Larry Hiteประวัติ : 

จากเด็กหนุ่มที่การศึกษาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ และเริ่มต้นวัยผู้ใหญ่ด้วยเส้นทางที่ต้องบอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเทรดเดอร์เลย โดยไฮท์ได้เคยทำงานเป็นนักแสดงและคนเขียนบทหนัง ก่อนที่จะเข้ามาในวงการเทรดเดอร์ เขาได้เป็นโปรโมเตอร์วงร๊อค ซึ่งในการเข้าวงการการเงิน เขาได้เริ่มต้นจากการเป็นโบรกเกอร์หุ้น (น่าจะเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน) และก็ขยับมาเป็นโบรกเกอร์ในตลาดโภคภัณฑ์

ในระหว่าง 10 ปี เส้นทางการประกอบอาชีพทางการเงิน ไฮท์ได้สะสมความรู้และสร้างผลงานการเทรดได้อย่างประสบความสำเร็จ จากนั้นเขาได้ก่อตั้งบริษัทบริหารจัดการลงทุนมินท์ (Mint Investment Management Company) 

เขาตระหนักว่าการเทรดนั้นจำเป็นต้องถูกทดสอบทางวิทยาย์ศาสตร์อย่างเข้มงวด จึงได้ ปีเตอร์ แมทธิว (Peter Matthews) ดร.สาขาวิชาสถิติ และ ไมเคิล เดลแมน (Michael Delman นักออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ลงตัวอย่างมาก 

จุดเด่นของมินท์ไม่ได้อยู่ที่ผลตอบแทนที่สูง แต่อยู่ที่ “ความสม่ำเสมอ” ของผลตอบแทน

  • ปี 1981 ถึง 1988 มินท์ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 30%
  • ช่วงที่แย่ที่สุด คือ +13% ช่วงที่ดีที่สุด คือ +60%
  • ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการค้นหาและทดสอบเพื่อชนะตลาด
  • ทิ้งหนังสือ Principles of Security Analysis ของเกรแฮมและด็อด และ ไปอ่าน Beat the dealer แทน (Edward Thorp : หนังสือเกี่ยวกับการพนัน)
  • เชื่อว่าตลาดไม่มีประสิทธิภาพ
  • ย้ำในเรื่องการบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการเทรด

ข้อคิด : 

  • เมื่อรู้ว่าระบบทำงานอย่างไร คุณอาจจะไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอะไรกับวันพรุ่งนี้ แต่จะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นได้ในระยะยาว (คล้ายๆ กับ ทฤษฏี Laws of large numbers เช่นถ้ารู้ว่าระบบเทรดเราสามารถชนะตลาดได้ แม้จะเสียเงินในวันนี้ หรือ พรุ่งนี้ แต่สุดท้ายในอนาคต จะสามารถกลับมาทำกำไรได้)
  • เขาเทรดเดอร์ด้วยการทำตามระบบคอมพิวเตอร์อย่างจริงจัง
  • เขาไม่ได้เทรดเพื่อความตื่นเต้น เขาเทรดเพื่อที่จะชนะ
  • มันอาจดูน่าเบื่อ (เทรดตามสัญญาณ ไม่ต้องวิเคราะห์) แต่มันก็สามารถทำกำไรอย่างมากได้
  • เราไม่สามารถกำหนดผลตอบแทนได้ แต่เราสามารถกำหนดความเสี่ยงได้
  • การบริหารความเสี่ยงเป็นกุญแจสำคัญในการเทรดของเขา
  • กฏการเทรดที่มินท์ 
    • 1. ไม่เสี่ยงเกิน 1% ของเงินลงทุน
    • 2. เทรดตามแนวโน้ม
    • 3. กระจายความเสี่ยง
      • เทรดในหลายตลาด
      • ใช้หลายกลยุทธ์ในการเทรด
    • 4. ติดตามความผันผวนของตลาด ถ้าผันผวนมากไปให้ยุติการเทรดทั้งหมด
      • ไฟเขียว : ยอมรับทุกสัญญาณเทรด
      • ไฟเหลือง : ไม่เปิดสถานะใหม่
      • ไฟแดง : ปิดทุกสถานะ
  • การเดิมพันมีอยู่ 4 ชนิด คือ
    • 1. การเดิมพันที่ดี
    • 2. การเดิมพันที่แย่
    • 3. การเดิมพันที่ชนะ
    • 4. การเดิมพันที่ขาดทุน
  • ให้โฟกัสเฉพาะ “การเดิมพันที่ดี” 
  • ส่วนการแพ้ ชนะไม่เกี่ยว
  • การเดิมพันที่ดี คือ ถ้า Winrate = 50% ส่วนผลตอบแทนอยู่ที่ 2% ต่อความเสี่ยง 1% อันนี้ถือว่าเป็น การเดิมพันที่ดี (อาจขาดทุนก็ได้ แต่เป็นการเดิมพันที่ดี)
  • ขับมอไซค์ อย่าไปเถียงกับ รถยนต์ เช่นเดียวกัน เวลาเทรด อย่าไปเถียงกับตลาด
  • ตัวชี้วัดที่สำคัญ
    • 1. ตลาดไม่ตอบสนองกับข่าวที่สำคัญในทิศทางที่มันควรจะเป็น แปลว่ามันากำลังจะบอกถึงอะไรบางอย่างที่สำคัญมาก เช่น มีสงคราม แต่ทองไม่ขึ้น สุดท้าย ทองลงหนัก เป็นต้น
    • 2. หากตลาดทำจุดสูงสุดใหม่ มันบ่งชี้ได้ว่ามีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้ว (เอ็ด ซีโคตา เป็นคนสอน)
  • กฏพื้นฐาน 2 ข้อ เกี่ยวกับการเทรดและชีวิต
    • 1. ถ้าคุณไม่เดิมพัน คุณก็ไม่สามารถที่จะชนะ
    • 2. ถ้าคุณเสียชิพทุกตัวไปหมด คุณก็ไม่สามารถเดิมพันต่อได้

เพิ่มเติมเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง