ทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง IRR และ WACC ซึ่งเป็นแนวคิดหลักในการตัดสินใจลงทุน

ในโลกของการเงินและการวิเคราะห์การลงทุน มีตัวชี้วัดสองตัวที่สำคัญที่ใช้ในการประเมินการลงทุน และธุรกิจ คือ IRR และ WACC ตัวชี้วัดทั้งสองตัวนี้มีความสำคัญในการประเมินความคุ้มค่าและผลกำไรของการลงทุนแต่ละประเภท แต่มีวัตถุประสงค์การใช้งานและวิธีการคำนวณที่แตกต่างกัน

ในบทความนี้ เราจะมาบอกความหมาย การใช้งาน และความแตกต่างระหว่าง IRR และ WACC รวมถึงทำไมการเข้าใจทั้งสองตัวชี้วัดนี้จึงสำคัญในการตัดสินใจลงทุน

IRR (Internal Rate of Return)

อัตราผลตอบแทนภายใน เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมินความคุ้มค่าของการลงทุน โดยมันคืออัตราผลตอบแทนที่ทำให้มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ของกระแสเงินสดทั้งหมดจากการลงทุนเท่ากับศูนย์ กล่าวง่ายๆ คือ IRR เป็นอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนที่พิจารณา

ในการประเมินนั้น IRR จะถูกใช้เป็นเกณฑ์ในการเปรียบเทียบกับอัตราผลตอบแทนที่ต้องการหรือต้นทุน หาก IRR สูงกว่าอัตราผลตอบแทนที่ต้องการ ก็จะถือว่าทางเลือกนั้นคุ้มค่า เพราะสามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าต้นทุนในการลงทุน ในทางกลับกัน ถ้า IRR ต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนที่ต้องการ ทางเลือกนั้นก็อาจไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน

วิธีการคำนวณ IRR สามารถทำได้โดยการหาค่าอัตราดอกเบี้ย (r) ที่ทำให้ NPV ของกระแสเงินสดทั้งหมดเท่ากับศูนย์ โดยใช้สมการดังนี้:

โดยที่:

  • Ct คือกระแสเงินสดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา t
  • r คืออัตราผลตอบแทน (IRR)
  • t คือช่วงเวลาของการลงทุน ซึ่งมักจะเป็นหน่วยปี

WACC (Weighted Average Cost of Capital)

ต้นทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของต้นทุน คือ อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่บริษัทคาดว่าจะต้องจ่ายให้กับผู้ถือหุ้น ทั้งในส่วนของหนี้สินและทุน เพื่อการเงินกับกิจการของบริษัท กล่าวคือ WACC แสดงถึงต้นทุนการเงินที่บริษัทต้องชำระเพื่อใช้ทุนในการลงทุน

WACC เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญสำหรับบริษัท เพราะเป็นอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำที่บริษัทต้องการจากการลงทุนในทางเลือกต่างๆ หากผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่า WACC ก็หมายความว่าบริษัทจะสามารถสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นได้ หากผลตอบแทนต่ำกว่า WACC การลงทุนดังกล่าวอาจทำให้บริษัทสูญเสียมูลค่าลงได้

โดยสูตรการคำนวณ WACC คือ:

โดยที่:

  • E คือมูลค่าตลาดของทุน
  • V คือมูลค่าตลาดรวมของทุนและหนี้สิน
  • Re คือต้นทุนของทุน
  • D คือมูลค่าตลาดของหนี้สิน
  • Rd คือต้นทุนของหนี้สิน
  • Tc คืออัตราภาษีของบริษัท

ความแตกต่างระหว่าง IRR และ WACC

แม้ว่า IRR และ WACC จะใช้ในการประเมินการลงทุนเหมือนกัน แต่ทั้งสองตัวชี้วัดนี้มีวัตถุประสงค์และวิธีการคำนวณที่แตกต่างกัน การเข้าใจความแตกต่างนี้เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจลงทุนที่ดี

  1. วัตถุประสงค์และการใช้งาน
  • IRR ใช้ในการวัดอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน โดยพิจารณาจากกระแสเงินสดในอนาคต การลงทุนที่มี IRR สูงกว่าจะถือว่ามีความน่าสนใจมากกว่า
  • WACC เป็นตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงต้นทุนการเงินที่บริษัทต้องชำระให้กับผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ เพื่อใช้ในการลงทุน โดยจะใช้เป็นเกณฑ์ขั้นต่ำในการประเมินการลงทุน ถ้าผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่า WACC ก็ถือว่าเป็นการสร้างมูลค่าให้กับบริษัท
  1. การกำหนดเกณฑ์
  • IRR ใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจว่าทางเลือกต่างๆนั้นคุ้มค่าหรือไม่ โดยจะเปรียบเทียบ IRR กับค่าใช้จ่ายทุน ยกตัวอย่างในการเปรียบเทียบกับ WACC หาก IRR สูงกว่า WACC จะถือว่าทางเลือกนั้นน่าสนใจ
  • WACC ใช้เป็นเกณฑ์การตัดสินใจที่ต่ำสุดที่บริษัทควรจะทำได้ในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน โดยบริษัทต้องให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าค่า WACC
  1. การพิจารณาความเสี่ยงและผลตอบแทน
  • IRR จะสะท้อนผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน ซึ่งมักจะมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนในกระแสเงินสดในอนาคต หาก IRR สูงแสดงว่าทางเลือกนั้นๆ คาดว่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าความเสี่ยง
  • WACC แสดงถึงต้นทุนของบริษัทที่คำนวณจากโครงสร้างของบริษัทและสภาวะตลาด โดยจะคำนึงถึงความเสี่ยงในส่วนของหนี้สินและเงินทุนที่นักลงทุนทั้งในฝั่งเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นนั้นต้องแบกรับ โดยเจ้าหนี้มักจะถือว่าเป็นแหล่งการเงินที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าทุนของผู้ถือหุ้น จึงทำให้ต้นทุนของหนี้สินนั้นต่ำกว่าทุนของผู้ถือหุ้น

การทำงานร่วมกันของ IRR และ WACC

ในทางปฏิบัติ IRR และ WACC มักถูกใช้ร่วมกันในการตัดสินใจในการลงทุน เมื่อบริษัทพิจารณาลงทุนในทางเลือกใหม่ๆ อัตราผลตอบแทน IRR จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับ WACC เพื่อพิจารณาว่าทางเลือกนั้นจะสร้างมูลค่าให้กับบริษัทได้หรือไม่

  • หาก IRR > WACC คาดว่าทางเลือกการลงทุนนั้นจะสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าต้นทุน ซึ่งแปลว่าสามารถสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นได้
  • หาก IRR < WACC ทางเลือกการลงทุนนี้อาจไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าต้นทุน ทำให้อาจไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน

เมื่อบริษัทกำลังพิจารณาเปรียบเทียบกันระหว่างหลายๆช่องทางการลงทุน WACC เหมาะที่จะเป็นเกณฑ์ค่ากลางสำหรับการประเมิน โดยให้นำมาเปรียบเทียบกับ IRR ของแต่ละทางเลือกกับ WACC กลางเพื่อประเมินว่าการทางเลือกในการลงทุนใดนั้นน่าสนใจ

โดยสรุป IRR และ WACC เป็นตัวชี้วัดทางการเงินที่สำคัญที่ใช้ในการประเมินความคุ้มค่าและผลตอบแทนจากการลงทุน แต่มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน IRR จะมุ่งเน้นที่ผลตอบแทนจากการลงทุนส่วน WACC คือต้นทุนการเงินของบริษัทที่ต้องมีเพื่อให้การลงทุนสร้างมูลค่า หาก IRR สูงกว่า WACC จะถือว่าโครงการนั้นสามารถสร้างมูลค่าให้กับบริษัทได้ การเข้าใจและใช้งานทั้งสองตัวชี้วัดร่วมกันจะช่วยในการตัดสินใจลงทุนที่มีประสิทธิภาพและสามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าต้นทุนได้

ข้อมูลอ้างอิง