คุณกวี ชูกิจเกษม คือหนึ่งในนักลงทุนที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักในวงการการเงินของไทยอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในแวดวง Value Investment (VI) หรือการลงทุนแบบเน้นคุณค่า โดยคุณกวีได้นำหลักการการลงทุนที่มั่นคงและยั่งยืนมาปรับใช้ในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการการเงินและการลงทุนของประเทศไทย โดยการมีกลยุทธ์การลงทุนที่มีความชัดเจนและเป็นระบบ ทำให้เขาได้รับการยอมรับจากนักลงทุนและผู้ที่สนใจในการสร้างความมั่งคั่งทางการเงิน

ประวัติส่วนตัวและการศึกษา

คุณกวี ชูกิจเกษม เกิดและเติบโตในประเทศไทย ก่อนที่จะออกไปศึกษาต่อที่ The University of Toledo ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในด้านการศึกษาด้านการเงิน โดยคุณกวีจบการศึกษาระดับปริญญาโทในสาขา Master of Finance ซึ่งช่วยให้เขามีทักษะและความเข้าใจในด้านการวิเคราะห์การเงินและการลงทุนได้อย่างลึกซึ้ง หลังจากสำเร็จการศึกษา คุณกวีได้กลับมาทำงานในวงการการเงินและการลงทุนในประเทศไทย จนกลายเป็นหนึ่งในนักลงทุนสาย Value Investor ที่มีชื่อเสียงในวงการ

เส้นทางสายอาชีพของคุณกวี ชูกิจเกษม

หลังจากกลับมาในประเทศไทย คุณกวี ชูกิจเกษม เริ่มต้นเส้นทางในวงการการเงินและการลงทุนโดยการทำงานใน บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย และยังคงดำรงตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ ในปัจจุบัน การทำงานในบทบาทนี้ทำให้เขามีโอกาสในการวิเคราะห์ตลาดหลักทรัพย์ และกลยุทธ์การลงทุนในบริษัทต่าง ๆ โดยการนำความรู้ด้านการเงินที่ได้รับจากการศึกษาต่อต่างประเทศมาปรับใช้ในวงการการเงินและการลงทุนของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้คุณกวีเป็นที่รู้จักคือเขามีความเชี่ยวชาญในการ วิเคราะห์มูลค่าหุ้น (Fundamental Analysis) และเชื่อมั่นในแนวทางการลงทุนแบบ Value Investing ซึ่งเขาจะเลือกลงทุนในหุ้นที่มี มูลค่าพื้นฐานดี และสามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว สิ่งนี้ทำให้เขาสามารถสร้างผลตอบแทนที่มีความยั่งยืนในระยะยาวให้กับพอร์ตการลงทุนของตนเองและลูกค้าของบริษัทที่เขาทำงานอยู่

แนวคิดการลงทุนของคุณกวี ชูกิจเกษม

ในฐานะนักลงทุนสาย VI (Value Investor) ที่เชื่อมั่นในการลงทุนระยะยาว คุณกวี ชูกิจเกษมมีแนวคิดการลงทุนที่มุ่งเน้นการเลือกหุ้นที่มี มูลค่าพื้นฐานดี และสามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว โดยเขาจะพิจารณาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อมูลค่าของหุ้น ซึ่งประกอบไปด้วย

1. ซื้อหุ้นดี

หนึ่งในหลักการสำคัญในการลงทุนของคุณกวี คือการเลือก หุ้นที่มีคุณภาพสูง ซึ่งหมายถึงบริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง, ความสม่ำเสมอของกำไร, ความภักดีของลูกค้า, และความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่ตนเองอยู่ นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึงความสามารถในการ สร้างกระแสเงินสด (Cash Flow) และการจัดการภายในบริษัท เช่น อัตราการเติบโตของกำไร และหนี้สินที่ควบคุมได้ดี

คุณกวี ชูกิจเกษมจะทำการเลือกหุ้นโดยใช้ ตัวเลขทางการเงิน และ การวิเคราะห์ธุรกิจ เพื่อประเมินมูลค่าพื้นฐานของหุ้นที่เหมาะสมกับการลงทุน โดยเขาจะดูที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin), อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) และความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว เช่น การประเมินการเติบโตของรายได้จากการขายสินค้าและบริการ

2. ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่พื้นฐาน

การเลือกหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานคือสิ่งที่ทำให้นักลงทุนสาย Value Investing สามารถได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อมูลค่าของหุ้นเหล่านั้นเพิ่มขึ้นในอนาคต คุณกวี ชูกิจเกษมเชื่อในการซื้อหุ้นเมื่อราคาหุ้น ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง หรือเมื่อมี วิกฤตทางการเงิน ที่ทำให้ราคาหุ้นตกต่ำลง นอกจากนี้เขายังใช้วิธีการ Top-Down และ Bottom-Up ในการเลือกหุ้นที่มีมูลค่าต่ำแต่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต

วิธีการ Dividend Discount Model (DDM) หรือการคิดมูลค่าหุ้นจากการคำนวณมูลค่าปันผลในอนาคตก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่คุณกวีใช้ในการประเมินมูลค่าหุ้น เพื่อให้ได้หุ้นที่มีราคาต่ำและมีความเสี่ยงต่ำที่สุด

3. ถือหุ้นในระยะยาว

หลักการของคุณกวี ชูกิจเกษมคือการเลือก ถือหุ้นที่มีพื้นฐานดี ตราบใดที่หุ้นเหล่านั้นยังมีศักยภาพในการเติบโตและธุรกิจของบริษัทยังดำเนินไปได้ดี การถือหุ้นในระยะยาวจะช่วยให้ผลตอบแทนจากการลงทุน เติบโตแบบทบต้น และสามารถสร้างผลกำไรที่ยั่งยืนได้

แนวคิดนี้เหมือนกับการลงทุนของ วอร์เรน บัฟเฟต นักลงทุนชื่อดังที่เน้นการถือหุ้นในบริษัทที่มีพื้นฐานดีในระยะยาว คุณกวีเชื่อว่าเมื่อบริษัทมีพื้นฐานที่ดีและการบริหารจัดการที่มีคุณภาพ ก็สามารถเติบโตได้ในระยะยาว และการถือหุ้นไปเรื่อย ๆ จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนในระยะยาว

4. การกระจายความเสี่ย

การ กระจายความเสี่ยง เป็นหลักการสำคัญในการจัดการพอร์ตการลงทุนของคุณกวี ชูกิจเกษม คุณกวีเชื่อว่า นักลงทุนไม่ควรทุ่มเงินทั้งหมดไปกับหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง แต่ควรมีการกระจายการลงทุนในหลายๆ ตัว โดยส่วนใหญ่จะเลือกหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำแต่มีโอกาสในการเติบโตระยะยาว ซึ่งการกระจายการลงทุนจะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดหุ้น

เขามักจะกระจายการลงทุนใน หุ้นคุณภาพดี จำนวนประมาณ 10 ตัวหลัก โดยมีหุ้นตัวเล็กๆ ที่มีสภาพคล่องต่ำเป็นส่วนเสริมเพื่อกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม การมีการกระจายการลงทุนจะช่วยให้พอร์ตการลงทุนมีความสมดุลและสามารถรองรับความผันผวนของตลาดได้

บทบาทของคุณกวี ชูกิจเกษมในวงการการเงิน

นอกจากการเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จแล้ว คุณกวี ชูกิจเกษมยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและเผยแพร่ความรู้ทางการลงทุนให้กับนักลงทุนรุ่นใหม่ เขามักจะมีการบรรยายและให้ความรู้ในการสัมมนาต่างๆ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับ Value Investing และการ วิเคราะห์หุ้น แก่นักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนมือใหม่

คุณกวี ชูกิจเกษมยังเป็นผู้ที่เขียนหนังสือเพื่อถ่ายทอดแนวคิดการลงทุนให้กับผู้ที่สนใจ โดยหนังสือของเขาได้รับการยอมรับและพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง ได้แก่ “เพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน” และ “เพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน ตอนมหัศจรรย์ผลตอบแทน” ซึ่งเป็นแนวทางการลงทุนที่อ่านง่ายและสามารถนำไปใช้ได้จริง

สรุป

คุณกวี ชูกิจเกษม ถือเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในวงการการเงินของไทย โดยเฉพาะในแวดวง Value Investing หรือการลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าพื้นฐานดีและสามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาว คุณกวีมีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ธุรกิจและการเลือกหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงการประยุกต์ใช้วิธีการที่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ

แนวคิดการลงทุนของคุณกวีสามารถสรุปได้เป็นหลักการ 4 ข้อสำคัญ ได้แก่ การเลือกหุ้นที่ดี, การ ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน, การ ถือหุ้นในระยะยาว, และการ กระจายความเสี่ยง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้เขาสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในระยะยาว นอกจากนี้ คุณกวียังได้ถ่ายทอดความรู้ในการลงทุนให้กับนักลงทุนรุ่นใหม่ผ่านการบรรยายและหนังสือที่เขาเขียน เพื่อส่งเสริมการลงทุนที่มีหลักการและยั่งยืน