ความสำคัญของการวัดผลกำไรในโลกการลงทุน

ในโลกของการลงทุน การวัดผลการดำเนินงานของบริษัทมีหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละวิธีมีจุดประสงค์และมุมมองที่แตกต่างกัน เมื่อพูดถึงการวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไรของบริษัท นักลงทุนมักจะพบกับคำศัพท์อย่าง Gross Profit, EBIT และ EBITDA อยู่บ่อยครั้ง เราจะมาอธิบายความหมายของ EBIT รวมถึงความแตกต่างเมื่อเทียบกับตัวชี้วัดอื่นๆ เพื่อช่วยให้นักลงทุนทั่วไปเข้าใจและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์การลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

EBIT คืออะไร?

EBIT ย่อมาจาก “Earnings Before Interest and Taxes” หรือ “กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี” เป็นตัวชี้วัดที่แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรจากการดำเนินงานหลักของธุรกิจ โดยไม่คำนึงถึงต้นทุนทางการเงิน (ดอกเบี้ย) และภาระทางภาษี ซึ่งทำให้เห็นภาพความสามารถในการสร้างกำไรของบริษัทที่แท้จริงได้ชัดเจนมากขึ้น

EBIT ยังมีชื่อเรียกอื่นๆ อีกหลายชื่อ เช่น “กำไรจากการดำเนินงาน” (Operating Profit), “รายได้จากการดำเนินงาน” (Operating Income) หรือ “กำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี” (Profit Before Interest and Taxes)

สูตรการคำนวณ EBIT

มีวิธีคำนวณ EBIT อยู่สองแบบหลักๆ:

  1. วิธีคำนวณจากรายได้:
    EBIT = รายได้ – ต้นทุนขาย – ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
  2. วิธีคำนวณจากกำไรสุทธิ:
    EBIT = กำไรสุทธิ + ดอกเบี้ยจ่าย + ภาษี

ตัวอย่างการคำนวณ EBIT

สมมติบริษัท A มีข้อมูลทางการเงินดังนี้:

  • รายได้สุทธิ (Net Sales): 65,299 ล้านบาท
  • ต้นทุนสินค้าขาย (Cost of Products Sold): 32,909 ล้านบาท
  • ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A): 18,949 ล้านบาท
  • รายได้อื่นนอกเหนือจากการดำเนินงาน: 325 ล้านบาท
  • รายได้ดอกเบี้ย: 182 ล้านบาท

การคำนวณ EBIT :

EBIT = 65,299 – 32,909 – 18,949 + 325 + 182 = 13,948 ล้านบาท

ความแตกต่างระหว่าง EBIT กับ Gross Profit

Gross Profit คืออะไร?

Gross Profit หรือ “กำไรขั้นต้น” คือมูลค่าที่ได้จากการนำรายได้หักด้วยต้นทุนขายเท่านั้น ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ค่าโฆษณา หรือค่าวิจัยและพัฒนา

Gross Profit = รายได้ – ต้นทุนขาย

ความแตกต่างที่สำคัญ

  1. ขอบเขตของค่าใช้จ่ายที่หัก:
  • Gross Profit หักเฉพาะต้นทุนสินค้าขาย
  • EBIT หักทั้งต้นทุนสินค้าขายและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมด
  1. มุมมองที่ได้:
  • Gross Profit แสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถทำกำไรจากการขายสินค้าหรือบริการได้มากน้อยแค่ไหน
  • EBIT แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรโดยรวมจากการดำเนินธุรกิจทั้งหมด
  1. ประโยชน์ในการวิเคราะห์:
  • Gross Profit มักถูกใช้ในการประเมินประสิทธิภาพการผลิตและการตั้งราคา
  • EBIT มักถูกใช้ในการเปรียบเทียบความสามารถในการทำกำไรระหว่างบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน โดยไม่คำนึงถึงโครงสร้างเงินทุนและนโยบายภาษี

ความแตกต่างระหว่าง EBIT กับ EBITDA

EBITDA คืออะไร?

