำไรในค่าเงิน หุ้น และอนุพันธ์ ที่เริ่มต้นมาจากคนชั้นกลางธรรมดา ปี 1959 ย้ายไปทำงานเป็นนักกลยุทธ์ให้กับ Wertheim & co. ระหว่างนั้นเขาทุ่มเทและหมกมุ่นกับการพัฒนาโมเดลเชิงปรัชญา ซึ่งใช้อธิบายพฤติกรรมของตลาด วัฏจักร และการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมราคา อันเกิดจากการกระทำของนักลงทุนที่มีผลจากการตีความเรื่องมูลค่าสินค้าที่แตกต่างกัน โดยเรียกว่า ทฤษฎีสะท้อนกลับ (Theory of Reflexivity) ซึ่งพัฒนาบนรากฐานแนวคิดของ Karl Popper
แนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจคือ การบริหารความเสี่ยง โซลอสพูดเสมอว่า ความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญในตลาดเก็งกำไร สำคัญมากกว่าการทำกำไร การรักษาเงินทุนอยู่รอดในตลาด ก่อนคิดทำกำไร แนวคิดนี้เป็นแนวทางที่ดีสำหรับนักเก็งกำไรอาชีพ ลบล้างความเชื่อผิด ๆ ที่ว่านักเก็งกำไรต้องบ้าความเสี่ยง ใจร้อน แท้จริงแล้วนักเก็งกำไรอาชีพ คือคนที่ใจเย็น จิตใจมั่นคง และตระหนักเข้าใจความเสี่ยงที่เกิดเป็นอย่างดี George Soros เป็นตัวอย่างที่สามารถพิสูจน์และเห็นได้ชัดในข้อนี้
Part 3 เจาะกลเม็ดเด็ดจาก 10 หนังหุ้นที่ทำเงินให้นักลงทุน
10 หนังหุ้นที่นักลงทุนไม่ควรพลาด ซึ่งเป็นหนังเกี่ยวกับชีวิตคน หรือหนังบอกเล่าเรื่องราวในสาขาอาชีพต่าง ๆ หนังเหล่านี้มักให้อะไรมากกว่าความบันเทิง มันมักจะแฝงแง่คิด แฝงมุมมองและแรงบันดาลใจดี ๆ ดูหนังเหล่านี้จบแล้วลองนั่งนิ่งหลับตาทบทวนบทสรุป จะมองเห็นที่มาที่ไปและผลลัพธ์สุดท้ายที่เกิดขึ้น มันจะทำให้เราได้คิด และไม่ทำพลาดทำผิดเหมือนตัวละครในหนัง
- The Shawshank Redemption
อิสรภาพทางการเงิน คำนี้เป็นคำที่นักลงทุนหลายคนถวิลหาอยากได้มาครอบครอง แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถได้มาง่าย ๆ ต้องต่อสู้ต้องดิ้นรนและต้องพยายามอย่างหนัก เพื่อไปถึงเป้าหมายนั้น The Shawshank Redemption เป็นเรื่องราวของนักโทษชื่อ Andy Dufresne นายธนาคารหนุ่มอนาคตไกล ที่ต้องเข้ามาอยู่ในคุกด้วยคดีฆ่าคนตาย โดยเขาถูกกล่าวหาว่าลงมือฆ่าภรรยาและชายชู้ แต่ Andy ปฏิเสธข้อกล่าวหานั้นมาตลอด โดยเขาเชื่อว่าเขาถูกใส่ร้าย ต่อเมื่อจำนนด้วยหลักฐานก็ต้องถูกดำเนินคดีติดคุก ย้ายมาอยู่ในคุก Shawshank ตลอดชีวิต Andy เปลี่ยนความหดหู่ความหมดหวัง มาเป็นพลังมาเป็นแรงใจในการพยายามเอาตัวรอด และหนีออกจากคุก Shawshank ซึ่งเป็นคุกที่เข้มงวดไม่มีใครแหกหนีออกมาได้สำเร็จ
ข้อคิดที่ได้จากหนัง
- อย่าละทิ้งความหวัง ความสำเร็จเป็นสิ่งที่ไม่ได้มาง่าย ๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ ในคนที่พยายามอย่างต่อเนื่องและไม่หมดหวัง
- มีเป้าหมาย มีแผน การมีเป้าหมายทำให้เราใช้ชีวิตแบบมีความหวัง การมีแผนทำให้เราสามารถบริหารจัดการเวลาได้เป็นอย่างดี
- การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด จะเห็นว่าในคุกทรัพยากรทั้งหลายมีจำกัด การดัดแปลงใช้สิ่งที่มีให้เกิดประโยชน์อย่างมากที่สุด ถ้าเข้าใจในความเป็นจริง ยอมรับความผิดพลาดที่เกิด และปรับปรุงหาทางออก มันจะเกิดการเรียนรู้เกิดการพัฒนา
การเป็นนักลงทุนรายย่อย เงินคือทรัพยากรที่มีจำกัด การทำงานไปด้วยลงทุนในตลาดหุ้นไปด้วย เวลาคือทรัพยากรที่มีจำกัด ดังนั้นลองหากระบวนการบริหารจัดการ ทรัพยากรทั้งสองนี้ให้คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด
- Wall Street 1 (1987)
Wall Street 1 เป็นหนังที่นักลงทุนหรือนักเก็งกำไร ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ด้วยตัวเรื่องที่ดูสนุก ในแบบการชิงไหวชิงพริบในสงครามการเงิน บวกกับแง่คิดที่แฝงให้เห็นถึงจุดจบของความโลภ และการติดกับวัตถุ มันยิ่งเป็นสารกระตุ้นเตือนใจชั้นดีให้เราตระหนักรู้ Wall Street เปิดเรื่องด้วย Bud fox นายหน้าค้าหุ้นหนุ่มที่ต้องการสร้างเงินสร้างฐานะให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันที่สูง และการต้องเอาตัวรอดใน Wall Street เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะหาจับลูกค้ารายใหญ่ และพยายามจะสร้างผลตอบแทนจากค่านายหน้าให้มาก
ข้อคิดที่ได้จากหนัง
- ความโลภคือหนทางสู่หายนะ เมื่อยิ่งโลภยิ่งอยากได้มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ
- ผู้แข็งแกร่งคือผู้อยู่รอด ตลาดหุ้นคือการแข่งขัน การแย่งชิงความได้เปรียบเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องแข่งขันแย่งชิง
- เงินไม่ใช่สิ่งที่มีค่าที่สุดในโลก เงินซื้อความสุขทางจิตใจที่ยั่งยืนไม่ได้
60. Wall Street 2 : Money Never Sleeps (2010)
Wall Street 2 เรื่องราวเกี่ยวกับตลาดหุ้นที่สะท้อนภาพของความโลภ และอำนาจของเงินที่มาจากตลาดหุ้นได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญหนังเรื่องนี้ยังมีบทเรียนมากมาย ที่ตรงกับความเป็นจริงในตลาดหุ้น ที่สามารถนำมาเป็นกรณีศึกษา และใช้เป็นบทเรียนในการลงทุนได้อีกด้วย Wall Street เป็นหนังที่มีทั้งหมด 2 ภาค เนื้อเรื่องไม่ต่อกันทั้งหมด แม้จะไม่ได้ดูภาค 1 ก็สามารถดูภาค 2 รู้เรื่องแน่นอน โดยทั้งสองภาคนั้นมีตัวละครเด่นคือ กอร์ดอน เก๊กโก้ (Gordon Gekko) เจ้าของวลียอดฮิต Greed is good เป็นตัวเดินเรื่องที่สำคัญ
หนังเปิดเรื่องด้วยฉากเก๊กโก้เดินออกจากคุก หลังต้องรับโทษจองจำเป็นเวลา 10 ปี แน่นอนว่าเมื่อเขาพ้นโทษชายแก่คนนี้ก็ยังคงเป็นตำนานของตลาดหุ้น Wall Street เขายังคงได้รับการยอมรับ มีหนังสือขายดี และมีโอกาสได้เดินสายบรรยายเรื่องราวต่าง ๆ จนมาพบกับพระเอกที่งานสัมมนาในมหาวิทยาลัยที่เจ็คเรียนจบ พระเอกคือเจ็ค มัวร์ นักวิเคราะห์หุ้นอุตสาหกรรมพลังงานจากบริษัทหลักทรัพย์หนึ่งใน Wall Street
เจ็คเข้าไปแนะนำตัวเนื่องจากแฟนสาวของเขาที่ชื่อวินนี่ เป็นลูกสาวคนเดียวของเก๊กโก้ ทั้ง 2 ได้คุยกันและสร้างความสัมพันธ์เบื้องต้นขึ้นมา เจ็คต้องการเรียนรู้จากเก๊กโก้ เพราะต้องการสร้างฐานะ ต้องการรวย ส่วนเก๊กโก้ อาศัยเจ๊คเพื่อได้ใกล้ชิดกับลูกสาว และใช้เจ๊คในการหาผลประโยชน์ โดยที่เจ๊คไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังเล่นกับไฟ และโดนเก๊กโก้หลอกใช้อยู่
ข้อคิดที่ได้จากหนัง
- โลภมากลาภหาย มนุษย์ทุกคนมีความโลภ แต่ความโลภจำเป็นต้องมีขอบเขตและมีการควบคุม
- อย่ามั่นใจอะไรเกินไป ความมั่นใจทำร้ายเราได้เสมอ ถ้าปราศจากการไตร่ตรองและประเมินความเสี่ยง
- ลงทุนต้องใช้สมอง
- ฟองสบู่คือนิรันดร์ เมื่อไหร่ที่ความโลภเข้าครอบงำตลาด มันชี้นำให้เกิดการแห่กันไปลงทุน แห่กันเข้าไปเก็งกำไรของนักลงทุน
- เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด นั่นคือสัจธรรมและแง่คิดที่ดี ที่หนังเรื่องนี้แฝงไว้ ชีวิตในระบบทุนนิยม การมีเงินก็คือมีอำนาจ มันจึงทำให้คนพยายามแสวงหาเงินมาครอบครองให้ได้มากที่สุด
- ตัวเลขในใจเท่าไหร่ถึงจะพอ บางคนอยากมีสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน เมื่อพิชิตเป้าหมายนั้นได้ ก็มักจะมีความอยากความต้องการมากไปอีกไม่รู้จบ จริง ๆ คำว่าพอมันมีความหมายในตัวอยู่แล้ว เมื่อเราหยุดต้องการ หยุดอยากได้ เมื่อนั้นแหละก็คือพอ
61. A Beautiful Mind
เรื่องนี้เป็นหนังที่สร้างจากชีวประวัติของ จอห์น ฟอบส์ แนช จูเนียร์ (John Forbes Nash, Jr.) หรือ จอห์น แนช ผู้เป็นนักคณิตศาสตร์รางวัลโนเบล ผู้คิดค้นทฤษฎีเกม (Games Theory) แนวคิดการหาผลประโยชน์ร่วมกัน โดยที่ทุกฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์ หนังนำเสนอเรื่องราวของ จอห์น แนช ได้อย่างน่าสนุกและประทับใจ
ข้อคิดที่ได้จากหนัง
- อย่าปล่อยให้อัตตามาทำร้ายตัวเรา พยายามทำตัวให้เล็ก ละอัตตาเรียนรู้อะไรใหม่จากเพื่อน จากตำรา จากคนรอบตัว ถ้าเราทำได้ การพัฒนาทักษะความสามารถในการลงทุนก็จะเพิ่มพูนขึ้น
- เรียนรู้และหมั่นเป็นคนช่างสังเกต เพื่อสร้างเป็นองค์ความรู้เฉพาะตัว ซึ่งจะทำให้สามารถรับมือ และใช้องค์ความรู้นั้นในการสร้างผลกำไรต่อไปได้
- ความเข้าใจและการยอมรับจากครอบครัว คนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญ และต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ
62. Inside Job
เป็นหนังสารคดีที่สร้างจากเรื่องจริง ตีแผ่ต้นตอของปัญหาวิกฤตการเงินของสหรัฐอเมริกา ต้นตอมาจากความโลภของคนใน Wall Street ที่สร้างความเสียหายไปทุกหย่อมหญ้า และต้องนำภาษีประชาชนไปใช้ในการแก้ปัญหาอีกมากมายหลายปี Inside Jobs เป็นภาพยนตร์ที่ได้รางวัล ได้รับการยอมรับทั้งในโลกของภาพยนตร์ และในด้านของเนื้อหาในวงการเศรษฐศาสตร์การเงินว่า สะท้อนเรื่องจริงและแง่มุมของปัญหา ตลอดจนใช้เวลาอธิบายเรื่องราวได้เห็นภาพ และเข้าใจง่าย หนังสารคดีเรื่องนี้สนุกดูไม่เบื่อ
ข้อคิดที่ได้จากหนัง
- ความโลภคือจุดจบของทุกสิ่ง
- โลกปัจจุบันกระแสเงินเชื่อมถึงกัน Fund ต่าง ๆ มีการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก เมื่อบริษัทแม่มีปัญหา ต้องดึงเม็ดเงินกลับเพื่อมาชำระหนี้เพิ่มสภาพคล่อง ทำให้กระแสเงินไหลออกจากตลาดหุ้นทั่วโลก
- การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่มีใครรักหรือหวังดีต่อเงินมากเท่ากับตัวเอง
- อย่าใช้จ่ายเกินตัว เมื่อไม่มีหนี้ก็เท่ากับเป็นลาภอันประเสริฐ
63. The Pursuit of Happiness
ตัวหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่สร้างจากชีวิตจริงของ Christopher Paul Gardner มหาเศรษฐีนักลงทุนและนายหน้าค้าหุ้นที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคนหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เจ้าของบริษัท Gardner Rich & Co ผู้ที่วิ่งไปตามความฝันแบบที่เรียกว่า American Dream แต่ทุกอย่างไม่มีทางได้มาอย่างง่ายดายดั่งใจคิด จึงทำให้เกิดเป็นเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ที่เขาทั้งฝ่าฟันเพื่อไปสู่เป้าหมายปลายทาง บทบาทของพ่อผู้นำครอบครัวที่ต้องเลี้ยงลูกชายให้วัย 5 ขวบแบบเร่ร่อน อดอยาก ต้องการเอาชนะความจนและความต้อยต่ำทางสังคม คนที่ต้องการสร้างฐานะ ต้องการร่ำรวยแบบคนอื่นในสังคมทุนนิยมในอเมริกา ที่ยึดติดกับวัตถุ รถหรู บ้านหลังใหญ่โต และเงินทองมากมาย
ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้
- ความพยายามไม่ยอมแพ้ ชีวิตของคริสแทบจะติดลบแต่เขาก็ไม่ยอมแพ้
- ความสุขเป็นสิ่งที่ต้องแสวงหา ไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ ต้องออกแรงสร้างมันขึ้นมา
- มองโลกในแง่ดี เป็นทัศนคติเชิงบวกที่ช่วยทำให้จิตใจไม่ยอมแพ้
- ถ้ามีฝันจงปกป้องมัน (You got a dream. You got to protect it.) อย่าให้ใครมาบอกว่าเราทำอะไรไม่ได้ ข้อคิดนี้เป็นแรงบันดาลใจที่ดี
64. Boiler Room
เป็นหนังเก่าสมัยปี 2000 ตัวเรื่องเป็นแนวดราม่า เป็นเรื่องราวของ เซ็ธ เดวิส ชายหนุ่มผู้อยากรวยอยากประสบความสำเร็จ เพื่อพิสูจน์ตัวเองกับครอบครัว เซ็ธเป็นคนฉลาดมีไหวพริบและวาทะศิลป์ที่ดี เขาเองลาออกจากมหาวิทยาลัยเมื่อเรียนไปได้ 1 ปี เพราะคิดว่ามันไม่ใช่ เขาไม่ต้องการทำงานธรรมดาที่รวยช้า ๆ แบบคนทั่วไป
ข้อคิดที่ได้จากหนัง
- ความโลภไม่เคยปราณีใคร ด้วยความอยากมี อยากได้ อยากรวยเร็ว มันจึงทำให้ขาดสติยั้งคิดและเดินทางผิด
- ไม่มีใครรักเงินของเรามากกว่าตัวเราเอง
- อย่าโลภเกินตัว อย่าโลภเกินความรู้ ถ้าโลภแล้วรับความเสี่ยงไม่ไหวแบบนี้มีแต่หายนะ
65. Life Without Principle
เป็นหนังฮ่องกงที่ใช้แนวคิดเรื่องความโลภ และความกระหายเงินมาดำเนินเรื่อง ผูกโญงเอาตัวละครต่าง ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาโยงไว้ด้วยกัน มีชื่อภาษาไทยว่า เกมคน กลเงื่อนเงิน เป็นเรื่องราวในช่วงปี 2554 นำเอาเรื่องของวิกฤตหนี้สินกรีซ และความกังวลเรื่องวิกฤตการเงิน ในยุโรปมาเป็นตัวเดินเรื่อง ผสานกับความโลภและความอยากของตัวละคร ที่มีการกระทำเพื่อให้ได้เงินมาในรูปแบบที่แตกต่างกันไป
ข้อคิดที่ได้จากหนัง
สิ่งที่ได้จากเรื่องนี้หลัก ๆ คืออย่าโลภ ยิ่งโลภโอกาสจะหายนะก็มีมากขึ้น ที่สำคัญคือลงทุนไม่ว่าจะรูปแบบใดต้องรู้จักความเสี่ยง และประเมินความเสี่ยงให้ได้ ไม่ใช่มองแค่กำไรที่มีคนอวดอ้างว่าจะได้รับเท่านั้นเท่านี้ในอนาคต ยิ่งเห็นฉากที่หลายคนหมดอาลัยตายอยาก จากการเจ๊งหุ้นเพราะตลาดหุ้นฮ่องกงร่วง ยิ่งสะท้อนความรุนแรงของผลเสียหายจากความโลภได้เป็นอย่างดี
- Rogue Trader
เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์อิงจากชีวิตจริงของคุณ นิก ลีสัน เป็นภาพยนตร์เก่าในปี 1999 มีหน้าปกชื่อว่า นิก ลีสัน ค้าหุ้นลวงโลก เรื่องราวค่อนข้างสนุก เปิดเรื่องที่ นิก ลีสัน ได้เข้ามาทำงานในอินโดนีเซีย เกี่ยวกับการค้าพันธบัตร และเมื่อทำผลงานได้เข้าตาหัวหน้า ก็ได้รับการย้ายและโปรโมทให้ไปทำงานเป็นผู้จัดการ ของส่วนปฏิบัติการใหม่ในตลาดฟิวเจอร์ ในวัยเพียง 26 ปี ในปี 1992 ได้รับเงินเดือนเพิ่ม 50,000 ปอนด์กับโบนัสอีกกว่า 150,000 ปอนด์ต่อปี มีคอนโดสุดหรูให้อยู่ มีรถเฟอร์รีให้ขับ และยังเป็นช่วงที่มีความสุขสุด ๆ กับชีวิต เมื่อได้แต่งงานกับสาวสวยลิซ่า ซึ่งพบกันตอนทำงานที่อินโดนีเซีย
ข้อคิดที่ได้จากหนัง
1.ไม่ควรโลภจนเกินตัว อย่าเสี่ยงแบบบ้าคลั่ง เพียงเพราะอยากได้ผลตอบแทนที่สูง
- ผิดทางไม่ควรฝืน ต้องรู้จัก Cut loss ไม่ควรถัวเฉลี่ย โดยเฉพาะตลาด Future
- ไม่ควรลงทุนแบบนักพนัน ไม่ควรเสี่ยงเพิ่มหรือเกทับเพื่อจะได้ถอนทุนคืน
- การลงทุนไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต ควรรู้จักเดินทางสายกลาง บริหารชีวิต ดูแลคนรอบข้างให้ดี ที่สำคัญควรหมั่นรักษาสุขภาพ
- รู้จักจัดการกับอารมณ์ ความโลภ ความกลัว เป็นสิ่งสำคัญในการลงทุน
- เล่นกับความเสี่ยงควรต้องรู้จักความเสี่ยง และหาเครื่องมือบริหารจัดการเงิน เพื่อควบคุมความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- โลกเราไม่มีอะไรแน่นอน จึงอย่าไปคิดว่าต้องเป็นแบบที่หวังเสมอ ประวัติศาสตร์มันสอนเสมอว่า ไม่มีใครเดาอนาคตได้หรอก
