ถ้าพูดถึงเบียร์ คนส่วนใหญ่คงนึกถึงประเทศเยอรมนี แต่รู้ไหมว่าประเทศที่ผลิตเบียร์และมีการบริโภคเบียร์มากที่สุดในโลกนั้นไม่ใช่เยอรมนีหรืออเมริกาแต่อย่างใด แต่กลับเป็นประเทศจีน ภูมิภาคเอเชียของเรานี่เอง ซึ่งเมืองที่ผลิตเบียร์โดยมีประวัติมาอย่างยาวนานกว่า 120 ปี และมีชื่อเสียงระดับโลกก็คือเมือง “Qingdao” หรืออ่านว่า”ชิงเต่า” ส่วนเบียร์ที่มีชื่อเสียงจากเมืองนี้ก็คือเบียร์ “Tsingtao” และวันนี้เราจะมาพูดถึงเบียร์ Tsingtao ที่ผลิตที่เมือง Qingdao นี้กัน
(คำเตือน : บทความนี้ไม่ได้มุ่งเน้นเพื่อโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณ และไม่ได้ชักจูงให้ดื่มแต่อย่างใด, “เบียร์ ทำร้ายครอบครัว ทำลายสังคมได้”)
ทำความรู้จักเมือง”ชิงเต่า”
“Qingdao” หรือ “ชิงเต่า” เป็นชื่อเมืองที่ติด Top 10 ของเมืองที่สวยที่สุดในประเทศจีน และถือเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญเพราะเป็นเมืองท่าที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของมณฑลซานตงและติดกับทะเลเหลือง(Yellow Sea) ซึ่งมีชายหาดยาวกว่า 700 กิโลเมตร จึงเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางการค้าระหว่างประเทศและการท่องเที่ยว เพราะนอกเหนือจากภูเขาและทะเลที่งดงามแล้ว ยังเป็นเมืองที่สวยงามไปด้วยตึกรามบ้านช่องหรือสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป ถึงกับได้รับฉายาว่าเป็น”สวิตเซอร์แลนด์แห่งตะวันออก”เลยทีเดียว (The Switzerland of the Orient)
ประวัติศาสตร์เมือง”ชิงเต่า”
- ทำไมชิงเต่าถึงได้มีกลิ่นอายยุโรปบนผืนแผ่นดินจีน นั่นก็เพราะว่าชิงเต่าเคยถูกลงนามในสนธิสัญญาให้เช่าเมืองเจียวอ้าว (ชื่อเดิมของเมืองชิงเต่า) เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 1898 (จากคดีสังหารมิชชันนารีชาวเยอรมันที่จวี้เหย่) จึงตกเป็นเขตเช่าของจักรวรรดิเยอรมันนับตั้งแต่นั้น
- ปี ค.ศ. 1914 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มขึ้น ญี่ปุ่นซึ่งประกาศสงครามกับเยอรมันได้บุกรุกและยึดครองเมืองเจียวอ้าวเพื่อใช้ประโยชน์ทางการทหารแทน
- ปี ค.ศ. 1922 จีนทำการยึดคืนกลับมาได้
- ปี ค.ศ 1930 เมืองเจียวอ้าวเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองชิงเต่า คำว่า ชิง (青) แปลว่า เขียว และคำว่า เต่า (島) แปลว่า เกาะ รวมหมายถึง เกาะแห่งความเขียวขจี เนื่องจากสมัยก่อนเมืองแห่งนี้ปกคลุมด้วยแมกไม้สีเขียวทั่วทั้งเมือง และได้ใช้ชื่อนี้มาจนถึงปัจจุบัน
- ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นบุกประเทศจีนและยึดเมืองชิงเต่าอีกครั้งเมื่อเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 1938
- ในช่วงปี ค.ศ. 1945 เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม รัฐบาลก๊กมินตั๋งก็ได้เข้าปกครองเมืองชิงเต่าแทน
- ต่อมาวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ.1946 มีการเซ็นสนธิสัญญาการเดินเรือมิตรภาพเพื่อการค้าจีน-อเมริกา เพื่อให้กองทัพเรือสหรัฐฯ มีสิทธิผ่านน่านน้ำจีน
- เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์ได้สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้น กองทัพสหรัฐฯ จำต้องถอนทหารออก ดังนั้นในวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ.1949 รัฐบาลคอมมิวนิสต์จึงได้เข้ามาปกครองเมืองชิงเต่าโดยสมบูรณ์นับแต่นั้นมา
เมื่อดูจากประวัติศาสตร์แล้ว เรียกได้ว่าเมืองชิงเต่าถือเป็นเมืองที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญทั้งทางการค้า การทหารและความมั่นคงแห่งชาติ และไม่แปลกใจที่จะมีสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานหลายชนชาติเกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้
กำเนิดเบียร์ Tsingtao
Tsingtao (ออกเสียงเหมือนชื่อเมือง “Qingdao” “ชิงเต่า”) โดยเบียร์Tsingtao ก่อกำเนิดมาจากชาวเยอรมันที่เข้ามาอยู่อาศัยที่เมืองชิงเต่า(ช่วงสนธิสัญญาให้เช่าเมืองเจียวอ้าว) แล้วนึกถึงรสชาติของเบียร์ประเทศบ้านเกิด จึงทำให้พ่อค้าชาวเยอรมันและชาวอังกฤษร่วมกันก่อตั้งโรงผลิตเบียร์ขึ้นในเดือนส.ค. ปี 1903 ใช้ชื่อบริษัทว่า Germania-Brauerei Tsingtao Co. โดยได้เริ่มกลั่นเบียร์ดำรสชาติอ่อนแบบเบียร์ Pilsner ของเยอรมันและเบียร์ดำแบบมิวนิคจนเกิดเครื่องดื่มที่มีฟองขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศจีน โดยช่วงแรกของการก่อสร้าง ทั้งเครื่องจักรและวัตถุดิบต่างๆ ก็ต้องนำเข้าจากจักรวรรดิเยอรมัน ยกเว้นน้ำที่ใช้น้ำใต้ดินจากภูเขาหลานซาน
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดและจักรวรรดิเยอรมันแพ้สงคราม ญี่ปุ่นจึงได้เข้ามาควบคุมกิจการของโรงเบียร์แห่งนี้ และเปลี่ยนชื่อเป็น “Dai Nippon Beer Company” แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 พรรคก๊กมินตั๋งได้เข้าควบคุมกิจการต่อ กระทั่งในวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ.1949 เมื่อกองทัพทหารแห่งพรรคคอมมิวนิสต์มีชัยชนะ จึงได้เข้ามาควบคุมโรงเบียร์แห่งนี้และเปลี่ยนชื่อเป็น “รัฐวิสาหกิจเบียร์ชิงเต่า” (State Tsingdao Brewery)
จนกระทั่งปี 1993 จึงเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น Tsingtao Brewery และเข้าสู่ตลาดทุนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ในเวลาถัดมา กลายเป็นบริษัทจีนแผ่นดินใหญ่แห่งแรกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ และเมื่อจีนเข้าเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก(WTO) เบียร์ชิงเต่าก็ได้เป็นพันธมิตรกับอันเฮาเซอร์ บุช ผู้ผลิตเบียร์ บัดไวเซอร์
จากประวัติที่มีมาอย่างยาวนาน กล่าวได้ว่าเบียร์ชิงเต่าถือได้ว่าเป็นตัวแทนของการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมการผลิตเบียร์แบบเยอรมันและวัตถุดิบท้องถิ่นของจีนได้เป็นอย่างดี
สาระน่ารู้เพิ่มเติม:
ในปี 2006 นิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) จัดให้บริษัทเบียร์ชิงเต่าอยู่ในอันดับ 68 จากจำนวน 200 บริษัททั่วโลกที่ได้รับการยอมรับนับถือมากที่สุด และในปี 2005 กับ 2008 หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ (Financial Times) ก็คัดเลือกให้เบียร์ชิงเต่าเป็น 1 ใน 10 แบรนด์ชั้นนำของจีน เบียร์ชิงเต่าจึงเป็นที่รู้จักมากขึ้นและโด่งดังจนกลายเป็นเบียร์ระดับโลก
และในปี 2008 เบียร์ชิงเต่าเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปักกิ่ง และการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปักกิ่งในปี 2022
ในปี 2023 โรงเบียร์ชิงเต่าทำรายได้ทางธุรกิจสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับสถิติเดิม โดยบริษัทมีปริมาณการขายรวม 8.007 ล้านกิโลลิตร และมีรายได้ 33.94 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 5.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้น 4.27 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งรายได้จากธุรกิจและกำไรสุทธิของบริษัททำสถิติสูงสุดใหม่
ปัจจุบันโรงเบียร์ชิงเต่าเป็นผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก โดยมีการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังมากกว่า 120 ประเทศ และมีมูลค่าบริษัทถึงเกือบ 484,000 ล้านบาท
ยังมีเทศกาลเบียร์ประจำปีของเมืองชิงเต่า (Qingdao Beer Festival) หรือกล่าวได้ว่าเป็นเทศกาลเบียร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งโดยปกติจะจัดขึ้นประมาณ2สัปดาห์ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี
นอกจากนี้ภูมิภาคต่างๆในประเทศจีน ต่างมีเบียร์ท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อของตนเอง เช่น เบียร์ Beijing Yanjing (ภาคเหนือ) เบียร์ Harbin (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) เบียร์ Tsingtao (ภาคตะวันออก) เบียร์ Snow Beer (ภาคกลาง) เบียร์ Pearl River (ภาคใต้) เป็นต้น
สรุป
แต่ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ของประเทศใด หรือยี่ห้อใดก็ตาม ถ้าดื่มแล้วก็ต้องดูแลตัวเอง ไม่ให้ไปทำความเดือดร้อนต่อผู้อื่นด้วย อย่าขาดสติ ดื่มไม่ขับดีที่สุด อย่าประมาท ไม่ว่าจะกี่แก้วหรือกี่จิบก็ตาม เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเราเองและคนรอบข้าง
ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงความประมาทว่า “ปมาโท มจฺจุโน ปทํ” แปลว่า “ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย” และ “อปฺปมาโท อมตํ ปทํ” แปลว่า “ความไม่ประมาท เป็นทางอมตะ”
“เมาไม่ขับ เดี๋ยวจะหลับไม่ตื่น”