ประวัติ :
เริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นนักวิเคราะห์ตลาดโภคภัณฑ์ ด้วยความอยากเทรดมาก จนออกมาเป็น Full time เทรดเดอร์ ต่อมาได้ไปทำงานที่ Commodities Corporation (บริษัทจ้างเทรดเดอร์มาเทรดกองทุนของบริษัทตัวเอง) ในระยะเวลา 10 ปี เขาได้ทำกำไรมากกว่ากำไรของเทรดเดอร์คนอื่นๆทั้งหมดในบริษัทรวมกัน โดยสามารถเบิ้ลพอร์ตได้กว่า 2,500 เท่า
“พวกเขาให้เงินทุนผมเริ่มต้นมา 30,000 ดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม 1974 หลังจากนั้นประมาณ 10 ปี ผมเปลี่ยนเงินจำนวนนั้นไปเป็น 80 ล้านดอลลาร์”
เริ่มต้นไมเคิล มาร์คัส เจ๊งจากการเทรดบ่อยมาก แต่ด้วยความตั้งใจและพรสวรรค์ทำให้เขากลับมาประสบความสำเร็จจนได้ในที่สุด
- Ed Seykota (หนึ่งใน Market Wizard) ผู้สอน Michael Marcus ในการเทรด
- มาร์คัส เคยใช้ยากล่อมประสาทเพื่อลดความทุกข์ใจ ในช่วงตอนขายหมู
- ลูกศิษย์ของ มาร์คัส คือ บรูซ เคิฟเนอร์ (Bruce Kovner) หนึ่งใน Market Wizard
ข้อคิด :
- Ed Seykota ผู้สอน Marcus ในการเทรด : แนวโน้มเป็นขาลงและผมจะถือ Short ไปจนกว่าแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลง
- มีบางครั้งท้อ เพราะเจ็บปวดมากที่ต้องขาดทุนอยู่ตลอดเวลา แต่ก็บอกตัวเองว่า “ไม่นะนายไม่ใช่คนโง่ นายแค่ต้องทำมันต่อไป”
- การเทรดที่ดีที่สุด คือ การเทรดที่มีองค์ประกอบครบทั้ง 3 อย่าง คือ พื้นฐาน เทคนิค และ จังหวะตลาด
- มาร์คัส เชื่อว่า ยุคทองของระบบตามแนวโน้มได้สิ้นสุดลงแล้ว
- ตัวบอกใบ้ที่ว่าจุดสูงสุดกำลังใกล้จบ คือ ดูจำนวนวันที่ราคาไปลิมิต (ประมาณ Celing กับ Floor) อย่างเช่น ถ้าหาก Ceiling มา 3 วันติด วันที่ 4 เริ่มแปลกๆ ไม่ลิ่ง ก็ให้ขายทำกำไรออกมา
- การเป็นเทรดเดอร์ที่ยิ่งใหญ่ ต้องการทักษะและพรสวรรค์แต่กำเนิด มันก็เหมือนนักไวโอลินที่ยิ่งใหญ่นั่นแหละ แต่การจะเป็นเทรดเดอร์ที่มีความสามารถและหาเงินได้นั้นเป็นทักษะที่ทุกคนเรียนรู้ได้
- แนะนำมือใหม่ : วางเดิมพันให้น้อยกว่า 5% ของเงินทั้งหมด คุณจะผิดพลาดได้มากถึง 20 ครั้ง
- แนะนำมือใหม่ : ต้องมีจุดตัดขาดทุนเสมอ
- ถ้าการเทรดไหนรู้สึกไม่มั่นใจและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อ ให้ออกมาซะ เพราะช่วงเวลาดังกลา่ว ถ้าคุณยังอยู่ในตลาดคุณจะคิดอะไรไม่ออก เมื่อคุณออกมาแล้วคุณจะสามารถคิดได้อย่างชัดเจนขึ้น
- แนะนำมือใหม่ : ถือกำไรให้นานพอ เพื่อเพียงพอต่อการชดเชยในช่วงขาดทุน
- แนะนำมือใหม่ : ต้องทำตามแนวทางตัวเอง ไม่ต้องไปตามแนวทางคนอื่น แม้จะเก่งมากแค่ไหนก็ตาม เพราะเทรดเดอร์ทุกคนล้วนมีจุดแข็งจุดอ่อนที่ต่างกัน นิสัยที่ต่างกัน ดังนั้นสไตล์การเทรดก็จะต่างกัน ให้ยึดมั่นในแนวทางตัวเอง การรวมวิธีการคนอื่นเข้ามา มักจะได้รับผลแย่ในที่สุด
- แนะนำมือใหม่ : ไม่ต้องฟังคำแนะนำคนอื่น ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเทรดอย่างลึกซึ้งด้วยตัวเอง พยายามศึกษา และ ทำการบ้านอย่างตั้งใจ
- วัตถุดิบที่ดีในการเป็นเทรดเดอร์ คือ ความไม่มีอคติ มีความยืดหยุ่น ใจเปิดกว้าง
- สัญชาตญาณมีความสำคัญอย่างมากในการเทรด
- การเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จต้องใช้ความกล้าหาญ กล้าที่จะลองทำ กล้าที่จะล้มเหลว กล้าที่จะสำเร็จ และกล้าที่จะทำมันต่อไปเมื่อหนทางมันยากลำบาก
- เมื่อเจอการขาดทุนติดต่อกัน : ในอดีตผมมักจะเอาคืนด้วยการเทรดให้หนักขึ้น แต่มันไม่ได้ผล ให้ลดการเทรดลง หรือ หยุดเทรดไปเลยดีกว่า
- ทำการจดบันทึกการเทรด
- เทรดหุ้น : ชอบ EPS สูง และค่า P/E ต่ำ
- เทรดหุ้น : Relative Strength คิดว่าไม่ได้ช่วยอะไรมาก เพราะในช่วงที่ RS สูง หุ้นก็มักหมดแรงไปแล้ว
- ถ้าคุณเทรดในตลาดหนึ่งได้ คุณก็จะสามารถเทรดมันได้หมดทุกตลาด ใช้หลักการเหมือนกัน การเทรดเป็นเรื่องของอารมณ์ มันคือจิตวิทยาหมู่ ความโลภและความกลัว
- ความล้มเหลวในช่วงแรกเป็นเหมือนกฏมากกว่าจะเป็นข้อยกเว้น
เพิ่มเติมเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง