บอย ท่าพระจันทร์ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการธุรกิจของประเทศไทย เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลอย่างมากในวงการพระเครื่องและการลงทุน อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่เชี่ยวชาญทั้งในด้านการสะสมของเก่ากับการลงทุนซื้อมาขายไป ซึ่งการเติบโตและความสำเร็จของเขาเป็นเรื่องราวที่สะท้อนถึงความเพียรพยายาม ความเข้าใจในวัฒนธรรมและธุรกิจไทยอย่างลึกซึ้ง บทความนี้จะพาไปสำรวจประวัติของบอย ท่าพระจันทร์ ตั้งแต่วันแรกที่เขาก้าวเข้าสู่โลกธุรกิจจนถึงการเป็นผู้เชี่ยวชาญในวงการพระเครื่องและการลงทุนจนถึงทุกวันนี้
บอย ท่าพระจันทร์ (ชื่อจริง อรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย) เกิดเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2523 ในสมัยมัธยม ได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนวัดประดู่ในทรงธรรม และศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต และย้อนไปเมื่ออายุ 13 ปี บอย ท่าพระจันทร์ ได้เริ่มเข้าวงการพระครั้งแรก ต่อมา อายุเพียง 23 ปี สามารถซื้อบ้านหลักหลายล้านบาทได้ด้วยตัวเอง และอายุ 33 ปี ได้เริ่มเข้าสู่วงการตลาดหุ้นครั้งแรก และเริ่มเรียนรู้ศึกษาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาโดยมีเงินหมุนเวียนอย่างมหาศาลในพอร์ตหุ้นของตน และเมื่ออายุ 40 ปี ก็ยังเริ่มศึกษาของเก่าอย่างกระเพาะปลาที่มีมูลค่าอย่างมาก ปัจจุบัน บอย ท่าพระจันทร์ อายุ 44 ปี ก็ยังคงมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากจากวงการต่างๆที่ทำให้ผู้คนได้รู้จักตัวตนของเขา นอกจากนั้น บอย ท่าพระจันทร์ยังเป็นที่รู้จักของบุคคลมีชื่อเสียงต่างๆมากมาย ไม่ว่าทั้งในวงการดารา นักแสดง นักร้อง หรือนักฟุตบอล ที่ซึ่งตัว บอย ท่าพระจันทร์ เองนั้นก็ชื่นชอบในกีฬาฟุตบอลอีกด้วย โดยตอนนี้บอย ท่าพระจันทร์ ได้แต่งงานกับภรรยาและมีลูกด้วยกัน 4 คน ซึ่งจะสามารถตามความเคลื่อนไหวของบอย ท่าพระจันทร์ ได้จากเพจส่วนตัวบน Facebook ที่มียอดผู้ติดตามเกือบหนึ่งล้านคน ด้วยความที่เป็นบุคคลที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จในชีวิต จนมีแต่คนสนใจศึกษาประวัติของ บอย ท่าพระจันทร์ และอาจสร้างอิทธิพลให้ผู้คนต่างพากันสนใจตลาดการลงทุนหุ้น พระเครื่อง หรือรวมถึงกระเพาะปลาอีกด้วย
หนึ่งในจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตของ บอย ท่าพระจันทร์ คือการเข้าสู่โลกของพระเครื่อง ซึ่งพระเครื่องในประเทศไทยมีความสำคัญทางด้านศาสนาและวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน พระเครื่องบางชิ้นไม่เพียงแต่มีความหมายทางศาสนา แต่ยังเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงศิลปะและประวัติศาสตร์ของไทย โดยเฉพาะพระเครื่องที่ถูกสร้างโดยพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจากวัดต่างๆ
บอย ท่าพระจันทร์ เมื่อเริ่มศึกษาและเข้าใจในรายละเอียดต่างๆของพระเครื่องและความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับพระเครื่องในแง่ของการคุ้มครอง โชคลาภ และความเป็นสิริมงคล เขาใช้ความรู้เหล่านี้ในการสะสมและการเช่าพระเครื่อง ซึ่งทำให้เขาได้รับความน่าเชื่อถือในวงการ
ในระยะเวลาต่อมา บอย ท่าพระจันทร์ ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านพระเครื่องที่มีชื่อเสียง เขามีความสามารถในการเลือกเช่าพระเครื่องที่มีมูลค่าสูงและมีความเชื่อมโยงกับความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่อง ซึ่งทำให้เขากลายเป็นเซียนพระเครื่องที่มีชื่อเสียงอย่างมากในวงการ
แม้ว่าการสะสมและการเช่าพระเครื่องจะเป็นจุดเริ่มต้นของ บอย ท่าพระจันทร์ แต่การทำธุรกิจของ บอย ท่าพระจันทร์ ไม่ได้จำกัดแค่แต่ในวงการพระเครื่องเพียงอย่างเดียว เขายังมีการลงทุนในตลาดหุ้นที่กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ๆของหลายบริษัท อย่างเช่น กลุ่ม JMART ซึ่งมักจะได้เห็นบอย ท่าพระจันทร์ มีการซื้อขายหุ้นด้วย Value หรือ Volume ใหญ่ๆหลักล้าน หรือสิบล้านบาทขึ้นไปอยู่หลายครั้ง ซึ่งก็จะมีทั้งกำไรและขาดทุนรวมปะปนกันไป และบอย ท่าพระจันทร์ ก็ยังให้ความสนใจในของสะสมที่มีการเทรดที่มูลค่าซื้อมาขายไปที่สูงมากๆอีกอย่างก็คือ กระเพาะปลา เช่น ปลากิมจี้ ที่จะมีมูลค่าสูงถึงหลักสิบล้านบาท และในบ้านของบอย ท่าพระจันทร์ ก็ยังคงมีของสะสมดังกล่าวอีกมากมายที่มีมูลค่าแตกต่างกันไปตามคุณภาพ ขนาด หรือความหายากของกระเพาะปลาแต่ละชนิด
ในวันนี้ บอย ท่าพระจันทร์ถือเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดทั้งในวงการพระเครื่อง การลงทุน และการสะสมของเก่าในประเทศไทย ความรู้และประสบการณ์ของเขาได้ช่วยส่งเสริมและพัฒนาเขามาอยู่ ณ จุดปัจจุบัน ชื่อของเขากลายเป็นสัญลักษณ์ของความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถือในวงการเหล่านี้และผู้คนก็ต่างพากันพูดถึงเขา เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากทั้งนักสะสมและนักลงทุนด้วยกัน ในขณะเดียวกัน เขายังช่วยเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระเครื่องให้คนทั่วไปได้รับทราบถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปะของพระเครื่องแต่ละชิ้นรวมถึงกระเพาะปลา
การศึกษาประวัติของ บอย ท่าพระจันทร์ เป็นเรื่องราวของความสำเร็จที่เกิดจากความมุ่งมั่น ความรู้ และการทำความเข้าใจตลาดพระเครื่องอย่างลึกซึ้ง เขาได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการพระเครื่องและการลงทุนในประเทศไทย โดยการนำความรู้และประสบการณ์มาสู่คนทั่วไปและนักลงทุน