ในโลกที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด แต่ยังมีประเทศอีกหลายประเทศที่ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจจนทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานะของการเป็น “ประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก” ประเทศเหล่านี้มักมีอัตราความยากจนที่สูง รวมไปถึงการขาดแคลนทรัพยากรพื้นฐานและสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เติบโตตามที่ควรจะเป็น ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก รวมถึงสาเหตุที่ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์นี้ และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความยากจน

ปัจจัยที่ทำให้ประเทศยากจน

การที่ประเทศหนึ่งจะถือว่าเป็น “ยากจนที่สุด” ในโลกนั้น มักไม่ได้เกิดจากเหตุผลใดเหตุผลเดียว แต่เกิดจากการรวมกันของหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน ตัวอย่างของปัจจัยที่ทำให้ประเทศยากจนที่สุดในโลกได้แก่

  • การขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ: ประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจมักจะมีอัตราความยากจนสูง เนื่องจากไม่สามารถสร้างรายได้จากการขายทรัพยากรหรือการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ต้องการวัตถุดิบจากธรรมชาติ
  • การปกครองที่ไม่เสถียร: การมีรัฐบาลที่ไม่เสถียร การขาดกฎหมายที่มีประสิทธิภาพหรือการขัดแย้งภายในประเทศสามารถทำให้เศรษฐกิจไม่เติบโต
  • ความขัดแย้งและสงคราม: ประเทศที่ประสบปัญหาสงครามหรือความขัดแย้งภายในประเทศมักมีโครงสร้างเศรษฐกิจที่เสียหายจากการทำลายทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจทำได้ยาก
  • การศึกษาที่ต่ำและการขาดทักษะ: ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ไม่ดีและการขาดทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในอุตสาหกรรมสมัยใหม่มักจะมีอัตราการว่างงานสูงและมีเศรษฐกิจที่เติบโตได้ยาก
  • โรคระบาดและสุขภาพที่ไม่ดี: ประเทศที่มีปัญหาด้านสุขภาพหรือประสบโรคระบาดที่รุนแรงจะมีอัตราการเจ็บป่วยสูง ซึ่งส่งผลต่อการสูญเสียแรงงานและทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่า

จัดอันดับประเทศที่มีอัตราความยากจนสูง

แม้ว่าอัตราความยากจนในประเทศต่าง ๆ จะแตกต่างกันไปตามปีและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ แต่บางประเทศยังคงมีสถานะทางเศรษฐกิจที่แย่กว่าประเทศอื่น ๆ ตามดัชนีความยากจนต่าง ๆ เช่น GDP per capita ที่วัดถึงคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงการศึกษาและสุขภาพของคนในประเทศนั้น ๆ 

โดยสามารถจัดอันดับประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกปี 2024 จาก GDP per capita ได้ดังนี้

สาเหตุหลักที่ส่งผลต่อความยากจนของประเทศเหล่านี้

  1. การขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ: หลายประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก เช่น สาธารณรัฐบุรุนดี ขาดแคลนแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ เช่น การขุดเจาะน้ำมันหรือแร่ธาตุ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศ
  2. การขัดแย้งและสงคราม: ประเทศอย่างซูดานใต้ประสบกับสงครามที่ยืดเยื้อ ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรุนแรง นอกจากจะทำลายโครงสร้างพื้นฐานแล้ว ยังทำให้ประชากรต้องเผชิญกับความทุกข์ยากและการขาดแคลนอาหาร
  3. การปกครองที่ไม่เสถียร: ในหลายประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก เช่น ไลบีเรีย ประสบปัญหาด้านการเมืองและการปกครองที่ไม่เสถียรทำให้ไม่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้เต็มที่ การขาดการลงทุนจากต่างประเทศ และการทุจริตภายในประเทศ ทำให้โครงการพัฒนาต่าง ๆ ไม่สามารถสำเร็จได้
  4. การศึกษาและทักษะต่ำ: ประเทศที่ยากจนที่สุดมักจะมีอัตราการศึกษาและทักษะที่ต่ำ ซึ่งทำให้คนในประเทศเหล่านั้นมีโอกาสน้อยในการพัฒนาอาชีพและการทำงานที่มีรายได้สูง

ผลกระทบจากภาวะยากจน

การเผชิญกับความยากจนไม่ได้เป็นเพียงปัญหาส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของประเทศที่มีอัตราความยากจนสูง โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ดังนี้

การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้า

ความยากจนส่งผลให้ทรัพยากรมนุษย์ไม่สามารถใช้ศักยภาพเต็มที่ได้ เนื่องจากขาดการเข้าถึงการศึกษาที่ดี การฝึกอบรม และการพัฒนาทักษะ อันเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และผลผลิตของประเทศ การขาดโอกาสในการพัฒนาทักษะทำให้ประเทศไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวลง

ความไม่เสมอภาคและปัญหาสังคม

ประเทศที่มีความยากจนสูงมักประสบปัญหาความไม่เสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะในเรื่องการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา การบริการสุขภาพ หรือการทำงานที่มีคุณภาพ ความไม่เสมอภาคนี้จะก่อให้เกิดความไม่พอใจในสังคม อาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคม และการประท้วงที่สามารถกระทบต่อเสถียรภาพของประเทศได้

การขาดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน

เมื่อประเทศมีทรัพยากรจำกัด การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน, โรงพยาบาล, การศึกษา หรือระบบการขนส่งมักถูกละเลย ทำให้ประชาชนขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการพื้นฐานที่สำคัญ เช่น การรักษาพยาบาลหรือการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการสร้างกำลังคนที่มีคุณภาพ

ภาวะสุขภาพที่ย่ำแย่

ความยากจนมีผลกระทบโดยตรงต่อสภาพสุขภาพของประชากรในประเทศที่ยากจน โดยเฉพาะการขาดการเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ ส่งผลให้มีอัตราการตายจากโรคที่สามารถป้องกันได้สูง รวมถึงการแพร่ระบาดของโรคที่มีความสัมพันธ์กับสภาพความเป็นอยู่ที่แออัดและขาดน้ำสะอาด

การศึกษาและทักษะที่ต่ำ

การศึกษาคือกุญแจสำคัญในการพัฒนาประเทศ แต่ในประเทศที่ยากจน เด็กๆ มักไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพเนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูงหรือข้อจำกัดอื่น ๆ ซึ่งทำให้คนในประเทศไม่สามารถพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการทำงานในอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้า ผลกระทบนี้จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจของประเทศไม่สามารถพัฒนาตามที่ควรจะเป็น

ความเสี่ยงของการเมืองที่ไม่มั่นคง

ความยากจนสามารถกระตุ้นความไม่พอใจและความเครียดในสังคม ซึ่งอาจนำไปสู่การประท้วงหรือการโค่นล้มรัฐบาล การขาดเสถียรภาพทางการเมืองสามารถส่งผลกระทบต่อการลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไม่สามารถเติบโตได้ในระยะยาว

การพึ่งพาอาศัยจากต่างประเทศ

ประเทศที่ยากจนมักต้องพึ่งพาการช่วยเหลือจากต่างประเทศในรูปแบบของการให้ทุนหรือการกู้ยืม ซึ่งอาจทำให้ประเทศตกอยู่ในหนี้สินระยะยาวและเกิดปัญหาทางการเงินที่รุนแรงในอนาคต 

ผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ

ความยากจนที่เกิดจากการขาดงาน การศึกษา และสาธารณสุขสามารถทำให้ประชาชนขาดความพึงพอใจในรัฐและสถาบันทางการเมือง ส่งผลให้เกิดการขาดความไว้วางใจในรัฐบาล ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาด้านความมั่นคงในรูปแบบของการจลาจลหรือความรุนแรงในสังคม

การลดขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก

ประเทศที่มีความยากจนสูงมักมีโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ดีและขาดระบบการสนับสนุนที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจหรือการลงทุนต่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ดีเท่าประเทศที่พัฒนาแล้ว การขาดการลงทุนและนวัตกรรมที่มีคุณภาพยิ่งทำให้ประเทศที่ยากจนต้องอยู่ในวงจรของความยากจนอย่างต่อเนื่อง

สรุป

ประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกมักจะประสบกับปัญหาหลายด้านที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ, การขัดแย้งทางการเมือง, และการขาดแคลนการศึกษาที่ดี ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ประเทศเหล่านี้ยังคงประสบกับความยากจน แม้ว่าจะมีความพยายามในการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่การฟื้นฟูประเทศเหล่านี้จะต้องการการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและภาคประชาชนเพื่อให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต