“โจ ลูกอีสาน” หรือ อนุรักษ์ บุญแสวง คือหนึ่งในนักลงทุนที่มีชื่อเสียงในวงการตลาดหุ้นไทย ด้วยแนวคิดการลงทุนแบบ Value Investing (VI) หรือการลงทุนที่เน้นการซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดีในราคาที่เหมาะสม เขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “คนจนก็เล่นหุ้นได้” ผ่านการสร้างพอร์ตการลงทุนที่เติบโตจากหลักแสนเป็นหลักร้อยล้านบาทภายในระยะเวลาเพียง 12 ปีเท่านั้น
ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับเส้นทางการลงทุนของโจลูกอีสานตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน รวมถึงแนวคิดการลงทุนที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างสูงในวงการนี้
โจ ลูกอีสานคือใคร?
อนุรักษ์ บุญแสวง หรือที่รู้จักในชื่อ “โจ ลูกอีสาน” เป็นนักลงทุนสาย Value Investor ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในประเทศไทย เขาเป็นคนหนึ่งที่เริ่มต้นจากการลงทุนในหุ้นด้วยทุนไม่มากนัก แต่ด้วยความมุ่งมั่นและแนวคิดการลงทุนที่ชัดเจน ทำให้สามารถสร้างพอร์ตการลงทุนที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
โจลูกอีสานเกิดที่จังหวัดพังงา เป็นลูกคนที่ 2 จากพี่น้อง 4 คนในครอบครัวที่ฐานะค่อนข้างยากจน ทำให้เขาต้องเรียนรู้ที่จะทำงานเสริมเพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัวตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขามีความมานะบากบั่นและความตั้งใจในการทำงานและการเรียนรู้ต่อไป
จุดเริ่มต้นเส้นทางการลงทุน
จุดเริ่มต้นในการลงทุนของโจ ลูกอีสานมาจากคำพูดเพียงประโยคเดียวของพี่ชายของเขา ซึ่งพูดว่า “จะลาออกจากงานประจำมาเทรดหุ้น เพราะไม่ต้องทำอะไรเลยก็มีเงินใช้” ประโยคนี้ทำให้เขาสนใจและเริ่มศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้น โดยเริ่มต้นศึกษาทั้งการวิเคราะห์เชิงเทคนิคและการลงทุนแบบ Value Investing ที่เน้นการเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดีในราคาถูก
การลงทุนครั้งแรก
การลงทุนครั้งแรกของโจ ลูกอีสานเริ่มขึ้นหลังจากเขาจบการศึกษาปริญญาตรีได้ 3 ปี ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 เขาเริ่มต้นด้วยเงินทุน 300,000 บาทที่ได้รับจากคุณแม่, เพื่อนสนิท และเงินเก็บส่วนตัว แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามคาด เขาขาดทุนจนเหลือเงินเพียง 120,000 บาท
ถึงแม้จะขาดทุน เขาก็ไม่ได้ท้อถอย แต่กลับตัดสินใจแบ่งทุนคืนให้กับเพื่อนสนิทและกลับไปเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุนเพิ่มเติม โดยเขาเริ่มศึกษาการลงทุนอย่างจริงจังในระหว่างที่ทำงานเป็นพ่อครัวในร้านอาหารเกาหลีที่สหรัฐอเมริกา
การพัฒนาตัวเองในฐานะนักลงทุน
ในช่วงเวลาที่ทำงานที่สหรัฐอเมริกา โจ ลูกอีสานเริ่มศึกษาแนวคิดการลงทุนจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เช่น Paul A. Renaud ที่มีแนวคิดเกี่ยวกับการลงทุนระหว่างประเทศ โดยมีหลักการว่า “ซื้อหุ้นขนาดเล็กที่พื้นฐานดี” นอกจากนี้ เขายังได้รับแรงบันดาลใจจากบทความของ Peter Eric Dennis ที่กล่าวว่า “คนไทยมักจะต่อคิวซื้อพันธบัตรที่มีดอกเบี้ยปีละ 6% แต่กลับไม่ซื้อหุ้นดี ๆ ที่จ่ายเงินปันผลให้ถึง 10% ทุกปี”
จากการศึกษาและแนวคิดที่ได้รับ เขากลับมาทำการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง เริ่มต้นด้วยการฝากเงินเข้าพอร์ตเดือนละ 1,000 ดอลลาร์จากการทำงาน และเริ่มลงทุนหาหุ้นเล็กแต่พื้นฐานดี
การเติบโตของพอร์ตการลงทุน
หนึ่งในหุ้นที่ทำให้โจ ลูกอีสานประสบความสำเร็จในครั้งนี้คือหุ้น VGN ซึ่งเขาซื้อในราคา 15 บาท และขายออกไปที่ราคา 30 บาท ทำให้เขากำไร 100% แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือราคาหุ้นตัวนี้กลับเติบโตขึ้นไปอีกกว่า 10 เท่า ซึ่งทำให้เขาเข้าใจว่า “หุ้นที่ดียิ่งถือนานก็ยิ่งโต”
เขาใช้กำไรจากการลงทุนครั้งนี้มาขยายพอร์ตต่อเนื่อง โดยไม่ถอนเงินออกมาใช้จ่าย เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยทบต้นทำงานให้กับเขาอย่างเต็มที่ ผลลัพธ์จากการลงทุนนี้ทำให้พอร์ตการลงทุนของเขาเติบโตมากกว่า 400 เท่า จากเงินทุนเริ่มต้นที่ประมาณ 800,000 บาทเท่านั้น และกลายเป็นหนึ่งในนักลงทุนสาย Value Investor ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศไทย
แนวคิดการลงทุนของโจลูกอีสาน
โจ ลูกอีสานเชื่อในการลงทุนที่เน้นการเลือกหุ้นที่มี พื้นฐานดี และซื้อในราคาที่ ถูก โดยไม่เน้นการซื้อขายบ่อย ๆ แต่จะถือหุ้นไว้ในระยะยาว เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด โดยเขามีแนวคิดในการลงทุนดังนี้
- เลือกหุ้นจากพื้นฐานของธุรกิจ: โจ ลูกอีสานจะพิจารณาคุณภาพของธุรกิจเป็นอันดับแรก และจะเลือกหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต
- การกระจายความเสี่ยง: เขาจะลงทุนในหุ้นหลายตัวที่มาจากธุรกิจที่ต่างกันเพื่อกระจายความเสี่ยง
- ระยะเวลาการถือหุ้น: โดยทั่วไป เขาจะถือหุ้นประมาณ 1-3 ปี ก่อนที่จะขายออกไปในราคาที่เหมาะสม
- อัตราดอกเบี้ยทบต้น: เขามักจะใช้แนวคิดการทบต้น เพื่อให้เงินทุนและผลกำไรเติบโตไปเรื่อย ๆ โดยแทบจะไม่ถอนเงินออกมาใช้
ในปี 2566 ที่ผ่านมาพอร์ตการลงทุนของโจ ลูกอีสานยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี เขายังคงยึดแนวทาง Value Investing อย่างเคร่งครัด และเลือกลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว ปัจจุบันเขายังคงมีหุ้นหลายตัวในพอร์ต โดยเขาเน้นการเลือกหุ้นจากทั้งธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดเล็กที่ยังมีศักยภาพในการเติบโต
เขาเคยกล่าวว่า “การเข้าซื้อหุ้นแต่ละครั้งคือการเข้าซื้อธุรกิจ ไม่ใช่แค่การซื้อหุ้น” ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดที่เขายึดถือในการลงทุน
บทสรุป
จากเด็กที่เติบโตในครอบครัวยากจน สู่การเป็นนักลงทุนที่มีพอร์ตการลงทุนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว อนุรักษ์ บุญแสวง หรือ โจ ลูกอีสาน ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ด้วยแนวคิดการลงทุนที่มั่นคงและความยึดมั่นในแนวคิดว่า “คนจนก็เล่นหุ้นได้” ก็สามารถทำให้เขาประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกับคนที่มีต้นทุนมาก
โจลูกอีสานเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้ความรู้และความพยายามในการลงทุนจนประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างผลกำไรให้กับตัวเองเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักลงทุนรุ่นใหม่ ๆ ที่ต้องการเติบโตในเส้นทางการลงทุนเช่นเดียวกัน