Pin Bar คือ
Pin Bar หรือส่วนมากจะรู้จักกันในชื่อของ Hammer และ Shooting star เป็นรูปแบบที่นักเทคนิคส่วนมากนิยมใช้กัน จุดเด่นคือ ดูง่าย และ มีประสิทธิภาพ สามารถนำไปสร้างกลยุทธ์ในการเทรดได้หลากหลาย
โดยบางตำราใช้ชื่อว่า Pinocchio หรือ Kangaroo tail
หลักการเบื้องหลังของ Pin Bar
Bullish Pin Bar (Hammer)
แท่งที่มีไส้เทียนยาวๆ ลงมาด้านล่าง โดยแสดงถึงในระหว่างวันมีแรงขายใส่เข้ามา แต่สุดท้ายเกิดแรงซื้อกลับที่รุนแรงกว่าดันให้ราคากลับมาเป็นที่บริเวณ High ของแท่งนั้น
เป็นการสะท้อนให้โมเมนตัมเชิงบวกกำลังจะกลับมาในรอบสั้น
Bearish Pin Bar (Shooting Star)
ตรงกันข้าม แท่งที่มีไส้เทียนยาวๆ ขึ้นมาด้านบน โดยแสดงถึงในระหว่างวันมีแรงซื้อเข้ามา แต่สุดท้ายเกิดแรงขายกลับที่รุนแรงกว่าดันให้ราคากลับมาเป็นที่บริเวณ Low ของแท่งนั้น
เป็นการสะท้อนให้โมเมนตัมเชิงลบกำลังจะกลับมาในรอบสั้น
การเทรด Pin Bar
เช่นเดียวกันการใช้เครื่องมือ Technical analysis โดยทั่วไป ที่ไม่สามารถนำมาสร้างกลยุทธ์เทรดด้วยเป็นตัวเดียวได้ ต้องอาศัยการผสมผสานกับเครื่องมืออื่น เพื่อช่วยให้ดึงประสิทธิของมันออกมาให้สูงที่สุด
โดยเครื่องมือที่นิยมใช้กับการเทรด Pin Bar ที่ฮิตที่สุดคือใช้ควบคู่กับ “แนวรับ แนวต้าน”
กลยุทธ์ฝั่งซื้อ (Buy Setup) ในการใช้ Pin Bar
- ราคาเปิดของแท่งที่เป็น Pin Bar อยู่เหนือกว่าระดับ แนวรับ
- ไส้เทียนของ Pin Bar แท่งนั้น ลงมาต่ำกว่าระดับ แนวรับ (ในระหว่างวัน)
- สุดท้าย ราคาปิดของแท่งที่เป็น Pin bar นั้น กลับขึ้นมาปิดเหนือกว่าระดับ แนวรับ
กลยุทธ์ฝั่งขาย (Sell Setup) ในการใช้ Pin Bar
- ราคาเปิดของแท่งที่เป็น Pin Bar อยู่ต่ำกว่าระดับ แนวต้าน
- ไส้เทียนของ Pin Bar แท่งนั้น ขึ้นไปสูงกว่าระดับ แนวต้าน (ในระหว่างวัน)
- สุดท้าย ราคาปิดของแท่งที่เป็น Pin bar นั้น กลับลงมาปิดต่ำกว่าระดับ แนวต้าน
กลยุทธ์การเทรดนี้ให้เน้นโฟกัสไปที่การขึ้น/ลง แตะแนวรับ/แนวต้านของแท่งเทียนที่เป็น Pin bar ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในการเทรดของกลยุทธ์นี้
และอีกสิ่งหนึ่งที่เทรดเดอร์ต้องพิจารณาด้วยคือลักษณะของแท่งเทียน Pin Bar ว่า
- สัดส่วนของไส้เทียน กับ ตัวเทียบ เป็นอย่างไร
- ไส้ยาวมากพอไหมที่จะบอกว่าเป็น Pin Bar , ตัวเทียนเล็กไหมหรือใหญ่ไปไหม, ตำแหน่งตัวเทียนอยู่ในช่วงขอบๆหรือเปล่า
- ตัวเทียนที่เป็น Bullish หรือ Bearish
- ใน Bullish Pin Bar ถ้าอยากให้สมบูรณ์แบบ ตัวเทียนก็ควรเป็นสีเขียว (ราคาปิด > ราคาเปิด) และในทางตรงกันข้าม Bullish Pin Bar ก็ควรให้ตัวเทียนเป็นสีแดง (ราคาปิด < ราคาเปิด)
ตัวอย่างการเทรด Pin Bar
ตัวอย่างที่ 1
- ตัวอย่างในช่วงซ้ายของกราฟ เป็นการเกิด Pin Bar ในจังหวะที่ไม่ได้เจอแนวต้าน ทำให้ไม่มีนัยสำคัญพอที่จะส่งผลให้ราคาปรับตัวลงทันที
- ในช่วงทางขวามือ เป็นการเกิด Pin Bar ในช่วงที่เจอแนวรับพอดี จากนั้นราคาก็เด้งกลับขึ้น
ตัวอย่างที่ 2
- ราคาเกิด Bearish Pin Bar ที่บริเวณแนวต้านของกรอบสี่เหลี่ยมรูปแบบ Rectangle
- ประกอบกับ RSI ชี้ให้เห็นถึงโมเมนตัมการขึ้นที่อ่อนแอลง
- 3 สิ่งนี้ กดดันให้ราคาอ่อนตัวลงในที่สุด
สรุป Pin Bar
การเทรดโดยใช้ Pin Bar เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ใน Price Action ที่เน้นการดูพฤติกรรมจากราคาเป็นหลัก ซึ่งโดยทั่วไปเทรดเดอร์มักใช้คู่กับ แนวรับ/แนวต้าน แต่ก็สามารถนำไปต่อยอดใช้กับเครื่องมืออื่นต่างๆได้ อาทิ RSI, เส้นค่าเฉลี่ย, Fibonacci, Bollinger Bands และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อนำไปสร้าง Set up หรือกลยุทธ์การเทรดนั่นเอง