“กฤษน์ ศรีชวาลา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟิโก้ กรุ๊ป และ บริษัท ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หนึ่งในทายาท ตระกูล “ศรีชวาลา” โดยเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองในวัย 17 ปี เป็นธุรกิจจําหน่ายเครื่องจักรแร่สิงห์ทอล์ จากสวิตเซอร์แลนด์ และได้สะสมประสบการณ์จนได้เป็นเจ้าของอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่าหมื่นล้านบาท และยังคงมีโรงแรม อาคารสำนักงานย่านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ มากกว่า 10 แห่ง และยังคงมีโรงแรมในต่างประเทศอีกกว่า 30 แห่ง ซึ่งปัจจุบันเขาและครอบครัวเข้าไปลงทุนด้วยกัน 5 หลักทรัพย์ แบ่งเป็นหุ้น 3 ตัว และ 2 กองทุนอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งครอบครัวมีมูลค่า 236.90 ล้านบาท ประกอบไปด้วย
- บมจ.เอคิว เอสเตท หรือ AQ ประกอบธุรกิจพัฒนาและค้าอสังหาริมทรัพย์ ทั้งแนวราบและแนวสูง และบริการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ โดยคุณกฤษน์ ถือหุ้นใหญ่เป็นลำดับ 2 จำนวน 7,880,000,000 หุ้น หรือ 9.24% ราคา วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ปิดที่ 0.02 บาทต่อหุ้น รวมมีมูลค่า 157.60 ล้านบาท
- บมจ.ไพร์ม โรด เพาเวอร์ หรือ PRIME ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า จากพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 69,854,133 หุ้น หรือ 1.64% ราคา ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ปิดที่ 0.21 บาทต่อหุ้น รวมมีมูลค่า 14.67 ล้านบาท
- กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เคพีเอ็น หรือ KPNPF นโยบายการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (freehold) ที่ดิน อาคารสำนักงาน และระบบสาธารณูปโภคของอาคารเคพีเอ็น ทาวเวอร์ ประกอบด้วย ที่ดิน 2 ไร่ 2 งาน 14.7 ตารางวา อาคารสำนักงาน สูง 27 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 6 หมื่นตารางเมตรและพื้นที่ให้เช่ารวมมากว่า 2.5 หมื่นตารางเมตร โดยคุณกฤษน์ ถือหุ้นใหญ่เป็นลำดับ 5 จำนวน 11,000,000 หุ้น หรือ 6.11% ราคา ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ปิดที่ 2.72 บาทต่อหุ้น รวมมีมูลค่า 29.92 ล้านบาท และยังมีคนในครอบครัวศรีชวาลาเข้าลงทุนในตลาดหุ้นด้วย
โดยคนแรกเป็นของ คุณอัครเดช ศรีชวาลา (พ่อ) ผู้ก่อตั้งและเจ้าของบริษัท เอเวอร์เรส เวิลด์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นแบรนด์หรู อาทิ CHARRIOL, BALLY, ETRO และ VERTU ปัจจุบันถือ 1 หลักทรัพย์ ลงทุนในหุ้น PRIME โดยถือหุ้นใหญ่ลำดับ 10 จำนวน 53,650,300 หุ้น หรือ 1.26% รวมมูลค่า 11.26 ล้านบาท (ถือหลักทรัพย์เดียวกันกับคุณกฤษน์)
ถัดมาคุณวินิตา ศรีชวาลา (ภรรยา) ปัจจุบันถือ 1 หลักทรัพย์ บมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ หรือ GRAND ประกอบธุรกิจโรงแรม ให้เช่าสถานประกอบการศูนย์การค้า และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดย คุณวินิตา ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 8 จำนวน 70,000,000 หุ้น หรือ 0.84% ราคา ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ปิดที่ 0.11 บาทต่อหุ้น รวมมีมูลค่า 7.70 ล้านบาท
โดยถัดมาเป็นคนในตระกูล คือคุณเทพฤทธิ์ ศรีชวาลา (เครือญาติ) หัวเรือใหญ่ แห่ง B&G Park รับหน้าที่บริหารอสังหาฯ มูลค่ากว่าพันล้านบาท และเป็นกรรมการ บริษัท บี แอนด์ จี รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ บี แอนด์ จี หรือ BGREIT เพื่อเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าของโครงการอินเตอร์เชนจ 21 ซึ่งมีแผนเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย ด้วยกองทุนทรัพย์สินทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แกรนด์ โฮสพีทาลิตี้ หรือ GAHREIT มีนโยบายลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดิน อาคาร สิ่งปลูกสร้าง และสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินโครงการโรงแรม เชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา โดยคุณเทพฤทธิ์ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 9 จำนวน 1,245,400 หุ้น หรือ 0.71% ราคา ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ปิดที่ 6.60 บาทต่อหุ้น รวมมีมูลค่า 8.22 ล้านบาท
และรายสุดท้าย คือ คุณพรเทพ ศรีชวาลา (เครือญาติ) ปัจจุบันถือ 1 หลักทรัพย์ เป็นกองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แกรนด์ โฮสพีทาลิตี้ หรือ GAHREIT (ซึ่งเป็นหลักทรัพย์เดียวกับคุณเทพฤทธิ์) โดยที่คุณพรเทพ ถือหุ้นใหญ่ลำดับ 10 จำนวน 1,141,000 หุ้น หรือ 0.65% (ข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567) ราคา ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ปิดที่ 8.60 บาทต่อหุ้น รวมมีมูลค่า 7.53 ล้านบาท
รวมทั้งครอบครัวมีมูลค่า 236.90 ล้านบาท (อัพเดท วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567) ถึงแม้ว่ามูลทรัพย์สินทางการเงินจะลดลงกว่าแต่ก่อน แต่อาณาจักรของตระกูลศรีชวาลาก็ยังคงยิ่งใหญ่อยู่ดี
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มตระกูลศรีชวาลา หรือ “ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น” ภายใต้อาณาจักร “กฤษน์ ศรีชวาลา นอกจากจะมี ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่างโรงแรม อาคารสำนักงาน ที่โดดเด่นแล้ว ยังพบว่าการลงทุนในหุ้นก็ยังเลือกที่จะเข้าไปลงทุนอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย นอกจากนี้ ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น ยังมีกลุ่มธุรกิจสิ่งทอ แฟชั่น มีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ไปจนถึงธุรกิจร้านอาหาร อาทิเช่น โดมิโน พิซซ่า เคียวโชน เดอะคอฟฟี่บีนแอนด์ทีลีฟ ฯลฯ
คุณกฤษน์มีชื่อเสียงในฐานะผู้ที่มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทย และสามารถสร้างอาณาจักรธุรกิจอสังหาฯ มูลค่าหมื่นล้านบาทได้สำเร็จ ด้วยประสบการณ์และความรู้ในตลาดอสังหาฯ ที่ลึกซึ้ง คุณกฤษน์จึงได้รับการยอมรับเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่มีอิทธิพลในวงการนี้ และได้กลายเป็นต้นแบบในการบริหารธุรกิจอสังหาฯ ที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ตระกูล “ศรีชวาลา” เชื้อสายอินเดียที่มาตั้งรกรากในไทยตั้งแต่รุ่นทวดนั้น เริ่มต้นจากการขายผ้า สู่ธุรกิจสิ่งทอ จนกระทั่งปัจจุบันลูกหลานใน “ตระกูลศรีชวาลา” ต่างแยกย้ายแตกไลน์สร้างอาณาจักรเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแฟชั่น ทั้งนำเข้ามาในประเทศและสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง ร้านอาหาร ขณะเดียวกันก็ยังสนามกอล์ฟ อสังหาริมทรัพย์ฯ และยังมีธุรกิจอื่น ๆ อีกมากมาย ฉะนั้นเป็นที่น่าจับว่า ธุรกิจของตระกูล “ศรีชวาลา” จะเติบโตไปได้ไกลแค่ไหนท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นทุกวันในทุกเกือบอุตสาหกรรมที่มีอยู่ในมือ