เมื่อพูดถึง “แว่นท็อปเจริญ” หลายคนจะนึกถึงร้านแว่นที่อยู่คู่คนไทยมายาวนาน โดยแบรนด์นี้มีประวัติความเป็นมากว่า 80 ปีและมีการขยายสาขาอย่างกว้างขวางทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยมีสาขามากกว่า 2,100 แห่งทั่วประเทศ และได้ขยายธุรกิจไปยังเวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ซึ่งสามารถสร้างรายได้มหาศาลถึงระดับ 6,000 ล้านบาทในช่วงปีที่ผ่านมา
แว่นท็อปเจริญ ก่อตั้งขึ้นจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่จังหวัดสระบุรีในชื่อ “เจริญการแว่น” โดยคุณพ่อของคุณนพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์ ผู้ริเริ่มการออกขายแว่นตาทางเร่เพื่อให้บริการตรวจวัดสายตาถึงบ้าน หลังจากที่คุณพ่อและคุณแม่ของเขาเสียชีวิตกะทันหัน ทำให้คุณนพศักดิ์ ผู้ที่รับหน้าที่สานต่อและพัฒนาธุรกิจแว่นตาจากรุ่นบิดา ต้องเข้ามารับช่วงธุรกิจนี้ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในยุคที่การตลาดยังเป็นไปอย่างเรียบง่าย ด้วยวิธีการโฆษณาผ่านโทรทัศน์และการให้บริการหลังการขายที่ใกล้ชิดกับลูกค้า ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในปัจจุบันแว่นท็อปเจริญเน้นการให้บริการครบวงจร มีการนำเทคโนโลยี AI และระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ในการตรวจวัดสายตาและการปรับแว่นตาเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า อีกทั้งยังมีจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาและคอยควบคุมการบริการตรวจสายตาที่แม่นยำ รวมถึงการใช้เครื่อง AI Eye Partner ในการช่วยตรวจวัดและปรับแว่นตาให้เหมาะสมที่สุด ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ทำให้แว่นท็อปเจริญสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยได้มากถึง 41%
ข้อมูลรายได้ของแว่นท็อปเจริญในช่วงสามปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงความเติบโตของธุรกิจ:
- ปี 2564: รายได้รวมประมาณ 4,273 ล้านบาท กำไรสุทธิ 285 ล้านบาท
- ปี 2565: รายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 5,414 ล้านบาท กำไรสุทธิสูงถึง 627 ล้านบาท
- ปี 2566: รายได้รวมสูงขึ้นอีกเป็น 5,785 ล้านบาท แม้ว่ากำไรสุทธิจะปรับลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 281 ล้านบาท
นอกจากนี้ คุณนพศักดิ์มีวิสัยทัศน์ที่จะทำให้แว่นท็อปเจริญกลายเป็นผู้นำในตลาดแว่นตาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่ยอดเยี่ยม พร้อมกับสร้างแบรนด์ให้มีความน่าเชื่อถือและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภคในระดับสากล ความมุ่งมั่นในการพัฒนาบริษัทนี้ส่งผลให้แว่นท็อปเจริญกลายเป็นแบรนด์ที่คนไทยเชื่อถือและเลือกใช้เป็นอันดับแรกๆ และสามารถขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศได้อย่างแข็งแกร่ง