EBITDA ย่อมาจาก “Earnings Before Interest, Taxes, Depreciation, and Amortization” หรือ “กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย” เป็นตัวชี้วัดที่ขยายจาก EBIT โดยบวกกลับค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเข้าไปด้วย

EBITDA = EBIT + ค่าเสื่อมราคา + ค่าตัดจำหน่าย

หรือ

EBITDA = กำไรสุทธิ + ดอกเบี้ย + ภาษี + ค่าเสื่อมราคา + ค่าตัดจำหน่าย

ความแตกต่างที่สำคัญ

  1. การพิจารณาค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย:
  • EBIT รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเป็นค่าใช้จ่าย
  • EBITDA ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเป็นค่าใช้จ่าย
  1. การสะท้อนกระแสเงินสด:
  • EBITDA มักถูกใช้เป็นตัวแทนกระแสเงินสดทางการดำเนินงานคร่าวๆ เนื่องจากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายไม่ใช่ค่าใช้จ่ายเงินสดจริง
  • EBIT จะใกล้เคียงกับกำไรทางบัญชีมากกว่า
  1. ความเหมาะสมในการใช้งาน:
  • EBITDA เหมาะกับการประเมินบริษัทที่มีสินทรัพย์ถาวรมูลค่าสูงและมีค่าเสื่อมราคามาก
  • EBIT เหมาะกับการเปรียบเทียบระหว่างบริษัทที่มีโครงสร้างสินทรัพย์ถาวรแตกต่างกัน

ประโยชน์ของ EBIT ในการวิเคราะห์การลงทุน

1. การเปรียบเทียบระหว่างบริษัท

EBIT ช่วยให้นักลงทุนสามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทต่างๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความแตกต่างของโครงสร้างเงินทุน (การกู้ยืม) หรืออัตราภาษีที่แตกต่างกัน ทำให้การเปรียบเทียบยุติธรรมมากขึ้น

2. การวิเคราะห์ความสามารถในการชำระหนี้

นักลงทุนสามารถใช้ EBIT ในการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัท โดยใช้อัตราส่วน Interest Coverage Ratio (EBIT ÷ ดอกเบี้ยจ่าย) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถสร้างกำไรจากการดำเนินงานเพียงพอต่อการจ่ายดอกเบี้ยหรือไม่

3. การประเมินมูลค่า

นักลงทุนสามารถใช้ EBIT ในการประเมินมูลค่าของบริษัทผ่านอัตราส่วน EV/EBIT (Enterprise Value ÷ EBIT) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดว่านักลงทุนต้องจ่ายเงินเท่าไรเพื่อซื้อกำไรจากการดำเนินงานหนึ่งหน่วย

ข้อจำกัดของ EBIT

แม้ EBIT จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อจำกัดที่นักลงทุนควรคำนึงถึง:

  1. ไม่ได้สะท้อนถึงกระแสเงินสดที่แท้จริง: EBIT ยังรวมค่าเสื่อมราคาซึ่งไม่ใช่ค่าใช้จ่ายเงินสดจริง
  2. อาจไม่เหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้สินทรัพย์ถาวรมาก: ในอุตสาหกรรมที่ต้องลงทุนในสินทรัพย์ถาวรมูลค่าสูง เช่น น้ำมันและก๊าซ เหมืองแร่ หรือโครงสร้างพื้นฐาน EBITDA อาจเหมาะสมกว่า
  3. ความแตกต่างระหว่างอุตสาหกรรม: การเปรียบเทียบ EBIT ระหว่างบริษัทในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันอาจทำให้เกิดการตีความที่ผิดพลาด เนื่องจากแต่ละอุตสาหกรรมมีโครงสร้างต้นทุนที่แตกต่างกัน

สรุป

EBIT เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักลงทุนในการวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไรของบริษัท โดยไม่คำนึงถึงโครงสร้างเงินทุนและนโยบายภาษี อย่างไรก็ตามไม่มีตัวชี้วัดใดที่สมบูรณ์แบบ การวิเคราะห์การลงทุนที่ดีควรพิจารณาตัวชี้วัดหลายๆอย่างประกอบกัน ทั้ง Gross Profit, EBIT, EBITDA รวมถึงกระแสเงินสด และอัตราส่วนทางการเงินอื่นๆ เพื่อให้ได้มุมมองที่รอบด้านและครบถ้วนในการตัดสินใจลงทุน