หุ้นวัฏจักร (Cyclical Stock) เป็นหุ้นที่มีผลการดำเนินงานและราคาหุ้นเคลื่อนไหวสอดคล้องไปกับภาวะเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจดี ผลประกอบการและราคาหุ้นก็จะปรับตัวสูงขึ้น แต่เมื่อเศรษฐกิจถดถอย ผลประกอบการและราคาหุ้นก็จะปรับตัวลดลงตามไปด้วย ในขณะที่หุ้นที่ไม่เป็นวัฏจักร (Non-cyclical Stock) หรือที่เรียกว่าหุ้นป้องกันความเสี่ยง (Defensive Stock) จะมีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ ไม่ผันผวนไปตามภาวะเศรษฐกิจมากนัก

ลักษณะสำคัญของหุ้นวัฏจักร

  1. ความผันผวนสูง (High Beta) หุ้นวัฏจักรมักมีค่า Beta สูงกว่า 1 ซึ่งหมายความว่ามีความผันผวนสูงกว่าตลาดโดยรวม เช่น หุ้น SCC (ปูนซิเมนต์ไทย) ที่มีความผันผวนสูงตามวัฏจักรของอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์
  2. สินค้าไม่จำเป็น ธุรกิจที่ผลิตหรือจำหน่ายสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ซึ่งผู้บริโภคสามารถชะลอการซื้อได้เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี เช่น หุ้น AP, LPN หรือ SC ASSET ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ขายคอนโดและบ้านจัดสรร
  3. อำนาจการกำหนดราคาต่ำ มักไม่สามารถกำหนดราคาขายได้อย่างอิสระ ต้องปรับตามภาวะตลาดและการแข่งขัน เช่น หุ้น IVL (อินโดรามา เวนเจอร์ส) ที่ราคาผลิตภัณฑ์ขึ้นอยู่กับราคาวัตถุดิบในตลาดโลก

ประเภทของหุ้นวัฏจักรในตลาดหุ้นไทย

1. กลุ่มวัสดุก่อสร้าง

ผลประกอบการขึ้นอยู่กับการเติบโตของภาคก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ เช่น

  • SCC (ปูนซิเมนต์ไทย)
  • TPIPL (ทีพีไอ โพลีน)
  1. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์

ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากกำลังซื้อของผู้บริโภคและภาวะเศรษฐกิจ เช่น

  • AP (เอพี ไทยแลนด์)
  • LPN (แอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเมนท์)
  • QH (ควอลิตี้เฮ้าส์)

3. กลุ่มปิโตรเคมี

ผลประกอบการขึ้นอยู่กับ Spread ระหว่างราคาวัตถุดิบและราคาขายผลิตภัณฑ์ เช่น

  • IVL (อินโดรามา เวนเจอร์ส)
  • PTTGC (พีทีที โกลบอล เคมิคอล)

4. กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์

ธุรกิจขนส่งทางเรือที่ผันผวนตามปริมาณการค้าโลกและค่าระวางเรือ เช่น

  • PSL (พรีเชียส ชิปปิ้ง)
  • TTA (โทรีเซนไทย)

กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นวัฏจักร

  1. การจับจังหวะวัฏจักร นักลงทุนควรศึกษาและติดตามภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อเข้าลงทุนในจังหวะที่เหมาะสม โดยเฉพาะในช่วงต้นของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
  2. การกระจายความเสี่ยง ควรจัดพอร์ตการลงทุนให้มีทั้งหุ้นวัฏจักรและหุ้นไม่เป็นวัฏจักร เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม
  3. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน นอกจากการดูภาพรวมเศรษฐกิจแล้ว ต้องวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของแต่ละบริษัท เช่น สถานะทางการเงิน ความสามารถในการทำกำไร และส่วนแบ่งการตลาด
  4. การบริหารความเสี่ยง ควรกำหนด Stop Loss และ Take Profit ที่เหมาะสม เนื่องจากหุ้นวัฏจักรมีความผันผวนสูง

ข้อควรระวังในการลงทุนหุ้นวัฏจักร

  1. ความเสี่ยงจากการจับจังหวะผิด การลงทุนในหุ้นวัฏจักรต้องอาศัยการจับจังหวะที่ดี หากเข้าลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังจะถดถอย อาจขาดทุนอย่างมีนัยสำคัญ
  2. ความผันผวนของราคา ราคาหุ้นวัฏจักรมักมีความผันผวนสูง นักลงทุนต้องรับความเสี่ยงได้
  3. ปัจจัยภายนอก หุ้นวัฏจักรได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกมากมาย เช่น นโยบายการเงิน นโยบายการคลัง และเหตุการณ์สำคัญระดับโลก

สรุป

การลงทุนในหุ้นวัฏจักรเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความเข้าใจในวัฏจักรเศรษฐกิจ สามารถรับความเสี่ยงและความผันผวนได้สูง และมีการติดตามข่าวสารเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม การจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมควรมีการผสมผสานระหว่างหุ้นวัฏจักรและหุ้นที่ไม่เป็นวัฏจักร เพื่อสร้างสมดุลระหว่างโอกาสในการทำกำไรและการบริหารความเสี่ยง