ประวัติ :
จากนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ มาร์ค วีนสตีน ได้กลายมาเป็นเทรดเดอร์แบบเต็มตัว โดยเริ่มจากเพื่อนที่เป็นโบรกเกอร์ชวนให้มาเทรดข้าวโพด โดยเริ่มต้นด้วยเงิน 8,400 ดอลลาร์ เขาได้เปิด Long ข้าวโพดตามคำแนะนำของวิเคราะห์ 3 วันต่อมา เขาขาดทุน 7,800 ดอลลาร์ นี่เป็นจุดเริ่มต้นในฐานะเทรดเดอร์ของเขา
กว่าที่เขาจะกลับเข้าไปในตลาดใหม่ได้ ต้องเก็บเงินทำงานอย่างหนัก กว่า 6-7 เดือน โดยตั้งแต่เขากลับเข้าไปในตลาด เขาใช้เวลาทั้งวันคลุกอยู่กับมัน ในอพาร์ทเมนต์ของเขามีชาร์ทติดอยู่เต็มผนังทุกด้าน มันไม่ใช่แค่งาน แต่มันคือความคลั่งไคล้ของเขาเลย เขานอนกับมัน ฝันถึงมันอยู่ตลอด
เริ่มต้นจากเงินเก็บประมาณ 20,000 ดอลลาร์ ภายใน 3-4 ปี เขาได้ปั้นพอร์ตให้กลายเป็น 1 ล้านดอลลาร์ได้
แต่มีช่วงสาหัสอยู่ช่วงหนึ่ง คือ ตอนที่เขาจะหากำไรเพื่อมาซื้อปราสาทหลังหนึ่ง โดยเป้าหมายของเขาถูกกำหนดขึ้นมาด้วยมูลค่าของปราสาท (350,000 ดอลลาร์) ซึ่งไม่ได้มาจากการวิเคราะห์ตลาดเลย
เป็นช่วงที่เขาเสียเงินไปกว่าครึ่ง (ตอนนั้นเขามีเงิน 1.5 ล้านดอลลาร์ เขาเสียเงินไปกว่า 600,000 ดอลลาร์) เกินภาวะทางจิตใจที่ผิดปกติไปพักนึงเลย
เขาใช้เวลาหลายเดือนที่ทำใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากนั้นก็กลับเข้ามาเทรดใหม่ โดยรอบนี้ได้รู้จักกับเพื่อนที่คอยเขาสอนเขา ซึ่งเป็น “นักอ่านเทป หรือ Tape reader” (คล้ายๆการดู Bid-Offer) ที่ช่วยสอนเขาจนสามารถเป็นเทรดเดอร์ที่สร้างกำไรได้
- ไม่มีวิธีการควบคุมความเสี่ยงที่ชัดเจน ใช้ความรู้สึกและสัญชาตญาณ
- เคยแข่งเทรด Option โดยทำงานจาก 100,000 ดอลลาร์ เป็น 900,000 ดอลลาร์ ในเวลา 3 เดือน
- เขาเทรดทุกอย่าง ออปชั่น, ฟิวเจอร์, สินค้าโภคภัณฑ์
- ดูปัจจัยทางเทคนิค
- ผมไม่เคยมีเดือนไหนที่ขาดทุนเลย (ตั้งแต่ปี 1980)
- อัตราการชนะ (Win rate) อยู่ที่ราวๆ 99% (ฟังดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ – ความเห็นส่วนตัว)
ข้อคิด :
- อย่าตั้งเป้าหมายการเทรดด้วยมูลค่าจากสิ่งของที่อยากได้
- การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเพียงสิ่งที่ช่วยสนับสนุนสำหรับผมเท่านั้น และเหตุผลจริงๆ ที่ผมทำเงินได้ก็เพราะว่า “ประสบการณ์”
- สาเหตุที่ทำให้บางคนต้องออกจากตลาด : เพราะอ่อนประสบการณ์ ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครหมดตัวจากตลาดเพียงเพราะความโชคร้าย
- วีนสตีนได้คิดค้นระบบคอมพิวเตอร์ที่ล้ำสมัยซึ่งเขาทำการปรับแต่งด้วยตัวเองเพื่อมาเฝ้าติดตามตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ออกแบบมาเพื่อวัดการเปลี่ยนแปลงในโมเมนตัมของตลาดอย่างต่อเนื่อง
- เขาผสมผสานการวิเคราะห์แบบ Real-time เข้ากับการวิเคราะห์ชาร์ทซึ่งรวบรวมเอาวิธีการหลากหลายรูปแบบเข้าไว้ด้วยกัน รวมถึง Cycles, Fibonacci retracements, Elliot Wave analysis และที่สำคัญ คือ เซนส์ ในการเทรดของเขาเอง
- เทรดเดอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ คนที่มีความกลัวในตลาดอย่างที่สุด
- ผมจะไม่ขาดทุนเป็นจำนวนมากในการเทรดของผม ผมจะรอช่วงเวลาที่ถูกต้องเหมาะสมอย่างแท้จริง (คล้ายๆกับ เจมส์ บี โรเจอร์ จูเนียร์)
- การเทรดเหมือนเสือซีตาร์ : แม้จะเป็นสัตว์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก แต่เวลาล่าเหยื่อ มันอาจจะซุ่มในพุ่มไม้อยู่เป็นสัปดาห์ รอจนกว่าจะถึงเวลาที่ถูกต้อง รอจนกว่าลูกละมั่งผ่านมา และไม่ใช่แค่ลูกละมั่งธรรมดา ต้องเป็นลูกละมั่งที่ป่วย หรือ ขากะเผลกอีกด้วย
- เดย์เทรด : ผมไม่จับจุดต่ำสุดหรือสูงสุด ผมจะแค่กินในระหว่างช่วงเวลาตรงกลางที่ซึ่งโมเมนตัมมันสูงที่สุด
- มันไม่มีการประเมินทางเทคนิควิธีใดที่จะใช้ได้ผลตลาดเวลาทุกครั้ง คุณต้องรู้ว่าเมื่อไรที่จะใช้วิธีใด
- ผมไม่พยายามที่จะคาดเดาว่าตลาดจะไปในทิศทางใดก่อนที่มันจะเกิดขึ้น ผมจะรอให้ตลาดเป็นตัวบอกผมว่ามันจะไปในทิศทางใด
- มันมีข้อมูลทางเทคนิคหลายตัวในตลาดหุ้นที่สามารถเอาไปใช้เพื่อจับสัญญาณดูว่าตลาดกำลังจะทำอะไรบางอย่าง อาทิ Divergence, Advance/Decline, Sentiment, Put/call ratio และอื่นๆ
- ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตลาด : ผู้คนมักจะคาดหวังให้ตลาดตอบสนองกับข่าวอยู่เสมอ
- ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตลาด : สื่อชอบรายงานเวลาตลาดตกว่า มีคนขายทำกำไร ซึ่งจริงๆ แล้วต้องมีทั้งทำกำไร และขาดทุน
- แนะนำมือใหม่ : เรียนรู้วิธีที่จะแพ้ สำคัญกว่าเรียนรู้ที่จะชนะ
- แนะนำมือใหม่ : เทรดเดอร์ควรที่จะกลัวการขาดทุนที่สูง และคาดหวังผลกำไรที่มากขึ้น
กฏในการเทรดของ มาร์ค วีนสตีน
- ทำการบ้านของคุณอยู่เสมอ
- อย่าทำตัวหยิ่งยโส เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณหยิ่งยโสคุณจะละเลยการควบคุมความเสี่ยง
- เข้าใจขีดจำกัดของคุณ
- เป็นตัวของตัวเอง คิดสวนทางกับฝูงชน เพราะในไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะต้องขาดทุน
- อย่าเทรดจนกว่าโอกาสจะเผยตัวของมันเองมาเสียก่อน
- กลยุทธ์ของคุณจำเป็นจะต้องมีความยืดหยุ่นเพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลง
- อย่าหลงระเริงมากเกินไปเมื่อคุณกำไร
เพิ่มเติมเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง