การขับขี่รถยนต์ในโลกมีระบบการตั้งพวงมาลัยแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ซึ่งอาจสร้างความสับสนให้กับนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ หนึ่งในระบบที่พบเห็นมากที่สุดคือ การขับรถพวงมาลัยขวา หรือที่เรียกว่า “การขับรถในฝั่งขวา” ซึ่งในประเทศที่ใช้ระบบนี้ ผู้ขับขี่จะนั่งอยู่ด้านขวาของรถและขับไปทางซ้ายของถนน
ในบทความนี้ เราจะพาไปสำรวจ ประเทศที่ขับรถพวงมาลัยขวา และเหตุผลที่ทำให้ระบบนี้ยังคงได้รับความนิยมในหลายประเทศทั่วโลก
การขับรถพวงมาลัยขวาคืออะไร?
การขับรถ พวงมาลัยขวา หมายถึง รถยนต์ที่มีพวงมาลัยอยู่ทางด้านขวาของรถ ผู้ขับขี่จะนั่งด้านขวาของรถและใช้มือซ้ายควบคุมพวงมาลัย ระบบนี้จะทำให้ผู้ขับขี่ขับไปทางซ้ายของถนน แทนที่จะขับไปทางขวาเหมือนในประเทศที่ใช้พวงมาลัยซ้าย
ประเทศที่ใช้ระบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศที่มีการตั้งระบบการขับขี่โดยยึดหลักการขับขี่ทางซ้าย และในบางกรณี มีการปรับใช้ระบบนี้เพื่อตอบสนองต่อความต้องการทางประวัติศาสตร์และการขนส่ง
ประวัติความเป็นมาของการขับรถพวงมาลัยขวา
การขับรถพวงมาลัยขวามีรากฐานมาจากยุโรปในช่วงยุคที่การขนส่งเริ่มพัฒนา ในสมัยที่ยังไม่มีรถยนต์ การเดินทางส่วนใหญ่จะใช้ม้าเป็นพาหนะ และในการขี่ม้า คนส่วนใหญ่จะขี่ม้าในลักษณะที่อยู่ด้านซ้ายของม้า เพื่อให้มือขวาที่ถือดาบหรืออาวุธใช้งานได้สะดวก ซึ่งแนวปฏิบัตินี้ได้ส่งผลให้หลายประเทศในยุโรปเริ่มขับรถอยู่ฝั่งซ้ายของถนนตามมา
อย่างไรก็ตามในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลายประเทศเริ่มใช้รถยนต์และมีการกำหนดกฎจราจรที่แตกต่างกันไป เช่น ประเทศอังกฤษได้เลือกใช้รถที่มีพวงมาลัยขวาในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเลือกใช้พวงมาลัยซ้าย ซึ่งต่อมากลายเป็นมาตรฐานของการขับขี่ในหลายประเทศทั่วโลก
ประเทศที่ขับรถพวงมาลัยขวา
หลายประเทศในโลกยังคงใช้ระบบ พวงมาลัยขวา และขับรถทางซ้ายของถนน การเลือกใช้นี้มักมีพื้นฐานจากประวัติศาสตร์หรือวัฒนธรรมที่ส่งผลต่อการเลือกตั้งระบบนี้ ปัจจุบันมี ประมาณ 76 ประเทศ ทั่วโลกที่ใช้การขับรถแบบนี้ ดังนี้
1. ประเทศอังกฤษ (UK)
สหราชอาณาจักร หรือที่รู้จักกันในชื่ออังกฤษเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่ใช้ระบบการขับรถ พวงมาลัยขวา ที่ขับขี่บนฝั่งซ้ายของถนน นี่คือหนึ่งในประเทศที่มีการใช้ระบบนี้มายาวนาน โดยเฉพาะในช่วงสมัยของจักรพรรดิอังกฤษที่ส่งผลให้การขับขี่ในประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมส่วนใหญ่มีการยึดถือระบบนี้มาจนถึงทุกวันนี้
- เหตุผลที่ใช้: การขับขี่ทางซ้ายเริ่มต้นในสมัยโรมันและได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการในอังกฤษตั้งแต่ศตวรรษที่ 18
2. ออสเตรเลีย
ออสเตรเลีย ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ใช้การขับรถ พวงมาลัยขวา ประเทศนี้มีระบบถนนที่ขับขี่ทางซ้ายและมีกฎระเบียบที่คล้ายคลึงกับประเทศอังกฤษ
- เหตุผลที่ใช้: ระบบการขับขี่นี้สืบทอดจากการปกครองของอังกฤษในอดีต
3. ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่น เป็นอีกประเทศที่มีระบบการขับรถ พวงมาลัยขวา แม้ว่าจะไม่ได้มีอิทธิพลจากอังกฤษโดยตรงเหมือนหลายๆ ประเทศอื่นๆ แต่ก็มีการนำระบบนี้มาใช้ตั้งแต่ช่วงต้นของศตวรรษที่ 20
- เหตุผลที่ใช้: แม้ว่าญี่ปุ่นจะมีความเป็นอิสระจากอังกฤษ แต่ก็มีการนำระบบนี้มาใช้ในช่วงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
4. อินเดีย
อินเดีย เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ใช้การขับรถ พวงมาลัยขวา บนถนนที่ขับไปทางซ้าย ระบบนี้ได้รับอิทธิพลจากการปกครองของอังกฤษในช่วงอาณานิคม
- เหตุผลที่ใช้: ระบบนี้ได้รับการยอมรับและสืบทอดมาจากอังกฤษ
5. สิงคโปร์
สิงคโปร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนาและเทคโนโลยีสูงที่สุดในเอเชียก็ใช้ระบบการขับรถ พวงมาลัยขวา เช่นเดียวกับประเทศในเครือจักรภพอื่นๆ
- เหตุผลที่ใช้: สิงคโปร์ได้รับอิทธิพลจากการปกครองของอังกฤษในช่วงอดีต
6. บังคลาเทศ
บังคลาเทศ อีกหนึ่งประเทศในเอเชียที่ใช้ระบบการขับรถ พวงมาลัยขวา บนถนนที่ขับไปทางซ้าย ซึ่งได้รับอิทธิพลจากอังกฤษ
- เหตุผลที่ใช้: สืบทอดมาจากการปกครองของอังกฤษในอดีต
7. ปากีสถาน
ปากีสถาน ยังใช้การขับขี่แบบ พวงมาลัยขวา บนถนนที่ขับไปทางซ้าย และได้รับอิทธิพลจากการปกครองของอังกฤษในอดีต
- เหตุผลที่ใช้: ระบบนี้ถูกนำมาใช้ในช่วงการปกครองของอังกฤษ
และอื่นๆ อีกกว่า 69 ประเทศ แบ่งตามภูมิภาค ดังนี้:
เอเชีย
- มาเลเซีย
- ศรีลังกา
- เนปาล
- มัลดีฟส์
- ฮ่องกง (เขตปกครองพิเศษของจีน)
- กัมพูชา
- ฟิลิปปินส์
- บรูไน
- ไต้หวัน
- เมียนมาร์
- ลาว
- ไทย
แอฟริกา
- แอฟริกาใต้
- เคนยา
- ยูกันดา
- ซิมบับเว
- บอตสวานา
- โมซัมบิก
- แองโกลา
- ติมอร์-เลสเต
- เซเชลส์
- มอริเชียส
- ซาอีร์ (Congo-Kinshasa)
- รวันดา
- มาลาวี
- บูร์กินาฟาโซ
- ชาด
- มอริเตเนีย
- กาบอง
- กานา
ออสเตรเลียและโอเชียเนีย
- ออสเตรเลีย
- นิวซีแลนด์
- ปาปัวนิวกินี
- ฟิจิ
- ซามัว
- ตองกา
- วานูอาตู
- คุกไอส์แลนด์
- นิวแคลิโดเนีย
- เกาะเฟรนช์โปลินีเซีย
- หมู่เกาะโซโลมอน
ยุโรป
- สหราชอาณาจักร (อังกฤษ)
- ไอร์แลนด์
- ไซปรัส
- มอลตา
- หมู่เกาะแชนเนล (เช่น เกิร์นซีย์, จอร์ซีย์)
- หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ (Falkland Islands)
- หมู่เกาะแซงต์เฮเลนา (Saint Helena)
- หมู่เกาะแมน (Isle of Man)
- หมู่เกาะฟอกแลนด์ (Falkland Islands)
อเมริกา
- จาไมกา
- บาฮามาส
- เบอร์มิวดา
- แองกวิลลา
- แคนคุน
- โบลิเวีย
- มอนต์เซอรัต
- เกาะฟอล์กแลนด์ (Falkland Islands)
- เกาะแซงต์เฮเลนา (Saint Helena)
- บาร์เบโดส
ตะวันออกกลาง
- คูเวต
- บาห์เรน
- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- โอมาน
อื่น ๆ
- บริติชอินเดียนโอเชียนเทอริทอรี (British Indian Ocean Territory)
- เกาะพิตแคร์น (Pitcairn Islands)
- เกาะวิกตอเรีย (Victoria Island)
- เกาะแอนตาร์กติกา (Antarctica)
- หมู่เกาะแคนารี (Canary Islands)
- หมู่เกาะวอลลิสและฟุตูนา (Wallis and Futuna)
- หมู่เกาะเชเชลส์ (Seychelles)
- หมู่เกาะคุก (Cook Islands)
เหตุผลที่ประเทศเหล่านี้ใช้ระบบพวงมาลัยขวา
หลายประเทศที่ใช้ระบบการขับรถ พวงมาลัยขวา มีเหตุผลที่คล้ายคลึงกัน โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการตกลงและการปกครองของอังกฤษในอดีต สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้การขับขี่ในฝั่งซ้ายยังคงมีอยู่ในหลายประเทศ ได้แก่:
- ประวัติศาสตร์การปกครอง: หลายประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เช่น อินเดีย ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ได้รับอิทธิพลจากระบบขับขี่ของอังกฤษและนำมาใช้ต่อ
- โครงสร้างพื้นฐานที่สืบทอด: ในหลายประเทศ โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนและสัญญาณจราจรถูกสร้างขึ้นโดยยึดตามหลักการขับขี่ในฝั่งซ้าย ทำให้การปรับเปลี่ยนระบบให้ขับขี่ทางขวาเป็นเรื่องยาก
- ความคุ้นเคยและความสะดวก: การขับขี่ทางซ้ายและพวงมาลัยขวาเป็นระบบที่คุ้นเคยสำหรับผู้ขับขี่ในประเทศเหล่านี้ การเปลี่ยนแปลงระบบอาจทำให้เกิดความยุ่งยากและอันตราย
ความแตกต่างระหว่างประเทศที่ขับขี่พวงมาลัยขวากับพวงมาลัยซ้าย
ระบบการขับขี่ที่มี พวงมาลัยขวา กับ พวงมาลัยซ้าย มีความแตกต่างที่สำคัญในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจราจร การเดินทางข้ามประเทศ หรือการขับขี่ในต่างประเทศ
- ทิศทางการขับขี่: ในประเทศที่ใช้พวงมาลัยขวา ผู้ขับขี่จะขับรถไปทางซ้ายของถนน ในขณะที่ประเทศที่ใช้พวงมาลัยซ้ายจะขับไปทางขวา
- การนำเข้าและการใช้รถ: ในประเทศที่ใช้พวงมาลัยขวา มักจะนำเข้ารถยนต์จากประเทศที่ใช้ระบบเดียวกัน เช่น ญี่ปุ่นและอังกฤษ ซึ่งทำให้การขับขี่ในประเทศเหล่านี้สะดวกกว่า
การขับรถพวงมาลัยขวาเป็นสิ่งที่คุ้นเคยในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่มีประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกับการเป็นอาณานิคมของอังกฤษ การขับขี่ในประเทศเหล่านี้จำเป็นต้องมีการปรับตัวเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด การทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎจราจรในแต่ละประเทศจะช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย