การดู Bid Offer หรือที่เรียกว่า ราคาเสนอขายและราคาเสนอซื้อ เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนใช้ในการตัดสินใจลงทุนในตลาดการเงินไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ตลาดฟอเร็กซ์ หรือแม้แต่ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี การเข้าใจ Bid Offer และการอ่านพฤติกรรมของราคาในตลาดจะช่วยให้เรามีแนวทางในการตัดสินใจที่ถูกต้องและมองเห็นทิศทางของตลาดในอนาคต บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Bid Offer และวิธีการใช้มันในการวิเคราะห์พฤติกรรมราคาเพื่อการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ
Bid Offer คืออะไร?
Bid Offer คือการแสดงราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายในตลาดการเงินซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักคือ
1. Bid Price (ราคาเสนอซื้อ): คำว่า Bid หมายถึง ฝั่งที่เสนอซื้อหุ้น ซึ่งก็คือผู้ที่ต้องการซื้อหุ้นในราคาที่ตัวเองต้องการ หรืออาจจะเป็นคนที่มีหุ้นอยู่แล้วและต้องการซื้อเพิ่มในราคาที่พอใจ หากผู้ซื้ออยากได้หุ้นจริง ๆ หรือมีความรีบร้อน เขาก็อาจจะตัดสินใจซื้อที่ราคาที่เรียกว่า Offer (ฝั่งเสนอขาย) ซึ่งเป็นราคาที่เจ้าของหุ้นขายออกมาทันที แต่หากเขายังไม่รีบ หรือพร้อมต่อรองราคามากขึ้น เขาก็อาจจะตั้งราคาซื้อไว้ตามที่ต้องการ แล้วรอให้ราคาลงมาถึงที่เขาตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม คำว่า Bid ไม่ได้หมายความว่าผู้ตั้งคำสั่งซื้อจะซื้อหุ้นจริงเสมอไป เพราะเขาสามารถยกเลิกคำสั่งซื้อได้ หรือบางครั้งก็อาจจะตั้ง Bid ขึ้นมาหลอกลวงนักลงทุนรายอื่น ๆ เช่น เพื่อดึงให้หุ้นเคลื่อนไหวในทิศทางที่เขาต้องการ หรือเพื่อสร้างความเข้าใจผิดให้กับตลาด ดังนั้นการตั้ง Bid จึงไม่ควรพิจารณาแค่ราคาหรือจำนวนหุ้นที่ตั้งซื้อเท่านั้น ควรดูร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ ด้วย
2. Offer Price (ราคาเสนอขาย): คำว่า Offer หมายถึง ราคาเสนอขาย ซึ่งคือราคาที่เจ้าของหุ้นต้องการขายหุ้นออกมา ในกรณีนี้ หากผู้ถือหุ้นต้องการขายหุ้นของบริษัท เช่น CPALL เขาก็สามารถตั้งราคาขายได้ตามที่ต้องการ โดยมีความแตกต่างจาก Bid คือ การตั้ง Offer จะต้องเป็นผู้ที่มีหุ้นตัวนั้นในพอร์ตจริง ๆ จึงจะสามารถตั้งคำสั่งขายได้ ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Bid และ Offer คือ Bid (ราคาเสนอซื้อ) สามารถตั้งขึ้นมาได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหุ้นในพอร์ตจริง ๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดการตั้ง Bid หลอกหรือเป็นการยั่วยุให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวในทิศทางที่ต้องการ แต่ในขณะที่ Offer (ราคาเสนอขาย) ผู้ที่ตั้งคำสั่งจะต้องเป็นผู้ที่มีหุ้นตัวนั้นในพอร์ตจริง ๆ จึงจะสามารถทำการเสนอขายได้
ทั้งนี้ ทั้ง Bid และ Offer ต่างก็สามารถถูกใช้เพื่อหลอกลวงนักลงทุนในตลาดได้ เนื่องจากผู้ตั้งคำสั่งสามารถตั้งราคาซื้อหรือราคาขายได้ตามต้องการ และยังสามารถยกเลิกหรือถอนคำสั่งนั้น ๆ ได้ตลอดเวลาที่ต้องการ ดังนั้น นักลงทุนควรระมัดระวังและพิจารณาข้อมูลต่าง ๆ อย่างรอบคอบก่อนการตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้นในตลาด
นอกจากนั้นการดูทั้งสองราคานี้สามารถบอกได้ถึงปริมาณความสนใจในสินทรัพย์และระดับของการกระจายความเสี่ยงในตลาด โดยปกติแล้ว Bid Price จะต่ำกว่า Offer Price เสมอ ซึ่งความแตกต่างระหว่างสองราคานี้เรียกว่า Spread หรือ ส่วนต่างระหว่างราคา
ความสำคัญของ Bid Offer ในการวิเคราะห์ราคา
การศึกษาความแตกต่างระหว่าง Bid Price และ Offer Price จะช่วยให้เราเข้าใจถึงสภาพคล่องของตลาดและความเป็นไปได้ในการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต โดยราคาที่มี Spread ที่แคบ (น้อย) จะหมายถึงตลาดมีสภาพคล่องสูง เนื่องจากมีผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมากในช่วงเวลาเดียวกัน ในทางตรงกันข้าม Spread ที่กว้าง (มาก) มักจะบ่งชี้ว่ามีความผันผวนสูง หรือมีสภาพคล่องต่ำ
รูปแบบของ Bid Offer สามารถแบ่งได้หลัก ๆ 4 แบบด้วยกัน คือ
- Bid มากกว่า Offer อย่างเห็นได้ชัด
รูปแบบในนี้ อาจทำให้รู้สึกว่าหุ้นน่าสนใจ เพราะดูเหมือนมีความต้องการซื้อสูงมาก แต่กลับมีความต้องการขายน้อยมาก ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าเป็นโอกาสดีที่ราคาหุ้นจะขึ้น แต่ในความเป็นจริง รูปแบบนี้กลับอาจเป็นสัญญาณที่น่ากลัวและควรระวัง เพราะมันอาจบ่งบอกว่าหุ้นตัวนี้กำลังเข้าสู่ช่วงปลายของเทรนด์ขาขึ้นและอาจจะเริ่มลงในไม่ช้า
- Offer มากกว่า Bid อย่างเห็นได้ชัด
รูปแบบนี้มักจะได้รับความนิยมจากนักลงทุนที่เน้นเก็งกำไร เนื่องจากการตั้ง เสนอขาย ในปริมาณมากแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะมีคนซื้อหุ้นในปริมาณเท่าใด ราคาเสนอขาย ก็ยังคงอยู่และยังไม่หมดไปจากตลาด โดยที่ผู้ที่ตั้ง Offer มาก ๆ มักจะมีเป้าหมายในการสะสมหุ้นในราคาที่ต้องการ หรืออาจจะต้องการซื้อหุ้นในปริมาณที่มากขึ้นในช่วงราคาที่พึงพอใจ ซึ่งพฤติกรรมนี้สามารถสันนิษฐานได้ว่าเป็นผู้เล่นรายใหญ่หรือเจ้ามือในตลาด เนื่องจากพวกเขาสามารถเคาะซื้อหุ้นได้ต่อเนื่อง โดยที่ ราคาเสนอขาย ยังไม่หมด เนื่องจากปริมาณหุ้นที่ตั้ง เสนอขาย ไว้มีมากกว่าฝั่ง เสนอซื้อ อย่างเห็นได้ชัด
- Bid และ Offer มากอย่างเห็นได้ชัด
หากเราดูจากภายนอก อาจจะมองว่ารูปแบบการเสนอราคาซื้อขายในลักษณะนี้ดูดี เพราะมีปริมาณการซื้อขายที่สูงและสภาพคล่องดี ทำให้สามารถซื้อหรือขายหุ้นได้อย่างสะดวก หากราคาหุ้นปรับตัวลงก็สามารถตัดขาดทุนได้ง่าย ซึ่งก็ไม่ผิดทั้งหมด แต่ควรจะประเมิณสิ่งอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การใช้กราฟประกอบการตัดสินใจ เนื่องจากการเสนอราคาซื้อขายในรูปแบบนี้ยังไม่สามารถบ่งชี้แนวโน้มของหุ้นได้ชัดเจนว่าแนวโน้มจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง
- Bid และ Offer น้อยอย่างเห็นได้ชัด
รูปแบบนี้หมายความว่าในช่วงเวลานั้นหุ้นตัวนี้ยังไม่มีนักลงทุนให้ความสนใจมากนัก และยังไม่ค่อยมีปริมาณการซื้อขายเข้ามา ทำให้สภาพคล่องของหุ้นต่ำ การวิเคราะห์แนวโน้มในช่วงนี้จึงค่อนข้างยาก หากเจอสถานการณ์เช่นนี้ ควรหลีกเลี่ยงการเข้าซื้อหุ้นในทันที เพราะอาจยังไม่สามารถคาดเดาทิศทางราคาของหุ้นได้ชัดเจน
หากคุณยังคงสนใจหุ้นตัวนี้จริงๆ แนะนำให้รอจนกว่าปริมาณการซื้อขายเริ่มเข้ามามากขึ้น หรือกราฟของหุ้นเริ่มแสดงแนวโน้มที่ดีขึ้น การรอช่วงเวลานั้นก่อนที่จะเข้าไปลงทุนจะช่วยให้การตัดสินใจมีความมั่นใจมากขึ้น และไม่เสี่ยงกับการซื้อหุ้นในช่วงที่ไม่มีความชัดเจนในทิศทางราคา
วิธีการดู Bid Offer อ่านพฤติกรรมราคา
การใช้ Bid Offer เพื่ออ่านพฤติกรรมราคาในตลาดการเงินนั้น สามารถทำได้หลากหลายวิธี ดังนี้
1. สังเกตการเปลี่ยนแปลงของ Spread
การสังเกตการเปลี่ยนแปลงของ Spread จะช่วยให้เราเข้าใจถึงสถานการณ์ในตลาด ในกรณีที่ตลาดมีสภาพคล่องสูง Spread มักจะค่อนข้างแคบ ในขณะที่ตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำจะมี Spread ที่กว้างขึ้น การที่ Spread ขยายตัวอาจหมายถึงการเกิดความไม่แน่นอนในตลาด และอาจบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของทิศทางราคาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
2. การจับตามองปริมาณการซื้อขาย
อีกวิธีหนึ่งที่สำคัญในการดู Bid Offer คือการตรวจสอบปริมาณการซื้อขายหรือ Volume ควบคู่ไปกับราคา หากมีการซื้อขายจำนวนมาก อาจแสดงถึงการที่ตลาดพร้อมที่จะเคลื่อนไหวหรือมีแนวโน้มที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงราคา
3. ใช้กราฟเทคนิค (Technical Analysis)
กราฟเทคนิคสามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับ Bid Offer เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมราคาในอนาคต โดยการดูรูปแบบราคาหรือการเคลื่อนไหวของราคาในอดีตจะช่วยให้เราทำนายทิศทางในอนาคตได้ดีขึ้น
4. ใช้ Indicators เพื่อการวิเคราะห์
นักลงทุนหลายคนใช้เครื่องมือ Indicators ต่าง ๆ ร่วมกับการดู Bid Offer เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ เช่น Relative Strength Index (RSI), Moving Average (MA) หรือ Bollinger Bands ซึ่งสามารถช่วยให้เราเห็นสัญญาณที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในการตัดสินใจลงทุน
ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของ Bid Offer
การเคลื่อนไหวของ Bid Offer ในตลาดสามารถได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัยที่นักลงทุนควรพิจารณา เช่น
1. ข่าวสารเศรษฐกิจและการเมือง
ข่าวสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย, การรายงานผลประกอบการของบริษัท, หรือข่าวการเมืองที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน Bid Price และ Offer Price ได้อย่างรวดเร็ว
2. ปัจจัยทางจิตวิทยาของนักลงทุน
อารมณ์ของนักลงทุน เช่น ความกลัวหรือความโลภ สามารถทำให้การซื้อขายในตลาดมีความผันผวนสูง ซึ่งอาจทำให้ Spread กว้างขึ้นหรือแคบลงอย่างไม่คาดคิด
3. ความผันผวนของตลาด
ความผันผวนในตลาดอาจเกิดจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ในตลาด สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้ Bid Offer เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและไม่สม่ำเสมอ
เทคนิคการใช้ Bid Offer ในการเทรด
การใช้ Bid Offer ในการเทรดไม่ใช่แค่การดูราคาเสนอซื้อเสนอขายเพื่อเลือกจุดเข้าหรือออกจากการลงทุน แต่ยังสามารถใช้เพื่อหาทิศทางของตลาดและการเข้าออกอย่างมีประสิทธิภาพ
1. การเข้าซื้อในช่วงที่ Bid Price ใกล้เคียงกับ Offer Price
การเข้าซื้อในช่วงที่ Bid Price และ Offer Price ค่อนข้างใกล้เคียงกันบ่งชี้ว่า ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงที่มีความเสถียรภาพ ราคาจะไม่ผันผวนมาก การเข้าในช่วงนี้สามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้
2. การตั้งคำสั่ง Stop Loss ที่เหมาะสม
การตั้ง Stop Loss อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดเพื่อป้องกันความเสี่ยง คำสั่ง Stop Loss ควรตั้งในจุดที่ไม่ไกลจาก Bid Price หรือ Offer Price มากเกินไป ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของตลาด
3. ใช้คำสั่ง Limit Order เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
คำสั่ง Limit Order คือคำสั่งที่คุณตั้งราคาเข้าซื้อหรือขายในราคาที่ต้องการ ซึ่งแตกต่างจาก Market Order ที่จะซื้อหรือขายทันทีตามราคาตลาด การใช้ Limit Order ร่วมกับการดู Bid Offer จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดราคาที่ต้องการได้แม่นยำยิ่งขึ้น
สรุป
การดู Bid Offer และการอ่านพฤติกรรมราคานั้นเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการวิเคราะห์ตลาดการเงิน การทำความเข้าใจและการใช้ข้อมูลจาก Bid Price และ Offer Price จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ว่าจะเป็นการดูการเคลื่อนไหวของ Spread การใช้กราฟเทคนิค หรือการพิจารณาข่าวสารเศรษฐกิจและการเมือง คุณก็สามารถปรับใช้ความรู้เหล่านี้ในการทำกำไรจากตลาดการเงินได้อย่างมั่นใจ
การฝึกฝนและการติดตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของ Bid Offer จะทำให้คุณเข้าใจถึงพฤติกรรมของราคาและสามารถวางกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์