67. The Scam
The Scam หรือชื่อภาษาไทยคือ จอมตุ๋นแก๊งอัจฉริยะเจ๋งเป้ง เป็นหนังที่พูดถึงเกี่ยวกับการโกง และการหักหลังกันในแก๊งปั่นหุ้นในตลาดเกาหลี ซึ่งเนื้อหาเรื่องนี้เรียกว่าเกือบ 80% เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหุ้นเป็นหลัก แต่ดูแล้วสนุกไม่น่าเบื่อ
ข้อคิดที่ได้จากหนัง
- รายย่อยก็คือรายย่อยวันยังค่ำ แต่เราสามารถเอาตัวรอดได้ ถ้ารู้จักพอ ไม่โลภ กินพอดีคำ หาจังหวะที่กินตามน้ำ และมีวินัยในการเทรดหุ้น ถึงเราจะสู้รายใหญ่ไม่ได้ แต่ก็เอาตัวรอดได้ ทำกำไรได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
- อย่าโลภ การทำให้เกิดความอยากได้กำไร โดยใช้ทั้งข่าวลือ ข่าวเชียร์ ใช้ทั้งการประชาสัมพันธ์และอื่น ๆ เพื่ออัดฉีดความหวังให้ไปกระตุ้นความโลภ จนลืมใช้เหตุและผล สุดท้ายก็ขาดทุน ติดดอย หมดตัวตามระเบียบ
- ตลาดหุ้นไม่มีอะไรแน่นอน บ่อยครั้งที่เราคิดว่ารู้แจ้ง คิดว่าแน่นอน แต่แท้จริงแล้วอาจจะเป็นเพียงเกมที่มีคนวางหมากให้เราเดิน เพื่อหวังหาประโยชน์จากเรา
- จังหวะและเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าคิดจะเล่นหุ้นเก็งกำไร ต้องเรียนรู้เรื่องจังหวะเวลาให้ดี และต้องฝึกฝนให้แม่นยำด้วย
68. Money Ball
เรื่องนี้เป็นหนังที่สร้างจากอัตชีวประวัติของคุณ บิลี่ บีน (Billy Beane) โดยบีนเป็นผู้จัดการทีมเบสบอลโอ๊คแลนด์เอส (Oakland A’s) หรือ Oakland Athletics ในเมืองโอ๊คแลนด์ เขาเป็นอดีตนักเบสบอลดาวรุ่งคนหนึ่ง ที่ไปไม่ถึงฝัน เมื่อแขวนถุงมือแขวนไม้ปลดระวางแล้ว เขาจึงนำประสบการณ์เกือบ 15 ปี ในเบสบอลผันตัวเองมาเป็นผู้จัดการทีม
ข้อคิดที่ได้จากหนัง
- เชื่อมั่นและศรัทธาในความคิดของตนเอง ข้อนี้สำคัญมากหลายคนมีความคิดอะไรดี ๆ มากมายทั้งในเรื่องการลงทุนและการดำเนินธุรกิจ แต่ติดตรงที่มักจะขาดความหวังนะเชื่อมั่น
- ชนะในเกมของเรา สิ่งที่เราควรจะทำคือมองหาจุดแข็ง และจุดได้เปรียบของตัวเอง และพยายามสร้างเกมขึ้นมา เพื่อใช้เป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน
- อย่ามองอะไรเพียงเปลือกภายนอก การลงทุนในหุ้นโดยเฉพาะการลงทุนระยะยาวนั้น การเลือกหุ้นเป็นสิ่งสำคัญ
ถ้าคิดจะถือยาวหรืออยากได้กำไรจากการโตของราคา อาจจะต้องออกแรงมาก ๆ ต้องหาหุ้นเอง ต้องทำการบ้าน ศึกษาข้อมูลหุ้นเยอะ ๆ โดยเฉพาะหุ้นที่ยังเป็นหุ้นน้องใหม่ ราคายังไม่พุ่งสูงเสียดฟ้า และมีแนวโน้มเติบโตในอนาคต แบบนั้นโอกาสทำได้ก็มีมากกว่าหุ้น ที่ทุกสื่อเชียร์เป็นข่าวบ่อย
หากคุณต้องการเป็นผู้พิชิตตลาดหุ้น และสร้างความร่ำรวยได้อย่างยั่งยืน หนังสือเล่มนี้มีคำตอบให้ คุณจะประหลาดใจว่าเพียงแค่ปรับแนวคิดง่าย ๆ ไม่กี่ข้อ ก็สามารถพิชิตตลาดหุ้น และสร้างความร่ำรวยได้อย่างยั่งยืน.